อย่าปล่อยให้แสงแดดทำร้ายผิว
การตากแดดนานเกิน 15 นาที รังสียูวีสามารถทำลายภูมิคุ้มกันร่างกาย ผิวหนัง นัยน์ตา และก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
โดย...วรธาร ทัดแก้ว
การตากแดดนานเกิน 15 นาที รังสียูวีสามารถทำลายภูมิคุ้มกันร่างกาย ผิวหนัง นัยน์ตา และก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง 300-400 รายต่อปี เป็นอันดับ 7 ของโรคมะเร็งในอวัยวะต่างๆ จึงไม่ควรมองข้ามภัยร้ายต่อผิวหนัง
ดร.อรณัฏฐ์ นครศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและนักวิจัย กล่าวในงานเสวนา “มะเร็งผิวหนังพบปีละ 400 คน ทำอย่างไรไม่ให้เป็นคนที่ 401” ที่จัดขึ้นโดยบริษัท ว๊อกซ์ (ประเทศไทย) ว่า แสงแดดมีทั้งประโยชน์และโทษ ประโยชน์คือช่วยฆ่าเชื้อ การรับแสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้าจะลดอาการตัวเหลืองของเด็กทารกได้ ในส่วนของผู้ใหญ่ก็จะทำให้ร่างกายสร้างวิตามินดีได้ แต่ต้องเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่ใช่ช่วงที่แดดแรงจนเกินไป
ขณะที่ พญ.พรภุชงค์ เลาห์เกริกเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวเฉพาะด้านผิวหนังและศัลยกรรมเลเซอร์ โรงพยาบาลพญาไท ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แสงแดดที่ควรหลีกเลี่ยงคือช่วงเวลา 10.00-16.00 น. รังสียูวีมีอยู่ทุกที่ทั้งในที่ทำงาน ในรถ ในบ้าน จึงควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 15 หรือมากกว่า ควรทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวมือบ่อยๆ และทาครีมกันแดดร่วมด้วย พร้อมทั้งย้ำว่า เฉพาะ 3 จุดสำคัญ คือ ริมฝีปาก ผิวตัว ผิวมือ ที่ต้องได้รับการปกป้องเพื่อป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต มิใช่เพียงฝ้า กระ หรือผิวดำแล้ว ปัจจุบันพบผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้นจากแสงแดดที่รุนแรง
พญ.พรภุชงค์ กล่าวว่า การทาครีมกันแดดปริมาณที่เพียงพอ คือ 2 ไมโครกรัมต่อตารางเซนติเมตร หรืออธิบายง่ายๆ คือ ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ และควรทาก่อนออกแดด 20-30 นาที ทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้คงประสิทธิภาพในการปกป้องรังสี UV ทั้งนี้ควรทามอยส์เจอไรเซอร์ก่อนแล้วตามด้วยครีมกันแดด การรับประทานคอลลาเจนก็ช่วยลดการทำลายของเซลล์ผิวจากยูวีได้
“คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง หากรับประทานโปรตีนที่มีประโยชน์อยู่แล้วร่างกายก็จะผ่านกระบวนการย่อยและเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนเพื่อมาใช้ในการทำงานของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย การรับประทานคอลลาเจนร่างกายก็จะผ่านกระบวนการย่อยเช่นเดียวกัน ในส่วนของดวงตาควรสวมแว่นกันแดดที่ป้องกันยูวี 400 ถ้าเน้นแว่นดำหากไม่กันยูวียิ่งอันตรายเพราะจะทำให้ม่านตาขยายและรับรังสียูวีโดยตรง ทุกที่ที่มีแสงสว่างให้ตาเรามองเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็นจากหลอดไฟ ในที่ทำงาน ในบ้าน ในรถ ลองสังเกตผิวข้างที่ขับรถ หรือข้างที่โดนแดดเป็นประจำจะมีกระหรือคล้ำกว่าอีกข้างหนึ่ง”
สำหรับคนที่ไม่ชอบทาครีมกันแดดหรือคิดว่าทาแต่อาจจะมีปริมาณไม่เพียงพอ พญ.พรภุชงค์ แนะนำว่า อาจจะเลือกฟิล์มติดรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันยูวี 400 และยูวี A1 อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะรู้สึกได้ คือ การป้องกันความร้อน (TSER) ฟิล์มที่มีค่ากันความร้อนสูงๆ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
“หากสามารถป้องกันรังสียูวีได้มากขึ้นก็จะลดปฏิกิริยาการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยถนอมผิวและยืดอายุการทำงานของจอประสาทตา เป็นการช่วยปกป้องอีกทาง นอกจากนั้นการอยู่กลางแจ้งในช่วงแดดแรงๆ ก็ควรกางร่ม หรืออยู่ในรถก็ควรติดฟิล์มป้องกันยูวีเพื่อลดอาการไหม้ ผิวหนังอักเสบจากแสงแดด ฝ้า กระ จุดด่างดำ ทั้งนี้ในคนที่เป็นไมเกรนแสงแดดจ้าอาจทำให้อาการไมเกรนกำเริบขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อต้องออกแดดควรสวมแว่นกันแดดด้วย”


