posttoday

พงศกร เมตตาริกานนท์ ก้าวต่อไปใน ‘บางระจัน’

15 มกราคม 2558

ผู้ชายคนนี้แจ้งเกิดมาแล้วในบท “บักจ่อย” จากละครเรื่อง “คุณชายรัชชานนท์” แต่หลังจากนั้นปีกว่าๆ เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์

โดย...นกขุนทอง

ผู้ชายคนนี้แจ้งเกิดมาแล้วในบท “บักจ่อย” จากละครเรื่อง “คุณชายรัชชานนท์” แต่หลังจากนั้นปีกว่าๆ เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์ ไม่มีผลงานแสดงออกสู่หน้าจออีกเลย จะมีบ้างเพียงงานอีเวนต์ที่มาตามความฮอตของเขา ที่ได้อานิสงส์มาจากละครเรื่องแรก ความโด่งดังของเขาไม่ได้ลดน้อยลง แต่เหมือนรถที่กำลังอุ่นเครื่องเพื่อเตรียมตัวพุ่งแล่นไปบนเส้นทางแสนไกลได้อย่างมั่นคงบนถนนวงการบันเทิงไทย

เปิดตัวด้วยละครฟอร์มยักษ์

วันนี้เขามีผลงานการแสดงปรากฏบนหน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง กับละครโปรเจกต์ยักษ์ของช่อง 3 “บางระจัน” รับบท “ทัพ” ซึ่งเป็นละครที่หลายคนจับตามอง นอกจากภาพรวมแล้ว ละครเรื่องนี้จะเป็นบทพิสูจน์เป็นใบเบิกทางของเขาไปสู่เรื่องต่อๆ ไป ในบทบาทพระเอกของช่อง

“ช่วงที่ไม่ได้เห็นผลงานกัน แต่ผมทำงานตลอดครับ มีถ่ายหนัง ถ่ายละคร แล้วก็เรียนหนังสือจนจบ (ภาควิชาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ) ตอนนี้ผมสามารถเต็มที่กับงานได้เลย เพราะเรื่องเรียนต่อยังไม่มีแผน มีแต่แผนที่จะบวชแต่คิดว่าปลดหนี้สินเรื่องบ้านก่อน เพราะผมเพิ่งซื้อบ้านที่ย่านสายไหม

ถึงแม้ผมจะมีงานแสดงตลอด แต่ก็มีเรียนแอ็กติ้งเพิ่มเติมทั้งเรียนเอง และเวิร์กช็อปกับกองละคร อย่างตอนถ่ายละครบางระจันผมก็มีถ่ายหนัง (เลิฟอีส) ด้วย ซึ่งทักษะมันต่างกัน หนังจะเรียลมากกว่า ละครกล้องสวิตช์ตลอดเวลา หนังกล้องจับเราเลย เล่นเป็นธรรมชาติ แต่ละครต้องเล่นเพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งผมก็ได้ทักษะต่างๆ มาเยอะ

อย่างเล่นละครบางระจันผู้ใหญ่หลายท่านก็บอกว่า เรื่องต่อไปเราจะเล่นได้ง่ายขึ้น เพราะเรื่องนี้เจออะไรที่ยากๆ หมด อย่าง สัตว์ สลิง เอฟเฟกต์ เด็ก ขี่ม้า ฟันดาบ พายเรือ ทำให้เรามีทักษะหลายด้าน ใช้เวลาถ่ายทำเป็นปี เห็นทุกคนตั้งใจมาก ทีมงานเหนื่อยมากแต่เขาเต็มที่ ทำให้เรามีแรงผลักดันที่จะทำให้ดีสมกับที่เราได้รับโอกาสมาเล่น”

ด้วยการโหมประชาสัมพันธ์ บางระจันจึงกลายเป็นละครที่ถูกจับตา และได้รับการวิจารณ์มากที่สุดในขณะนี้ “บางระจันเป็นละครรักในชาติในประวัติศาสตร์ของตัวเองมากขึ้น ให้คนไทยหันมาสนใจแผ่นดิน ภูมิใจในแผ่นดิน เห็นถึงการเสียสละเลือดเนื้อของคนรุ่นหลังที่ปกป้องแผ่นดินไว้ ที่เราอยู่กันอย่างสุขสบายบนแผ่นดิน ทุกวันนี้เพราะคนรุ่นก่อนได้เสียสละให้เรา และความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญที่พาเราผ่านวิกฤต

ผมเล่นเรื่องนี้มีบู๊เยอะ ยากและเหนื่อยมาก ทำให้เราคิดว่า นี่ขนาดเราเล่นเราแสดงยังเหนื่อยมีผิดคิวเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ฟันดาบ 2-3 ครั้ง เรายังเหนื่อยมาก แต่คนสมัยก่อนเขาต่อสู้กันจริงเป็นวันเป็นเดือนเขาจะเหนื่อยยากขนาดไหนที่จะเอาชีวิตให้รอด ต้องอดข้าวอดน้ำอีก เล่นแล้วผมอินมาก ยิ่งอยากถ่ายทอดให้คนดูได้เห็น มีโอกาสได้เล่นเรื่องนี้ถือเป็นเกียรติประวัติ ภูมิใจมาก ผมว่านักแสดงทุกคนก็รู้สึก เป็นผลงานที่อยู่ในใจของนักแสดงทุกคนไปอีกนานเลย”

พงศกร เมตตาริกานนท์ ก้าวต่อไปใน ‘บางระจัน’

 

ไม่พร้อม อย่าเรียกหาโอกาส

เต้ยมีผลงานละครที่ถ่ายทำเสร็จแล้วคือเรื่อง “พันท้ายนรสิงห์” แต่ยังไม่มีกำหนดออกอากาศ ทว่าละครเรื่องนี้เป็นครูที่ให้ประสบการณ์อะไรหลายๆ อย่าง และเป็นจุดที่ทำให้เขาตระหนักได้ ควรทำตัวให้พร้อมเพื่อรอโอกาส

“ผมเข้าวงการมา 4 ปี ต้องฝึกฝนเรื่องการแสดง ไม่ใช่ว่าเข้ามาแล้วได้เล่นหนังเล่นละครเลย ในความคิดผมการเข้ามาเป็นนักแสดงไม่ได้ง่าย ต้องมีจังหวะและโอกาสอีก โอกาสมาเราไม่พร้อมก็แย่ ผมอยากบอกคนที่อยากเข้ามาในวงการอยากเล่นละครว่า ควรทำตัวเองให้พร้อมก่อน อย่าถามว่าทำไมๆ ไม่ได้เล่นละคร ทำหน้าตา รูปร่าง ความสามารถให้พร้อม อย่างเขาถาม
ขี่ม้าเป็นไหม เล่นดนตรีเป็นไหม เขาถามหาความสามารถ แต่เราส่ายหน้า เขาก็หาคนที่พร้อม ซึ่งตรงนี้ผมได้บทเรียนมาด้วยตัวเอง

ผมโชคดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส เพราะตอนที่ผู้พันเบิร์ด (พ.ต.วันชนะ สวัสดี) เป็นคนแนะนำให้ผมได้มาเล่นละครพันท้ายนรสิงห์ของท่านมุ้ย (ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล) ผมขี่ม้าไม่เป็น ถามอะไรมาผมไม่มีทักษะ พายเรือเป็นไหม แต่ผมแคสติ้งการแสดงได้ท่านก็ให้โอกาส ได้เรียนรู้เริ่มต้นใหม่ ผมเลยอยากแบ่งปันประสบการณ์นี้ให้กับน้องๆ เพราะบางทีอาจไม่โชคดีที่ได้รับโอกาส ดังนั้นทำตัวเองให้พร้อมก่อน อย่าเรียกหาโอกาส”

เต้ยได้รับโอกาสที่ดีหลายครั้ง นอกจากที่เล่าไปแล้ว ในปีนี้ยังมีหลายผลงานที่เดินเครื่องถ่ายทำ ไม่ว่าจะเป็นละคร “กำไลมาศ” “แผนร้าย กุศโลบายรัก” ภาพยนตร์ “เลิฟอีส” และ “ผีห่าอโยธยา”

“ด้วยรูปร่างหน้าตาผิวเข้ม คนอาจจะติดภาพผมที่ต้องเล่นเป็นผู้ชายโบราณ แต่ผลงานที่จะตามมา ก็มีเรื่องร่วมสมัยบ้างแล้วครับ ต้องค่อยๆ เปลี่ยนไป ให้คนได้เห็นว่าเราสามารถแสดงได้หลายบทบาท ไม่ยึดติดคาแรกเตอร์

ทุกวันนี้ผมก็ยังเรียนการแสดง พัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะการแสดงไม่มีที่สิ้นสุด ไม่เคยคิดว่าได้บทดีแล้ว เล่นเก่งแล้ว ถ้าคิดแบบนั้นคือจบ การแสดงมันเหมือนการจินตนาการ เราโลดโผนเป็นคนนั้นคนนี้ เราปรับตัวเองเป็นแก้วน้ำใสๆ ที่ว่างเปล่า รอเติมน้ำสีอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา นอกจากเรียนการแสดงแล้วผมยังเรียนร้องเพลง เต้น คือทำตัวเองให้พร้อมทุกด้าน อย่างไปงานอีเวนต์ ออกรายการต้องมีร้องเพลงบ้างเราก็สามารถจะทำได้”

รูปร่างสำคัญต่ออาชีพ

จัดเป็นหนึ่งในพระเอกที่ได้รับเสียงชื่นชมว่ามีรูปร่างดี ซึ่งเต้ยยืดอกยอมรับว่า “ครับ” เพราะเขาตั้งใจดูแลรูปร่างตัวเองอย่างดี อย่างที่ว่าไว้แล้วว่า ได้รับบทเรียนมาว่า ทุกอย่างต้องพร้อมเผื่อรอโอกาสที่เหมาะสม

“เรามาทางพีเรียดแล้ว เราต้องพร้อมไว้ เพราะละครแนวนี้ถอดเสื้อแถมจะตลอด หรือเราจะต้องถ่ายแบบถ่ายรูปที่ต้องถอดเสื้อตอนไหนก็ไม่รู้ เราต้องพร้อม อย่างซิกซ์แพ็กมีเพราะท่านมุ้ย ตอนถ่ายเรื่องพันท้ายนรสิงห์ ท่านมุ้ยสั่งให้ทุกวันก่อนเข้ากองซิตอัพ  50 ครั้ง หลังเลิกกองอีก 50 ครั้ง จะกี่ทุ่มตีไหนก็ช่าง ก็เลยมีขึ้นมาเรื่อยๆ

ทุกวันนี้ผมก็ดูแลตัวเอง มีระเบียบวางแผนไว้ ออกกำลังกาย ไม่กินคาร์โบไฺฮเดรตเยอะ เช่น 150 กรัม/มื้อ โปรตีน 100 กรัม ไขมันวันละเท่าไหร่มีกำหนดไว้ คุมตัวเอง เข้าฟิตเนสมีที่ปรึกษาเรื่องรูปร่าง เข้า 5 วัน/สัปดาห์ วันละ 1-2 ชม. 2 ปีแล้วที่ผมหันมาดูแลรูปร่างอย่างจริงจัง เมื่อก่อนผมหนัก 65 กก. สูง 182 ซม. ตอนนี้ 74 มีกล้ามเนื้อ แต่ผมว่าถ้าผมลงมาอยู่ที่ 70 กก. จะดีกว่านี้ การที่เราใส่ใจรูปร่างตัวเองเป็นเรื่องที่ดี ผมไม่ได้ลำบากอะไร ไม่มีทำอะไรที่ฝืนไม่ชอบ เพราะรูปร่างเป็นเฟิสต์อิมเพรสชั่น เห็นเราไม่ดี เขาก็ติดภาพจำแบบนั้น เราต้องเตรียมตัวหุ่น
ตัวเองให้ดีก่อนออกไปสู่สาธารณชน”

รูปร่างหน้าตา ฝีไม้ลายมือทางการแสดงพร้อมแล้ว ตอนนี้เต้ยรอเพียงโอกาสที่จะหลั่งไหลเข้ามาอีก เพราะผู้ชายคนนี้บอกหนักแน่นแล้วว่า ไม่มีการหยุดพัฒนาเด็ดขาด พร้อมเรียนรู้และเริ่มต้นใหม่กับทุกผลงาน

แล้วคุณผู้ชมล่ะพร้อมจะให้โอกาสผู้ชายคนนี้ไหม...

ข่าวล่าสุด

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน กทม. ขอความร่วมมือนครนายกงดเผา 20-25 ธ.ค.