posttoday

‘ฮวงจุ้ย’ พาแบนรด์รวย

20 ธันวาคม 2557

“การตั้งชื่อแบรนด์” มีผลต่อการเติบโตของบริษัทสูงมากโดยตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว มีผลต่อทั้งโชคลาภและยอดขาย

“การตั้งชื่อแบรนด์” มีผลต่อการเติบโตของบริษัทสูงมากโดยตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว มีผลต่อทั้งโชคลาภและยอดขาย โดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตั้งชื่อ อย่าง“ภารุดารัศมิ์ เบญญจินดาพิศุทธ์”หรือ “อาจารย์เมย์” สาวที่เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์ ด้าน Biotechnology จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ก่อนพลิกผันมาเป็นผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำและปรึกษาด้านฮวงจุ้ยอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งฮวงจุ้ยแบรนด์ ตั้งชื่อ นามบัตร

อาจารย์เมย์ เปิดเผยว่า การตั้งชื่อแบรนด์มีความสำคัญมาก เพราะแสดงถึงองค์กร โดยเมื่อได้เห็นแบรนด์ก็ทำให้เกิดความรู้สึกสนใจ สะดุดตา จดจำ และชื่นชอบแบรนด์ อยากให้ดูจากแบรนด์อันดับหนึ่งในโลกคือ กูเกิล (Google) เลือกสร้างชื่อแบรนด์ตามหลักฮวงจุ้ยเช่นกัน เพราะเปลี่ยนโลโก้ใหม่ในทุกวัน แสดงถึงความไม่หยุดนิ่ง

ปัจจุบัน “Google” มีมูลค่าแบรนด์ประมาณ 158.84 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยกูเกิล เลือกใช้สีผสมในตัวอักษรได้ครบ 5 ธาตุ ได้แก่ ดิน ทองน้ำ ไม้ และไฟ แต่กูเกิลสามารถใช้สีในอักษรหลากหลายมาตั้งชื่อได้ เพราะมีสาขาทั่วโลก แต่หากแบรนด์ใดก็ตาม เลือกใช้สีตั้งชื่อ แนะนำให้ใช้สีเดียว ไม่แนะนำให้ใช้หลากสีมาสร้างชื่อแบรนด์ เพราะแสดงถึงความไม่สามัคคีในองค์กร ทำให้องค์กรเกิดปัญหาตามมาได้

การตั้งชื่อแบรนด์ที่ดีที่สุดคือ 1พยางค์ เพื่อให้ผู้บริโภคอ่านง่าย หรือไม่ควรเกิน 6 ตัวอักษร 3 พยางค์ เลือกตั้งชื่อแบรนด์ ที่สื่อถึงความหมายดีสะกดถูกต้อง และต้องสื่อถึงธุรกิจที่ทำ สื่อคุณภาพ ประโยชน์ อุดมการณ์ และธุรกิจที่ทำต้องมีคุณธรรม รวมทั้งเลือกสีและสร้างแบรนด์ให้มีความสดใส

‘ฮวงจุ้ย’ พาแบนรด์รวย

 

อักษรที่นิยมใช้ตั้งชื่อแบรนด์แล้วประสบความสำเร็จ มี 6 อักษร ได้แก่ A K H S T M เพราะเป็นอักษรที่ผู้บริโภคเห็นบ่อย สะดุดตา และคุ้นๆเหมือนรู้จัก ที่สำคัญยังมีความหมายที่ดี

A หมายถึง The First การเป็นที่หนึ่ง, K หมายถึง King ความยิ่งใหญ่,H หมายถึง Happy High Hero,S หมายถึง Super Superman, T หมายถึงTrust True และ M หมายถึง Man ดังนั้นจึงมีแบรนด์ในประเทศมากมายที่มีการใช้อักษรขึ้นต้นดังกล่าว และเป็นแบรนด์ระดับโลก เช่น Apple และ Toyota เป็นต้น

โลโก้ของแบรนด์ที่ใช้เป็นตัวอักษรตั้งเป็นสีเดียวกัน หากใช้คนละสีจะหมายถึง ความแตกแยก อาจเกิดปัญหาภายในองค์กรได้ ยกตัวอย่างองค์กรสื่อทีวีชื่อดัง ที่ใช้สีคนละโลโก้ ทำให้องค์กรเกิดปัญหารุนแรงตามมา จนถึงปิดกิจการได้เพราะฉะนั้นอยากให้องค์กร เลือกตั้งชื่อแบรนด์ก็ต้องเลือกใช้สีเดียวกัน เพื่อแสดงถึงความสามัคคีของพนักงานในองค์กร หากใช้เป็นสัญลักษณ์ ต้องให้ความกลมกลืนไม่แตกต่างและเสริมซึ่งกันและกัน

นอกจากนี้ ในมุมการตลาดการสร้างแบรนด์จะส่งผลดีต่อบริษัททั้ง 1.ผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าและใช้บริการมากขึ้นเพราะมีความคุ้นเคย 2.มีอำนาจต่อรองมากขึ้นจากผู้จำหน่ายวัตถุดิบ และตัวแทนจำหน่าย3.ผู้บริโภคมั่นใจในตัวสินค้า ทั้งที่ไม่เคยใช้แบรนด์นี้มาก่อน 4.ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายเมื่อมีสินค้าตัวใหม่ ออกมา 5.ผู้บริโภคยอมจ่ายแพงกว่า เพื่อลดความเสี่ยงจากสินค้าไม่มีแบรนด์ 6.ยอดขายยั่งยืน ไม่ต้องแข่งราคา แบรนด์ลอกเลียนแบบไม่ได้ 7.หยุดงานได้ เพราะแบรนด์ขายตัวเอง และ8.ขายต่อได้ราคาดีเมื่อแบรนด์ติดตลาด

แต่หากไม่มีการสร้างแบรนด์ ส่งผลให้เกิดผลกระทบได้เมื่อมีการแข่งขันในตลาดรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งจะเกิดความเสี่ยง ทั้งด้าน 1.สินค้าดีแต่เกิดความเสี่ยงที่จะไม่สามารถขายสินค้าได้2.สินค้ามีโอกาสถูกลอกเลียนแบบในเวลารวดเร็ว 3.ต้องสร้างสินค้าให้ตามคู่แข่ง4.เกิดการแข่งขันด้านสงครามราคา

อีกส่วนผสมสำคัญของการทำธุรกิจให้รุ่งเรืองนั้น ตามหลักฮวงจุ้ย ให้พิจารณาเจ้าของบริษัทว่าเป็นคนธาตุใด ก็ควรทำธุรกิจธาตุนั้น เริ่มตั้งแต่เจ้าของธาตุไฟต้องควรใช้สีในการตั้งแบรนด์ แบรนด์ สีแดงส้ม สื่อความหมาย ฉับไว กระตือรือร้น หนทางใหม่ ดังนั้นควรทำธุรกิจที่ใช้จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ การติดต่อสื่อสาร งานที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ความร้อนสารเคมีการเชื่อม การหลอม พลาสติก เครื่องครัว เครื่องหนัง

ธาตุที่เสริมธาตุไฟ คือ ธาตุไม้ จึงสามารถทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเฟอร์นิเจอร์ธุรกิจเกี่ยวกับไม้ สินค้าที่มาจากธรรมชาติ เครื่องสำอาง หรืออาหารเสริมที่ต้องมีส่วนประกอบจากธรรมชาติเช่นเดียวกัน หรือการทำธุรกิจเกี่ยวข้องการคิดค้นวิจัยและพัฒนาสินค้าต่างๆ (อาร์แอนด์ดี)

เจ้าของธุรกิจธาตุดิน ควรใช้แบรนด์เป็นสีเหลือง สีน้ำตาล สีครีม เพราะสื่อถึงความสันติภาพ มั่นคง จุดเริ่มต้น ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม จึงควรทำธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ บ้าน ที่ดิน เซรามิก แก้ว ปูน หินรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจที่เกี่ยวกับการดูแลรักษา และการปกป้องรักษา

‘ฮวงจุ้ย’ พาแบนรด์รวย

 

ธาตุที่มาเสริมธาตุดิน คือ ธาตุไฟ ต้องเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแสงสว่าง ไฟฟ้า ธุรกิจที่คิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ ธุรกิจสื่อทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ เป็นต้น

เจ้าของธุรกิจธาตุทอง ควรใช้แบรนด์เป็นสีเงิน สีทอง สีเมทาลิก เงา สื่อถึงบารมี ร่ำรวยสง่างาม สามัคคี ดังนั้นควรทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการลงทุน หุ้น การเงิน ค้าทอง ขายเพชร อัญมณีมีค่าสูง เครื่องประดับราคาสูง ค้าเหล็ก รถยนต์ราคาสูง

ธาตุที่มาเสริมธาตุทองคือ ธาตุดิน ดังนั้นธุรกิจที่มีความเหมาะสมต้องเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ งานก่อสร้าง งานเซรามิก นักบัญชี นักการเงิน เพราะธาตุทองเป็นคนที่ชอบคิดวิเคราะห์ต่างๆ

เจ้าของธุรกิจธาตุน้ำ ควรใช้อักษรในการตั้งชื่อแบรนด์เป็นสีฟ้า น้ำเงิน ดำ หมายถึงความมั่งคั่ง ร่ำรวยอุดมสมบูรณ์ กระแสเงิน จึงควรทำธุรกิจงานโฆษณา ธุรกิจซื้อมาขายไป ปั๊มน้ำมัน ซื้อขายรถยนต์ สื่อสารมวลชน ธุรกิจน้ำดื่ม ธุรกิจค้าขาย ธุรกิจอัญมณี เพชร พลอย หรือการลงทุนในสิ่งของที่มีมูลค่าสูง ส่วนธาตุที่มาเสริมธาตุน้ำ คือธาตุไม้ซึ่งสามารถเลือกหาคนที่เกิดธาตุไม้มาทำงานในองค์กรได้เพื่อเสริมธุรกิจ

เจ้าของธุรกิจธาตุไม้ ควรเลือกใช้ชื่อแบรนด์สีเขียว หมายถึง ความงอกงามเจริญเติบโต ก้าวหน้า พัฒนา ดังนั้นเลือกทำธุรกิจเกี่ยวกับไม้ เกษตรกรรม อาหาร โรงพยาบาล ที่ปรึกษาโรงเรียน เฟอร์นิเจอร์ สถานที่ราชการ ส่วนธาตุที่เสริมธาตุดิน คือ ธาตุน้ำ ควรต้องลงทุนธุรกิจเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่ม ธุรกิจให้บริการด้านต่างๆ ธุรกิจซื้อมาขายไป และการเป็นนักเจรจาต่างๆ

อาจารย์เมย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนประกอบสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ ที่ต้องมีหลักตามฮวงจุ้ยแล้ว ต้องมีส่วนประกอบที่สำคัญอีก 2 ด้าน ได้แก่ ด้านแรกสินค้าและบริการ ด้านสอง การตลาดที่ดี ทั้งนี้หากบริษัทใดมีองค์ประกอบครบ 3 ด้าน คือ สินค้าบริการ การตลาด และฮวงจุ้ย จะส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและมียอดขายที่เติบโตดีอย่างสวยงาม


ศาสตร์ผสานศิลป์หนุนความรวย


ในโลกของการแข่งขันทางธุรกิจ การมีสินค้าหรือบริการ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างโดนใจและเหนือคู่แข่งขันเป็นเพียงบันไดขั้นหนึ่งที่ไต่ถึงความสำเร็จ แต่อีกหนึ่งเคล็บลับที่นักธุรกิจน้อยใหญ่ นำศาสตร์การดูฮวงจุ้ยเสริมแกร่งให้กับแบรนด์สินค้าของตัวเองช่วยฟันฝ่าอุปสรรค พร้อมส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไม่คาดฝัน

อภิวิชญ์ กฤตย์เทวาพิทักษ์ หรือ อาจารย์โม ทิพพจักขุ หมอดูผู้ไขความลับจักรวาลด้านตัวเลข สะท้อนหลักการนำศาสตร์ฮวงจุ้ยมาใช้ในการตั้งชื่อแบรนด์สินค้ากับธุรกิจได้อย่างน่าสนใจว่าตราสัญลักษณ์สินค้าเป็นตัวที่บ่งบอกว่าธุรกิจนั้นคืออะไร เพื่อสร้างการจดจำให้กับลูกค้า สร้างโอกาสทางการตลาดกลับคืนมา โดยวิธีการออกแบบตราสัญลักษณ์หรือแบรนด์สินค้า ใช่ว่าจะเลือกตามความชอบใจของเจ้าของแล้วจะประสบความสำเร็จเสมอไป การนำศาสตร์ฮวงจุ้ยเรื่องเลขศาสตร์มาใช้นั้น ถือเป็นการผสมผสานศาสตร์และศิลป์อย่างลงตัว

“ศาสตร์ฮวงจุ้ยเป็นสิ่งที่ยึดถือปฏิบัติมาอย่างยาวนาน โดยเห็นได้ว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและเป็นแบรนด์ชั้นนำของประเทศ ต่างใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ยการสร้างแบรนด์สินค้าแฝงเร้นไว้อย่างแนบเนียน อย่างห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าใช้สัญลักษณ์เป็นตัวลูกศรพุ่งตรงเข้ามาในจุดเดียว สะท้อนถึงความเป็นศูนย์รวมและเซ็นเตอร์ของมวลชน หรือการวิ่งเข้ามาใช้บริการของลูกค้า” อาจารย์โม กล่าว

นอกจากนี้ การตั้งชื่อและตราสินค้าที่ดีตามหลักเลขศาสตร์ ช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าของกิจการได้เกินครึ่ง เพราะตัวเลขตามหลักการตั้งชื่อมีส่วนเสริมให้สิ่งที่มองไม่เห็นสามารถเสริมดวงทางธุรกิจได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเห็นได้ว่านักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถมีความมั่นใจเกินร้อย กล้าเสี่ยง กล้าลงทุน เชื่ิอมั่นความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาจะนำมาวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวัง กลับไม่ใช่สิ่งแน่นอนเสมอไป ทั้งๆ ที่ดำเนินธุรกิจตามหลักทฤษฎีที่เรียนมาและประสบการณ์ที่สั่งสม แต่กลับเจอปัญหาอุปสรรคมากมาย

บางรายเป็นปัญหาเล็กน้อยแบบไม่น่าเกิดขึ้น แต่กลับสร้างความรำคาญใจและส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจเมื่อนำศาสตร์ฮวงจุ้ยเข้าปรับเปลี่ยนและใช้อย่างถูกต้อง ธุรกิจจากแดนลบกลับเข้าสู่แดนบวกอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ศาสตร์ฮวงจุ้ยถูกยึดถือและปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง

“คนรุ่นใหม่ที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ เกิดปัญหาแล้วจึงหันมาพึ่งหลักฮวงจุ้ย ผมมีลูกค้าคนรุ่นใหญ่หลายราย มีปัญหาว่าดำเนินธุรกิจตามหลักทุกอย่างแต่ผลกลับแย่ลง เมื่อปรับแก้ไขเล็กน้อย สิ่งที่มองไม่เห็นและไม่น่าเชื่อ กลับส่งผลให้ธุรกิจฟื้นตัวขึ้นได้” อาจารย์โม กล่าว

ส่วนหลักการเลือกตราสัญลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องนำวัน เดือน ปีเกิดของเจ้าของมาวิเคราะห์เพื่อตั้งชื่อ เพราะธุรกิจสามารถสืบทอดต่อรุ่นลูกหลานได้ แต่ควรยึดถือปฏิบัติตามหลักธาตุ สี สัญลักษณ์ ให้สอดคล้องกับธุรกิจที่ดำเนินการ เช่น ร้านอาหาร ควรใช้สีแดง สีส้ม เพื่อกระตุ้นความอยากรับประทานอาหารให้กับลูกค้า โดยหลักการเทียบเลขและสี ประกอบด้วย เลข 1 สีแดง เลข 2 สีขาว เหลือง เลข3 สีชมพู เลข 4 สีเขียว เลข 5 สีส้ม เลข 6 สีฟ้าน้ำเงิน เลข 7 สีม่วง น้ำตาล และเลข 8 สีดำ

อาจารย์โม เล่าว่า หลักการใช้สีสันให้กับตราสัญลักษณ์มีผลต่อการจดจำของลูกค้าอย่างมาก โดยการเลือกสีที่ดีต้องไม่เกิน 3 สี เพราะธรรมชาติของคนจะจดจำการมองสีในแต่ละครั้งเพียง 1-2 สีเท่านั้น หากจำเป็นต้องใช้ 3 สีขึ้นไปควรใช้หลักการทอนของสีลดลง เช่น สีที่ 1 ให้ความสำคัญ 60% สีที่ 2 สัดส่วน 30% และสีอื่น 10% เช่น ร้านสะดวกซื้อ 7-11 จะเห็นได้ว่าใช้หลายสีผสมกันจำนวนมาก จุดตัดสร้างทำให้ลูกค้ามอง 7-11 เป็นสีขาว หมายถึงการสว่างอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตรงคอนเซ็ปต์การเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง หรือโลโก้สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ใช้สีจำนวนมาก แต่คนมองจะจดจำได้สัญลักษณ์ตัวเลข เป็นต้น

นอกจากนี้ การเลือกสัญลักษณ์ให้ตรงตามธาตุเป็นสิ่งที่จำเป็น เช่น ธาตุดิน สัญลักษณ์ 6 เหลี่ยมธาตุน้ำ สัญลักษณ์กลม ธาตุลม สัญลักษณ์วงรี และธาตุไฟ สัญลักษณ์สามเหลี่ยม เมื่อนำธาตุที่ได้มาผสมผสานกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอ เช่น ร้านอาหาร ควรใช้สัญลักษณ์ กลมมนรี ให้ความรู้สึกที่อ่อนช้อย

ด้านหลักการตั้งชื่อ จะตรงกันข้ามกับการตั้งตราสัญลักษณ์ โดยควรนำชื่อเจ้าของกิจการมากำหนดการตั้งชื่อ สมพงศ์กับการดำเนินธุรกิจนั้นๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแบรนด์ดังชั้นนำของประเทศไทย ล้วนมีประวัติการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนตราสัญลักษณ์ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงตามยุคตามสมัย

อาจารย์โมให้แง่คิดในการดำเนินธุรกิจว่า การใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ยมาหนุนนำให้ธุรกิจมีความราบรื่นในการดำเนินธุรกิจ เช่น การจัดวางสิ่งของในบริษัทให้ถูกต้องตามหลักการ ปัดเป่าอุปสรรคให้หมดไป และทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จตามที่หวังหรือเกินคาดหวัง ควรแบ่งปัน ด้วยการทำบุญต่อบุญ อาจหักรายได้สัก 10% จากที่ได้รับ มาทำบุญเสริมดวงชะตาให้กับสิ่งที่มองไม่เห็น เพื่อให้
บุญนั้นหนุนนำเจ้าของกิจการให้ประสบความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป เพราะปัจจุบันต้องเก่งบวกเฮง อาจารย์โมกล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ วูล์ฟ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68