ข้าคือนักล่า
จากร้อนสู่ฝน จากฝนสู่หนาว ยามเมื่อสายลมของเหมันตฤดูพัดอีกครั้ง เหยี่ยวดำนับพันตัวจะสยายปีก
จากร้อนสู่ฝน จากฝนสู่หนาว ยามเมื่อสายลมของเหมันตฤดูพัดอีกครั้ง เหยี่ยวดำนับพันตัวจะสยายปีก โผบินสู่ท้องนภาอีกคราในช่วงต้นฤดูหนาวของทุกปี บริเวณทุ่งใหญ่เนื้อที่กว่า 1,500 ไร่ ของ อ.ปากพลี จ.นครนายก จะมีนกล่าเหยื่อ หรือเหยี่ยวดำ บินอพยพหนีหนาวมาจากไซบีเรีย เพื่อพักอาศัย หาอาหาร และขยายเผ่าพันธุ์ ณ ท้องทุ่งแห่งนี้ เหยี่ยวดำอพยพเข้ามาตั้งแต่ปี 2552 เพราะสภาพแวดล้อมในพื้นที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ทุ่งนาคือแหล่งอาหารเช่น หนู งู สัตว์ต่างๆ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหยี่ยวดำ นี่คือสาเหตุหนึ่งของ
การย้ายถิ่นฐานของเหยี่ยวดำ
ลมอุ่นใต้ปีก มวลอากาศร้อน และกระแสลม มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการบินอพยพของนกล่าเหยื่อเหล่านี้ ทุกเช้าจนถึงสายของวัน นกล่าเหยื่อเหล่านี้จะตากปีกที่เก็บสะสมความชื้นมาตลอดทั้งคืน เมื่อปีกอุ่นขึ้นจะเริ่มบินออกหาอาหาร ลักษณะเฉพาะของเหยี่ยวดำจัดเป็นนกขนาดกลาง ลำตัวสีน้ำตาลอมเข้ม ปีกสีน้ำตาลเข้ม หางเป็นเเฉกๆ ปากสั้นสีดำแหลมคม ปลายปากเป็นขอ หัวค่อนข้างใหญ่ มีพฤติกรรมการหากินในเวลากลางวัน ชอบบินอยู่ตามที่โล่งชายป่าริมฝั่งน้ำหรือตามแม่น้ำ เมื่อจับเหยื่อได้ก็มักจะกินบนพื้นดิน มักอยู่โดดเดี่ยว ชอบทำรังบนต้นไม้ ออกไข่ครั้งละ 2-4 ฟอง
ด้วยพลังของชุมชนที่ช่วยกันอนุรักษ์ดูแลรักษาท้องทุ่งแห่งนี้ ทำให้ผืนดินมีความอุดมสมบรูณ์ เหยี่ยวดำเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทุกปี ปัจจุบันเหยี่ยวเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นอย่างมาก เหยี่ยวอยู่ไม่ได้ ถ้าทุ่งนาปนเปื้อนสารเคมี ถ้าไม่มีอาหาร เหยี่ยวคงไม่มาอยู่ หากเราช่วยกันดูแล ทะนุบำรุงรักษาพื้นที่ป่า พื้นที่ที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ไม่ว่าผืนป่าที่ไหน เชื่อได้ว่าไม่ว่าสัตว์ชนิดไหนก็ได้ จะไม่สูญพันธุ์อย่างแน่นอน


