posttoday

เราคือใคร Who am I?

02 พฤศจิกายน 2557

มีหลากหลายวิธีในการทำความรู้จักตนเอง วิธีง่ายๆ คือสังเกตตัวเองผ่านเรื่องที่เราคิด

มีหลากหลายวิธีในการทำความรู้จักตนเอง  วิธีง่ายๆ คือสังเกตตัวเองผ่านเรื่องที่เราคิด  สิ่งที่เราพูดและเรื่องราวสารพัดที่เราเล่าให้คนอื่นฟัง  ทุกชีวิตผ่านพบเรื่องราวที่เราพูดและคิดในหัวตัวเองว่าเรื่องนี้ดีจังเลย  หรือเรื่องนี้เจ็บปวดทุกข์ทรมานที่สุด ฯลฯ

นอกจากเล่าให้คนอื่นฟังแล้ว   เรายังพูดและคิดถึงเรื่องราว (Story) ต่างๆ ในหัวเราเองซ้ำๆ และซ้ำๆ หลากหลายเหตุผลที่บงการเราอยู่เบื้องหลังการบอกเล่าของเราในแต่ละครั้ง  บ้างเล่าเพื่อระบายอารมณ์   บ้างเล่าเพื่อรับการบำบัด บ้างเพื่อแสวงหาคนสนับสนุนว่าเราคือเหยื่อ ผู้ถูกรังแกคือ  คนที่ทำถูกต้อง  บ้างเพื่อเป็นบทเรียนให้ผู้อื่น สะสมพลังดีๆ และเหตุอื่นๆ อีกมากมาย ฯลฯ

ประเด็นคือ หลายเรื่องที่เราคิดและพูดออกไป โดยเฉพาะเรื่องคิดในหัวตัวเองซ้ำๆ และซ้ำๆ  มักเป็นเรื่องที่มีพลังลบ หรือเรื่องราวที่เราชอบจิกกัดตัวเอง ประมาณว่าเราถูกทำร้ายจิตใจมา 1-2 ครั้ง  แต่หลังจากนั้นเราเองที่กระซวกตัวเองต่ออีกหลายหมัด ที่สำคัญเราเองที่กระซวกตัวเองต่อด้วยความคิดลบๆ  ซ้ำๆ  และซ้ำๆ ต่ออีกหลายปี  บ้างปากอาจบอกว่าอภัยเขาคนนั้นที่ทำร้ายเราไปหมดแล้ว แต่หากบังเอิญเจอหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย    เรื่องราวของคนที่เราเพิ่งเล่าให้คนอื่นฟังว่าฉันอภัยไปหมดแล้วนั้น    ก็พลันพรั่งพรูขึ้นมาจุกอกราวกับว่าเรื่องนั้นๆ เพิ่งเกิดขึ้น ณ วินาทีนี้สดๆ ร้อนๆ

หากเราสังเกตตนเองอย่างที่เป็นจริงๆ ตามเหตุการณ์จริงๆ เฉพาะหน้า นอกจากจะเป็นการฝึกรู้เท่าทันบุคลิก ลักษณะ ความคิด จิตใจอารมณ์ตนเองให้ดีขึ้นแล้ว การเห็นตนเองชัดๆ  ในกรณีนี้ยังทำให้เราไม่ทำในสิ่งที่ปิดกั้นการรู้จักตนเองให้ครบด้านมากที่สุด คือ การคิดว่าในทุกๆ สถานการณ์เราเท่านั้นที่ทำถูกต้องสมบูรณ์ดีหมดแล้ว   แต่ในส่วนลึกเรื่องราวลบๆ เหล่านั้นเลยไม่ได้หายไปไหนจากก้นบึ้งของอารมณ์เราเลย  และแน่นอนที่สุดหากพลังลบๆ ยังคงอยู่ในตัวเรา และพลังเหล่านั้นไม่ได้ช่วยให้เราสร้างสมประสบการณ์ที่ดีหรือส่งเสริมให้เราได้รับความสำเร็จดังที่ใจเราฝันให้เกิดในชีวิตเราเลย

ดังนั้น หากเราต้องการเยียวยา รักษาใจและร่างกายของตัวเอง  หากเราต้องการได้ผลลัพธ์ในแบบที่เราปรารถนาให้เกิดจริงๆ ในชีวิต  เราจึงมีความจำเป็นที่ต้องฝึกสติในการทำความรู้จักตัวเองจริงๆ อย่างละเอียดและถ่องแท้ว่าเราคือใคร  ตามลักษณะความคิดที่วนอยู่ในหัวเราพฤติกรรมการโต้ตอบกับผู้อื่น  การพูดจาสนทนาเล่าเรื่องตนเอง โดยเฉพาะเมื่อยามมีความทุข์เข้ามาทักทาย เช่น  เราเข้าใจว่าเราเป็นคนเข้มแข็งมาก จนกระทั่งเรารู้ว่าเพื่อนสนิทของเราใส่ความหรือนินทาเรา แทนการสำรวจตนเองว่าเราคิดเสียใจอย่างไร  แต่เรากลับหนีปัญหาและโต้ตอบกลับไปอย่างไม่มีสติ  ซึ่งเป็นลักษณะของความอ่อนแอไม่ใช่การกระทำของผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราได้พบว่าพฤติกรรมบางอย่างของเราควรได้รับการพัฒนาหรือปรับปรุงตนเอง การใส่พลังใจให้ตนเองและการโปรแกรมความคิดในแง่พลังบวกนั้นเป็นวิธีสากลวิธีหนึ่งที่ผู้ปฏิบัติจริงบอกต่อๆ กันมาถึงผลลัพธ์   เกิดเป็นสิ่งที่สุขสำเร็จขึ้นมากมายในชีวิตผู้ที่ปฏิบัติจริง   วิธีการนั้นก็คือ  การเลือกใช้คำพูดให้มีพลังแห่งความรักและพลังบวกอยู่เสมอ เพราะ "ทุกคำพูดและความคิดของเรา คือ Affirmation"

Affirmation คือ อะไรคะ? คือ  คำพรประกาศิต, คำยืนยันต่อชีวิตเราเอง, คำตอกย้ำซ้ำๆ, คำโปรแกรมจิตใต้สำนึก, คำสั่งจิต (ที่ยิ่งเราใส่อารมณ์ความรู้สึกเข้าไปเท่าไหร่ผลลัพธ์เป็นรูปธรรมก็จะเรียงคิวมาเกิดให้เราเห็นตามที่เราคิดและพูด)

ความคิดดีๆ  ความคิดถูกต้องที่เป็นกุศลจิต   เราทุกคนสร้างประสบการณ์ให้เกิดในชีวิตเราเองด้วยทุกคำที่เราพูด  ทุกความคิดที่เราคิด (รู้ตัวหรือไม่ก็ตาม)   วิธีแก้ไขผลลัพธ์ที่ง่ายที่สุดหนึ่งวิธีหนึ่งก็คือ   การใช้คำพรประกาศิต หรือ "มีสติ" เลือกใช้คำยืนยันกับตัวเอง แน่นอนที่สุด พรประกาศิต เป็นคำพลังบวกๆ ที่ผู้เขียนเองยืนยันว่าได้ผลทันทีเมื่อทำจริงและต้องทำต่อเนื่อง  และสนุกกับการทำซ้ำๆ จริงๆ พอที่จะทำไปตลอดชีวิต (จงรักตัวเองพอที่จะคิดพูดเรื่องดีๆ ในหัวตัวเอง)

ดังนั้น ต่อนี้ไปมีเรื่องราวอะไรที่เกิดขึ้นที่เราไม่ได้ดังใจหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วคิดทีไรก็ยังเจ็บใจ แม้เป็นเรื่องในอดีตสิ่งที่ต้องทำคือ

1."ยอมรับ " (Accept) ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงก่อน

2.ใส่พรประกาศิต (Affirmation)   หรือคำยืนยันที่มีพลังบวกเข้าไปแทนที่

เนื่องจากเราตัองหาพื้นที่ดีๆ ไว้ให้ความคิดยึดเกาะ  ประเด็นคือ   อย่าได้เชื่อในทุกสิ่งที่ผู้เขียนเขียน  แต่ให้ลองลงมือทำจริงๆ ให้ต่อเนื่อง แล้วพิสูจน์ผลลัพธ์ด้วยตนเอง การค้นหาตนเองว่าเราคือใครจึงเป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง เพราะเราจะมีประสบการณ์ตรงในการรักและเคารพในพฤติกรรมที่ดีงามทั้งต่อหน้าและลับหลังผู้อื่นอย่างแท้จริง ซึ่งนำไปสู่ความศรัทธาในตนเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการค้นพบตัวตนที่แท้จริงที่งดงามดั้งเดิมของมนุษย์ที่เราทุกคนเกิดมาเนื่องด้วยความรัก ความบริสุทธิ์ ความสงบ ทรงพลังเต็มศักยภาพ

การค้นพบตนเองเหล่านี้จะชัดเจนมากขึ้นๆ หลังจากใช้คำยืนยัน หรือพรประกาศิต  (Affirmation)  เพราะเป็นการเติมพลังชีวิตให้ตนเองในด้านบวก เป็นการทำการบ้านกับตนเองและเสริมสร้างการเข้าใจตนเองในแง่มุมที่ทรงพลังแทนที่การใช้ชีวิตไปวันๆ แล้วหาคนผิด และคิดลบๆ  อีกทั้งวิธีการใช้พรประกาศิตในชีวิตตลอดนั้นยังสามารถจัดการกับความกลัวที่อาจแฝงให้เราทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะแทนความคิดด้วยคำพูดบวกๆ ในหัวโปรแกรมความคิดดีๆ ไว้พูดกับตัวเองและผู้อื่นและพลังแห่งความรักในตนเองจะเพิ่มขึ้นจะนำชีวิตเราไปสู่การเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของเรา

My Affirmation สำหรับวันนี้คือ ฉันให้อภัยตนเอง

ฉันให้อภัยผู้อื่นได้อย่างแท้จริง   ชีวิตฉันดำเนินไปด้วยดีทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้ฉันได้มีชีวิตที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้และเติบโตอย่างมั่นคงและงดงาม ชีวิตรักฉัน ฉันรักชีวิต

ข่าวล่าสุด

พรรคประชากรไทย ชู 4 เสาหลักพลิกฟื้นประเทศ ส่งชิงเก้าอี้ สส.261 คน สู้ศึกเลือกตั้ง‘69