สวมปี๊บ-กินเจ
ผมไม่ค่อยจะรับประทานอาหารเจ แต่เห็นพรรคพวกเขาตั้งใจรับประทานอาหารเจแล้วได้แต่อนุโมทนาบุญกับเขา
โดย...ภัทระ คำพิทักษ์
ผมไม่ค่อยจะรับประทานอาหารเจ แต่เห็นพรรคพวกเขาตั้งใจรับประทานอาหารเจแล้วได้แต่อนุโมทนาบุญกับเขา กับพี่น้องที่ไปรับประทานอาหารกันเป็นประจำ ปีไหนเขากินเจ เราก็ไม่เคยเกี่ยงว่าจะไปกินข้าวด้วยกันเหมือนเคยไม่ได้
พ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมไปบวชเรียนกับท่านเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนท่านฉันอาหารเจเป็นประจำ แต่วันหนึ่งมีเหตุต้องให้เลิกเจ
วันเกิดเหตุนั้นทุกอย่างเหมือนปกติ เมื่อญาติโยมนำภัตตาหารเช้าเข้ามาถวาย ทั้งที่พระเณรพากันออกไปบิณฑบาตมาได้ ทั้งที่ญาติโยมตั้งใจทำแล้วนำดิ่งมาถวายที่วัดเลย ซึ่งตามธรรมดาวัดป่านั้น หลังรับประเคนแล้วท่านก็จะตักเอาแต่พอแก่ความต้องการ แล้วจะส่งภาชนะบรรจุอาหารนั้นๆ ต่อกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสุดแถว
พอเขาประเคนอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์มา ท่านก็ส่งต่อโดยไม่แตะต้อง แต่พอเงยหน้าไปเห็นหน้าญาติโยมที่เขาตั้งใจนำภัตตาหารมาถวายที่วัดแล้ว ความเมตตาที่มีอยู่ประจำตามลักษณะนิสัยมีอันต้องพ่ายต่อความผิดหวัง เสียใจที่ปรากฏอยู่ในดวงหน้าของคนเหล่านั้นจนสิ้น
ญาติโยมมักเข้าใจว่าถ้าพระฉันภัตตาหารที่นำมาถวาย ตัวเองถึงจะได้บุญ ยิ่งเห็นพระที่ตัวศรัทธาตักอาหารที่ตัวนำมาถวายใส่บาตรยิ่งรู้สึกได้บุญ เขาไม่รู้ว่าบุญนั้นสำเร็จตั้งแต่ตั้งใจที่จะประกอบหรือนำภัตตาหารมาวัดโน่นแล้ว
นั่นเป็นเหตุที่ทำให้ท่านเลิกฉันเจนับแต่วันนั้น
ไม่กี่วันมานี้ มีพรรคพวกนำโอวาทธรรมของพระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร) เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน หรือที่รู้จักกันในนามหลวงปู่ไดโนเสาร์ มาโพสต์เพื่อให้แง่คิดในช่วงเทศกาลกินเจ ว่า
“คุณงดการฆ่าได้เป็นเรื่องน่าอนุโมทนา คุณไม่กินเนื้อได้ก็น่าอนุโมทนา เพราะคุณลดการเบียดเบียนทางปาก แต่การที่ส่งใจไปคิดไม่ดีกับคนอื่น การนินทาว่าร้าย การเห็นว่าเขาเลวนั้น ก็การเบียดเบียนคนอื่นเขาด้วย
คุณกินเจด้วยใจเป็นบุญเป็นกุศล นั้นยอดความดี แต่เมื่อกินแล้วกลับไปกล่าวร้ายว่าร้ายคนอื่น คุณก็ยังเบียดเบียนคนอื่นอยู่ดีนั้นล่ะ
ปากน่ะเป็นบ่อเกิดบุญก็ได้ เป็นบ่อเกิดบาปก็ได้ เราทำดีนั่นเป็นส่วนดีของเรา แต่อย่าเที่ยวไปว่าคนอื่นเขา
ศีลมีไว้พัฒนาตนเอง ไม่ใช่มีไว้จับผิดคนอื่น
คนที่กินผักกินเจแล้วเที่ยวไปว่าคนอื่น ก็หนีไม่พ้นการเบียดเบียนอยู่ดี จงทำตนให้ดี แต่อย่าไปเที่ยวว่าใคร เห็นว่าตนดีกว่าเขา คุณก็ทุกข์เท่าความดีที่คุณมีนั้นล่ะ
ทำความดีน่ะมันดี แต่หลงในความดีหรือหลงในสิ่งที่ตนคิดว่าดี ความดีนั่นกำลังทำร้ายเรานะ
ทำดีแทนที่จะมีสุขกลับทุกข์เพราะความดีที่ตนทำ จำไว้ความดีความบริสุทธิ์เป็นเรื่องส่วนบุคคลอย่าเอาตนเป็นบรรทัดฐาน
กินเจกินผักต้องเว้นการเบียดเบียนทางกาย ทางวาจา ทางใจด้วย ถ้ากินเจแล้วเที่ยวไปจับผิดคนอื่น อย่ากินเลยจะดีกว่า เข้าใจนะ”
เรื่องที่ท่านถามว่าเข้าใจนะ ทำให้สงบใจจากเรื่องบางเรื่องที่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจได้เหมือนกัน
เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มิใช่แต่เป็นที่นับถือของผมเท่านั้น แต่น่าจะจัดว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมชอบค่อนแคะกระแนะกระแหนคนอื่นผ่านโซเชียลมีเดียแล้ว ผมไม่ค่อยเข้าใจว่า ท่านจะทำอย่างนั้นไปทำไม?
ไม่เห็นด้วยก็น่าจะยกเหตุหาผลมาถกเถียงแลกเปลี่ยนกันจะดีกว่าไหม
จะแนะแหนกันไปทำไมให้เหนื่อยแรง?
การรัฐประหารอาจจะหย่าศึกได้ชั่วคราว แต่ถ้าสำรวจอารมณ์เวลามีเรื่องราวเหล่านี้เข้ามาปะทะจิตใจแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าเราต่างซุ่มซ่อนกลบฝังอะไรไว้ในใจกันบ้าง เมื่อเวลาผ่านไปนิสัยขี้ลืมให้อภัยกันง่ายๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของคนไทยจะช่วยได้ไหม หรือมันพร้อมจะระเบิดความรุนแรงใส่กันได้ตลอดเวลา ถ้ามีใครมาจุดชนวน
ถ้าเราไม่อดทนต่อความเห็นต่าง คิดว่าสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เรายึดมั่นมันถูกแล้ว ดีแล้ว ก็คงเป็นอย่างที่หลวงปู่ท่านว่าล่ะครับ ว่าความดีนั้นมันไม่ใช่แค่พาเราไปทำร้ายคนอื่นได้ แต่มันยังทำร้ายเราได้เช่นกัน
“...หลงในความดี หรือหลงในสิ่งที่ตนคิดว่าดี ความดีนั่นกำลังทำร้ายเรา...”
ทุกวันนี้มีเรื่องเช่นว่าให้เห็นตำหู เต็มตา และเต็มจอไปหมด
ผมไม่รู้หรอกครับว่า ก่อนที่จะเอาปี๊บคลุมหัวไล่กันหรือก่อนจะมาแนะแหนกันผ่านโซเชียลมีเดีย ท่านผู้มีคุณวุฒิ วัยวุฒิเหล่านั้นได้พูดกันดีๆ ก่อนหรือเปล่า?
พูดกันดีกว่าไม่พูดกันมิใช่หรือ รึมันถึงยุคมนุษย์ไม่ต้องพูดไม่ต้องคุยกันแล้ว สิทธิใครสิทธิมัน ความคิดใครความคิดมัน มาตรฐานใครมาตรฐานมัน
เห็นธงเจ ปี๊บ และเรื่องราวในสังคมแล้วนึกถึงความเมตตาของท่านพระอาจารย์
สังคมที่ไม่เคยขาดแคลนเมตตาธรรมหายไปไหนแล้ว?
ใครจะอย่างไรก็ช่างเถอะ รำพึงรำพันมานี่ก็ไม่ได้เจตนาจะว่าใคร พยายามถามตัวเองอย่างหลวงปู่แนะเหมือนกันครับว่า เบียดเบียนคนอื่นอยู่ไหม? คิดดีหรือเปล่า? เอาตัวเองเป็นมาตรฐานวัดคนอื่นหรือเปล่า?


