posttoday

โมเดลธุรกิจยุคใหม่ ต้องคืนกำไรสู่สังคม

23 กันยายน 2557

การทำธุรกิจย่อมมีผลกำไรเป็นที่ตั้ง ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมที่จะปันผลกำไรนั้นตอบแทนสังคม

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา  

การทำธุรกิจย่อมมีผลกำไรเป็นที่ตั้ง ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมที่จะปันผลกำไรนั้นตอบแทนสังคม ในอดีตมีหลายองค์กรที่ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลืมหันมามองสังคมรอบข้าง มีการทำกิจกรรมเพื่อสังคมอยู่เสมอ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการทำกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งๆ เท่านั้น

ปัจจุบันจะเห็นว่ารูปแบบการตอบแทนสังคมของผู้ประกอบการบางรายเริ่มเปลี่ยนไป หันมาคืนกำไรสู่สังคมควบคู่ไปกับการทำกำไรให้ธุรกิจอย่างเต็มตัว เพราะผู้ประกอบการเหล่านี้เชื่อว่าธุรกิจไม่ควรเป็นฝ่ายรับจากสังคมอย่างเดียว แต่ควรคืนสู่สังคม แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็ก แต่ถ้าทุกองค์กรช่วยกัน การช่วยเหลือก็จะยิ่งใหญ่

ทอมส์ รองเท้าเปลี่ยนโลก

ไม่น่าเชื่อว่าการเดินทางไปท่องเที่ยวทวีปอเมริกาใต้ จะทำให้ เบลค มายคอสกี้ ผู้ก่อตั้งและประธานโครงการบริจาครองเท้าทอมส์ ได้พบกับสิ่งเล็กๆ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล นั่นคือ รองเท้าพื้นเมืองของอาร์เจนตินา ที่เรียกว่า “อัลปากาตา” (Alpagata) และเด็กยากจนที่ต้องวิ่งเล่นและไปโรงเรียนด้วยเท้าเปล่า สองสิ่งนี้ทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามว่า ทำไมในท้องถิ่นที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตรองเท้า คนในท้องถิ่นกลับไม่มีรองเท้าใส่

“แรงบันดาลใจที่จะแบ่งปันรองเท้าให้กับเด็กๆ ของเบลคเริ่มต้นจากตรงนั้น เขาจึงนำความรู้ในการทำรองเท้าท้องถิ่นนี้ มาตั้งแบรนด์ทอมส์ ให้เป็นองค์กรที่หากำไรตามหลักธุรกิจซึ่งสามารถพึ่งตัวเองได้ และไม่ต้องรอการบริจาค เพื่อเดินหน้าโครงการ One for One หมายถึง รองเท้าทุกคู่ที่ลูกค้าซื้อไป ทอมส์จะนำรองเท้าไปบริจาคให้เด็กที่ขาดแคลนอีก 1 คู่” สุกฤษ วารีราชอุทัย ผู้จัดการทั่วไปสายการตลาด และพัฒนาธุรกิจสตาร์แฟชั่น ผู้นำเข้ารองเท้าทอมส์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของโมเดลธุรกิจใหม่

โมเดลธุรกิจยุคใหม่ ต้องคืนกำไรสู่สังคม

 

ปัจจุบันทอมส์ได้บริจาครองเท้าไปแล้วกว่า 15 ล้านคู่ ในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และร่วมมือกับองค์กรที่ช่วยเหลือสังคมอีกมากกว่า 100 องค์กร เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ด้อยโอกาส โดยรองเท้าที่นำไปบริจาคมี 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ รองเท้าผ้าใบ รองเท้ากีฬา และรองเท้าบู๊ต ในการมอบแต่ละครั้งเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปวัดขนาดเท้าของเด็กก่อน เพื่อจัดหารองเท้าไซส์ที่ถูกต้องไปให้ และทุกๆ 6 เดือน เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนรองเท้าให้เด็กๆ ใหม่ตามการเจริญเติบโต

นับตั้งแต่ปี 2006 สุกฤษ บอกว่า โมเดลการช่วยเหลือของทอมส์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนในปี 2011 เบลคเห็นว่าโมเดลนี้ยังสามารถช่วยเหลือคนได้อีกมากมาย จึงขยายไปสู่ไลน์แว่นกันแดด ทุกครั้งที่ลูกค้าซื้อแว่นกันแดด 1 ชิ้น ทอมส์จะไปช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางสายตาต่ออีก 1 คน จนถึงวันนี้ทอมส์ได้มีส่วนช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาด้านสายตาไปแล้ว 2 แสนคน นอกจากนี้รองเท้าทอมส์ ยังขยายความช่วยเหลือไปอีก ด้วยการจำหน่ายเมล็ดกาแฟ โดยทุกยอดจำหน่ายกาแฟ 1 ถุง จะนำน้ำสะอาด 140 ลิตร ไปบริจาคให้พื้นที่ที่ขาดแคลน”

“ในฐานะผู้นำเข้าแบรนด์ทอมส์มาจำหน่ายในประเทศไทย ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นกระบอกเสียงบอกต่อโครงการดีๆ นี้ และเหมือนเป็นการบอกต่อกับสังคมว่ายังมีเด็กอีกจำนวนมากที่ยังขาดแคลนและต้องการการช่วยเหลือ สำหรับในประเทศไทยเอง เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เบลคได้เดินทางมามอบรองเท้าให้เด็กนักเรียนที่ขาดแคลนจาก 158 โรงเรียน ใน จ.สุรินทร์แล้ว” สุกฤษ กล่าวทิ้งท้าย

โมเดลธุรกิจยุคใหม่ ต้องคืนกำไรสู่สังคม

 

 

แซมเบรโร่ : เราอิ่ม น้องอิ่ม

อีกหนึ่งธุรกิจต้นแบบที่เดินหน้าช่วยเหลือสังคม คือ “แซมเบรโร่” ร้านอาหารบริการจานด่วนสไตล์เม็กซิกัน อิมปอร์ตจากออสเตรเลีย และเพิ่งมาเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยลูกค้าที่มาซื้อเบอร์ริโต้ทุกคน จะได้มีส่วนร่วมในโครงการ Plate 4 Plate นำอาหารไปมอบให้เด็กที่ขาดแคลนอาหาร

สจ๊วต คุ๊ก อินเตอร์เนชั่นแนลซีอีโอของแซมเบรโร่ กรุ๊ป เล่าถึงที่มาของโครงการนี้ว่า เป็นความตั้งใจของ ดร.แซม ปรินซ์ ผู้ก่อตั้งร้านแซมเบรโร่ ที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยนัก แต่เพราะได้รับโอกาสที่ดีจึงได้รับการศึกษา จนเป็นใบเบิกทางให้ประสบความสำเร็จในชีวิต เขาจึงอยากส่งต่อโอกาสดีๆ นี้กลับคืนสู่สังคม

“เริ่มแรก แซมเบรโร่ เลือกนำเงินจากยอดขายเบอร์ริโต้ไปให้ความช่วยเหลือด้านไอทีแก่เด็กๆ แต่เวลาผ่านไปทางแบรนด์เริ่มคิดว่าแทนที่จะไปช่วยเหลือเรื่องไกลตัว น่าจะหันมาช่วยเหลือสิ่งที่เป็นปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต และด้วยทำธุรกิจอาหาร จึงสนใจช่วยเหลือสังคมด้วยการนำอาหารไปมอบให้เด็กที่ขาดแคลน เพราะอาหารหนึ่งมื้อ ไม่ใช่แค่ทำให้เด็กคนหนึ่งอิ่มท้อง แต่ยังเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ปกครองอยากส่งลูกมาโรงเรียน เพราะรู้ว่ามาแล้วลูกจะมีอาหารกินอิ่ม”

ส่วนหลักเกณฑ์ในการบริจาค แซมเบรโร่จะร่วมมือกับ Stop Hunger ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร สำหรับประเทศไทยเอง สจ๊วตบอกว่า Stop Hunger ยังไม่มีในไทย แต่ทางแซมเบรโร่มีไอเดียจะนำเข้ามา เพราะพบว่า ในบางพื้นที่ของไทยก็ยังมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ ซึ่งถ้าทำสำเร็จ ก็จะนำโมเดลในไทยไปใช้กับประเทศอื่น ที่แซมเบรโร่ขยายสาขาไป

“ผมมองว่า การทำธุรกิจแล้วคืนกำไรให้สังคมไปควบคู่กันแบบนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องช่วยครั้งละมากๆ แค่ทุกคนช่วยกันให้คนละนิดก็เพียงพอ” สจ๊วต กล่าวทิ้งท้าย

โมเดลธุรกิจยุคใหม่ ต้องคืนกำไรสู่สังคม

เช็กอินคืนนี้ ได้คืนพื้นที่ป่า

ปิดท้ายด้วย โซเนวา คีรี รีสอร์ทธุรกิจโรงแรมบนเกาะกูด ที่นอกจากมีการบริหารจัดการภายในโรงแรม เพื่อรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุดแล้ว ยังมีความมุ่งมั่นสนับสนุนสภาพแวดล้อม โดยการหัก 2% จากทุกค่าใช้จ่ายของแขกที่เข้าพักให้กับกองทุน Canbon Sense Fund เงินที่ได้จากกองทุนนั้นจะนำไปลงทุนในโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเกิดจากที่รีสอร์ทและแขกที่มาพัก

ขณะนี้ โซเนวา คีรี ได้มีการร่วมมือกับมูลนิธิปลูกต้นไม้วันนี้ (PATT) โดยมีโครงการปลูกป่า และโครงการพัฒนาหมู่บ้าน 2 โครงการ ในประเทศไทย เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน มีการสร้างทางเดินสัตว์ป่า คืนความหลากหลายทางชีวภาพ และการสร้างงานให้คนในท้องถิ่น

ทั้งหมดนี้คือ ตัวอย่าง 3 ธุรกิจในต่างแขนง แต่ทั้งสามมีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะคืนกำไรที่ได้จากการทำธุรกิจสู่โลกใบนี้ เชื่อว่าหากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ช่วยเหลือกันคนละไม้คนละมือ โลกกลมๆ ใบเดิมนี้คงน่าอยู่ขึ้น

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ซันเดอร์แลนด์ พบ นิวคาสเซิ่ล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68