ชื่นชมของสะสมล้ำค่า ของ ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ
แวดวง “อาร์ตคอลเลกเตอร์” ตัวยงของเมืองไทยต้องมีชื่อของ ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ
โดย...วราภรณ์ ภาพ : ภัทรชัย ปรีชาพานิช
แวดวง “อาร์ตคอลเลกเตอร์” ตัวยงของเมืองไทยต้องมีชื่อของ ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินร่วมอยู่ด้วย เพราะเขาหลงใหลและเก็บสะสมผลงานศิลปะหลากหลายแขนงตั้งแต่เริ่มวัยทำงาน เช่น ภาพเขียนของศิลปินชื่อดังของเมืองไทย อาทิ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ผู้ล่วงลับ ฯลฯ หรือแม้แต่รูปปั้นเนื้อหินอ่อนสไตล์ยุโรป ร่วมไปถึงผืนพรมเปอร์เซียลวดลายสวยงามบางผืนอายุกว่า 100 ปี โดย ดร.ก้องเกียรติ เก็บสะสมไว้มากกว่า 30 ผืนทีเดียว
ดร.ก้องเกียรติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เล่ารายละเอียดถึงแรงบันดาลใจในความชื่นชอบผลงานศิลปะเหล่านี้ว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อที่ชื่นชอบงานศิลปะเหมือนกัน โดยเฉพาะภาพถ่าย ความเข้มข้นของความชอบงานศิลป์ยิ่งมีมากขึ้น เมื่อ ดร.ก้องเกียรติ ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ระหว่างที่ร่ำเรียนก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมงานศิลป์ในพิพิธภัณฑ์ยุโรปและอเมริกา ยิ่งเป็นการเปิดโลกทัศน์ด้านงานศิลป์ที่มากขึ้น
“ผมเริ่มสะสมแสตมป์ตั้งแต่ชั้นประถม ได้ชมความงามของศิลปะในแสตมป์ เก็บสะสมเอนไซโคลพีเดีย ทำให้ผมได้เห็นแสตมป์ของทั้งโลก พอโตหน่อยไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกานาน 6 ปี ได้ไปดูพิพิธภัณฑ์หลักๆ ในยุโรปและอเมริกา ด้วยความชอบเที่ยวและหาความรู้ใส่ตัว ได้ดูงานศิลปะ ดูธรรมชาติได้เห็นเยลโลว์สโตนซึ่งเป็นศิลปะทั้งนั้น พอเรียนจบผมไปอยู่แบงก์กสิกร ถูกห้อมล้อมด้วยงานศิลปะ เพราะคุณบัญชา ล่ำซำ ก็ชอบงานศิลปะ ประกอบกับผมกลับมาใหม่ๆ ศิลปินรุ่นใหม่ๆ ชวนไปเปิดงาน เช่น ธงชัย ศรีสุขประเสริฐ ผมก็มีรูปของเขาเป็นรูปไตรภูมิสีขาว ปัจจุบันติดอยู่ในห้องทำงาน ทำให้ผมยิ่งรู้จักงานศิลปะ นับร่วมผมสะสมงานศิลปะมานาน 30 ปีแล้ว หรืองานพระพุทธรูปเป็นงานไม้แกะสลักปิดทองศิลปะยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อายุกว่า 200 ปี ได้จากร้านแกลเลอรี่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีโอ่งลายมังกรอายุ 80 ปี ตั้งประดับอยู่นอกบ้าน”
หลักเก็บงานศิลปะของอาร์ตคอลเลกเตอร์คนนี้ไม่มีหลักที่แน่นอน อาศัยเก็บทุกอย่างที่ตนเองรู้สึกชื่นชอบ เช่น เสน่ห์ของภาพวาดสีน้ำมัน ดร.ก้องเกียรติ เปรียบได้ลึกซึ้งว่า เหมือนงานหนังสั้นที่บอกเรื่องราวของศิลปินที่มีวิธีถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่เหมือนกัน อีกของสะสมสุดรักของเขาก็คือ พรมเปอร์เซียที่ใช้เวลาถักทอเป็นปี พรมทุกชิ้นสวยมูลค่าหลายล้านมีค่ากึ่งๆ งานศิลปะเลยทีเดียว
“ผมชอบความเนี้ยบของการทอพรมเปอร์เซีย ซึ่งล้วนเป็นพรมทอมือ บางชิ้นเป็นของอิสวาฮานตระกูลเก่าแก่ที่ถักทอพรมมานานนับ 100 ปี บางผืนที่ผมมีอายุเกือบๆ 100 ปี มูลค่าเจ็ดหลักทีเดียว ผมชอบที่ความงดงามของลวดลาย เช่น ลาย Medallion ตราล้อมรอบด้วยดอกไม้ ภาพวิวหรือฮันติ้งภาพล่าสัตว์อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นขนสัตว์ทอกับผ้าไหมเป็นภาพสองสีเข้มกับจางหากมององศาที่ต่างกัน พรมที่เลื่องชื่ออันดับหนึ่งของโลกต้องผลิตที่ตะวันออกกลาง โดยใช้มือทอทั้งหมด การทอพรมเป็นงานศิลปะ มีประวัติคือ อาจารย์โกนาเป็นผู้ออกแบบลวดลายในยุคแรกๆ การถักทอพรมนิ้วคนทอต้องเล็ก ถักด้วยมือแต่มีเครื่องมือช่วย พรมแต่ละผืนช่วยกันถักทั้งตระกูลเป็นปีๆ ต่อพรมหนึ่งผืน ผมจึงให้คุณค่ากับสิ่งเหล่านี้ อีกทั้งพรมยังมีลวดลายที่สวยเตะตามากๆ”
แม้พรมเปอร์เซียจะงดงามและมีอายุมากขนาดไหน แต่ ดร.ก้องเกียรติ มองที่ประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก จึงไม่แปลกใจเลยว่า พรมที่ปูอยู่ในห้องรับแขกของบ้านทำไมเนื้อจึงนุ่มเนียนเท้านัก
คุณค่าของพรมเปอร์เซีย ดร.ก้องเกียรติ ให้ความรู้เพิ่มอีกนิดว่า ความแน่นของพรมยิ่งทอแน่นต่อตารางนิ้วก็ยิ่งมีราคาแพง พรมที่ผลิตที่ตะวันออกกลางกับจีนหากไม่มีความรู้มักแยกกันไม่ค่อยออก ซึ่งราคาแตกต่างกันที่หลักแสนกับหลักหมื่นบาท
“พรมผืนแรกที่ซื้อจากคนแขกที่นิวยอร์กก็เคยโดนหลอก พอนำกลับมาเมืองไทยคนขายพรมที่น่าเชื่อถือบอกว่าอันนี้พรมจีนราคาแค่ 2 หมื่นบาท ซึ่งผมก็ซื้อมาในราคาแค่ 3 หมื่นบาท ซึ่งต่อราคา 3 แสนบาท จึงไม่ค่อยเสียใจเท่าไหร่ หลังจากนั้นผมซื้อพรมจากดีลเลอร์ที่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ คิดว่ายอมจ่ายแพงดีกว่า เช่น การประมูลจากโซเทบี้ส์หรือคริสตี้ส์ เราก็ยอม เรายอมจ่ายเพื่อซื้อความน่าเชื่อถือ”
พรมเปอร์เซีย 3 ผืนสุดรักที่ ดร.ก้องเกรียง โปรดมากๆ ได้แก่ พรมลายเมดาเรียน ทอ 900 นอต/ตารางนิ้ว ทอจากเส้นไหม ซึ่งไหมมีเสน่ห์ตรงมองได้ 2 เฉด มีความแววที่มากกว่า แต่วูลของแมสเชสเตอร์ก็ดี เพราะพรมที่ทอมาจากขนแกะจะละเอียดมากๆ ซึ่งวูลโบราณจะสากๆ เพราะการเลี้ยงดู การฟอกโบราณจะไม่ค่อยดีเท่าสมัยนี้ พรมคุณภาพดีๆ สามารถอยู่เป็นได้เป็น 100 ปี พรมเนื้อวูลที่ชอบอายุ 70 ปี เป็นลายวิว ซึ่งล้วนเป็นพรมที่ทอจากตระกูลเซราเฟียนอันมีประวัติเก่าแก่มากในการทอพรม
สำหรับหลักการเลือกซื้อไม่ว่าจะเป็นของสะสมชนิดใดก็ตาม ดร.ก้องเกียรติ แนะว่า ต้องมีความสมบูรณ์ของชิ้นงาน เช่น งานรูปปั้นสำริดสภาพต้องสมบูรณ์ หากชิ้นงานนั้นมีจำกัดจริงๆ หากหาชิ้นที่สมบูรณ์กว่านั้นไม่ได้ก็ต้องยอม อีกทั้งการเป็นนักสะสมต้องถามใจตนเองว่าชอบสะสมของชิ้นนั้นๆ จริงๆ หรือไม่ เพราะเราต้องอยู่กับมันไปอีกนาน ของชิ้นนั้นก็คือส่วนหนึ่งของชีวิต และของสะสมชิ้นนั้นต้องมีความทนทานเพื่อการเก็บรักษาไว้ได้นาน
“งานเพนติ้งหากกระดาษสีจางแล้วผมไม่เอาเลย คนเอเชียประเทศอื่นๆ นิยมซื้อภาพเก็บ แต่คนไทยไม่นิยม ศิลปินจีนที่มีชื่อเสียงมากๆ มีเยอะมาก เพราะมีคนสนับสนุนซื้อภาพของเขา เขาก็ดัง จริงๆ เราควรสนับสนุนศิลปินของไทย แต่คนไทยไม่รู้คุณค่าของภาพเขียนโบราณทิ้งๆ ขว้างๆ สะท้อนว่าเราไม่นิยมงานศิลปะ ซึ่งศิลปะถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย เราควรสะสมซื้อภาพเพื่อสร้างศิลปินไทยให้มีชื่อเสียงเยอะๆ เพื่อส่งเสริมให้กำลังใจศิลปินสร้างงานศิลป์ต่อไป”
นอกเหนือจากงานพรมเปอร์เซีย ดร.ก้องเกียรติ ยังหลงรักงานทองสัมฤทธิ์ 3/5 ของศิลปินชาวอิตาเลียน ชื่อ เฟรด เดอริโก โซเวอร์เรโน เป็นรูปปั้นพี่น้องสามคน ส่วนรูปปั้นของ Salvary deli ศิลปินชาวสเปน ก็มีเก็บอยู่หลายชิ้น เช่น รูปปั้นช้างยืนแบกพีระมิดแก้ว อีกชิ้นเป็นงานของดามโกไดวา แต่เก็บโชว์ไว้ที่บ้านในกรุงลอนดอน และรูปปั้นมือหยิบรถยนต์ของ Layn zo Quinn เป็นศิลปินชาวสเปน
อย่างไรก็ดี ความสุขที่ได้จากการเป็นนักสะสม ดร.ก้องเกียรติ บอกว่า อยู่ที่งานของศิลปินเมื่อได้ชื่นชมแล้วมีผลต่อจิตใจ เห็นแล้วรู้สึกดื่มด่ำมีความสุข ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หายเหนื่อยจากงาน เวลาได้ไปดูแกลเลอรี่เกี่ยวกับภาพ ทำให้เขาได้เห็นงานของศิลปินเอกของโลกมากมายแม้ไม่ได้จับจองเป็นเจ้าของ เช่น ภาพวาดของโมเนต์ แต่เพียงได้เห็นก็รู้สึกชื่นใจแล้ว ดร.ก้องเกียรติ บอกอีกว่า การจะเป็นนักสะสมต้องเริ่มจากการศึกษางานของศิลปิน ซึ่งศิลปินที่ดีและน่าสะสมต้องมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่ได้เลียนแบบใคร มีความสม่ำเสมอในการผลิตงาน ขณะเดียวกันต้องพัฒนางานขึ้นไปเรื่อยๆ
“งานบางเป็นของชาวเยอรมันชื่อ Gerhard Rithea อายุ 93 ภาพของเขาเอาสีมาป้ายๆ เท่านั้น แต่เขาทำได้เป็นคนแรก หรือ เดเมียม เฮิร์ต เราก็ชอบมีภาพหนึ่งเก็บไว้ที่บ้านที่ลอนดอน ซึ่งมูลค่าประเมินมิได้ ”
สำหรับวิธีเฟ้นหาของโบราณล้ำค่า ดร.ก้องเกียรติ ใช้วิธีประมูลอยู่เรื่อยๆ เช่น งานประมูลนาฬิกา งานศิลปะโดยจะมีการประมูลของบริษัทด้านการประมูลดังๆ ไตรมาสละครั้ง เช่น โซเทบี้ส์ คริสตี้ส์ ซึ่ง ดร.ก้องเกียรติ ก็เป็นสมาชิก เมื่อเป็นสมาชิกก็จะได้แค็ตตาล็อกที่ทำเพื่อการประมูลแต่ละครั้งส่งมาถึงบ้าน เมื่อได้ดูงานแต่ละชิ้นซึ่งจะมีทั้งขนาด ราคาเริ่มประมูลกำกับอยู่ หากชอบก็โทรไปคุยกับตัวแทนที่อยู่ในเมืองไทย ว่าอยากได้ชิ้นนั้นชิ้นนี้และจำกัดวงเงินว่าสู้ที่ราคาเท่าไหร่ ซึ่งนับเป็นเส้นทางการหาของสะสมที่ดีมากๆ ทางหนึ่ง
หลักการเก็บรักษาของโบราณล้ำค่า
ผืนพรม วิธีง่ายๆ สำหรับ ดร.ก้องเกียรติ คือ ใช้ปูพื้นเพื่อจะได้ชื่นชมและสัมผัสถึงความงดงามของลวดลายบนพรม และพยายามรักษาอย่าให้มีอะไรมากัด การปูไว้กับพื้นบ้านถือเป็นการเปิดไว้รับลมเพื่อป้องกันไม่ให้มีปลวกมดหรือมอดมากัดทำความเสียหายให้กับผืนพรมได้
“ผมเก็บรักษาด้วยการปล่อยธรรมชาติ อย่างรูปปั้นหินอ่อน ผมก็ตั้งตากแดดตากฝน แต่ผมจะมีน้ำยาทาเคลือบเอาไว้ แต่ตากแดดนานๆ เนื้อหินก็จะด้านดูแลไม่ได้ แต่ข้อดีคือ เราได้ดู ได้เห็น สำหรับภาพต้องเก็บในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิของห้อง เปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อให้ห้องเย็นเรื่อยๆ เก็บไว้ในที่ร่มไม่โดนแดด แสงส่องไม่ถึง ที่สำคัญระวังปลวก มด มอด เพราะเป็นศัตรูของสะสมทุกประเภท เราต้องกำจัดปลวก ถ้าพรมเป็นรูทีต้องส่งไปซ่อมที่อิหร่าน แต่ก็ซ่อมยาก ดังนั้นต้องรักษาพรมให้ดี อย่างที่บ้านผมมีคนงานช่วยดู ตรวจสภาพทุกวัน อย่าเก็บของสะสมไว้ในที่อับ มืดชื้น”
อีกทั้งพยายามอย่าให้พรมโดนน้ำหรือกาแฟหกใส่ เพราะการทำความสะอาดต่างกัน พยายามอย่าเลี้ยงสัตว์ สุนัขหรือแมวไว้ในบ้าน เพราะจะเป็นอุปสรรคต่อการรักษาพรมโบราณมากๆ หรือแม้กระทั่งการดูดฝุ่นทำความสะอาดบ่อยๆ จะทำให้เส้นใย หรือปมต่างๆ ของพรมขาดทำให้พรมชำรุดเร็ว


