อ่านสามก๊กครบสามจบ...คบได้จริงหรือ?
เมื่อเอ่ยถึงวรรณกรรมแห่งแผ่นดินใหญ่เรื่อง “สามก๊ก” ซึ่งเป็นหนึ่งผลงานการประพันธ์นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ชั้นเอก
โดย...กองทรัพย์ ภาพ/ กองทรัพย์ + คลังภาพโพสต์ทูเดย์
เมื่อเอ่ยถึงวรรณกรรมแห่งแผ่นดินใหญ่เรื่อง “สามก๊ก” ซึ่งเป็นหนึ่งผลงานการประพันธ์นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ชั้นเอก โดยปลายปากกาของหลอกว้านจง หรือล่อกวนตง เป็นนักประพันธ์สมัยปลายราชวงศ์หยวน (ราชวงศ์หงวน) ต่อต้นราชวงศ์หมิง โดยเนื้อหาเป็นเรื่องราวการช่วงชิงอำนาจการปกครอง การชิงไหวชิงพริบระหว่างก๊ก และการศึกสงครามในแดนมังกรเมื่อ 1,800 ปีก่อน อักษรที่บรรจุในหนังสือเล่มหนามีตัวละครที่บุคลิกเจ้าเล่ห์ ปากดี โหดเหี้ยม เลือดเย็น เจ้าชู้ หรือแม้กระทั่งมีนักหักหลังอยู่มากมาย โจโฉหนึ่งในตัวเอกในเรื่องเคยเขียนกลอนฉายภาพยุคสมัยนั้นไว้ว่า “กระดูกขาวโพลนทั่วแผ่นดิน ห้าพันลี้สิ้นเสียงนกร้อง บ้านเมืองเต็มไปด้วยซากศพ” แม้กระนั้นในยุคที่โหดร้ายที่สุดก็เป็นยุคเดียวที่ฮีโร่เกิดขึ้นมากมาย
อย่างไรก็ตาม ด้วยวลีแฝงมายาที่ว่า “คนที่อ่านสามก๊กจบสามรอบคบไม่ได้” ที่ฝังหัวคนไทยมานาน ทำให้นัก (อยาก) อ่านหลายคนไม่กล้าหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านอย่างจริงจัง ในงานเสวนา “อ่านสามก๊กอย่างไรให้น่าคบ” โดย 2 วิทยากรผู้คลุกคลีอยู่กับวรรณกรรมจีนเรื่องนี้ คือ นิธิพันธ์ วิประวิทย์ แฟนพันธุ์แท้ราชวงศ์จีน ผู้เริ่มสนใจประวัติศาสตร์จีนจากการอ่านสามก๊ก และเมธา เจริญธนาวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและประธานฝ่ายบริหาร เว็บไซต์ไทยสามก๊ก ชวนวิพากษ์นวนิยายชั้นเอกเรื่องนี้ พร้อมกับเปิดประตูสำหรับนักอ่านหน้าใหม่ที่อยากอ่านร่วมพิสูจน์ว่า อ่านสามก๊กจบสามรอบคบได้มากกว่าคนที่อ่านไม่จบสักรอบ
อ่านสามก๊กให้น่าคบ
นิธิพันธ์ บอกว่า วรรณกรรมสามก๊กเปรียบเสมือนคู่มือการใช้ชีวิตสามัญประจำบ้าน เพื่อที่จะนำหลักคิดมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน เนื่องจากความหลากหลายของบุคลิกตัวละครที่มีมากกว่า 1,200 ตัว ฉะนั้นถ้าอ่านจบเราจะพบ 1,200 แง่คิด เพราะนิสัยจะไม่เหมือนกันแม้แต่คนเดียว ผู้อ่านสามก๊กที่นึกถึงสภาพการณ์ตามจริงในยุคนั้น ก็จะค้นพบว่าในสามก๊กจะมีทั้งคนที่คบได้และคบไม่ได้ แม้กระทั่งเหตุการณ์เดียวกันก็มองได้หลายมุม แล้วแต่ว่าคุณจะมองในฐานะใด
“มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าเปรียบเทียบกับนิยายอื่นๆ ถ้าเป็นนวนิยายส่วนใหญ่จะจบลงด้วยการแต่งงานแต่สามก๊กไม่ใช่ สามก๊กเป็นวรรณกรรมประเภทที่ว่า ถ้าเราอ่านจบเท่ากับเราอ่านชีวิตคน 1,200 คน จะค้นพบที่มาที่ไปและจุดจบที่หลากหลาย ทั้งคนโกง คนเจ้าชู้ คนซื่อสัตย์แต่เลือกเจ้านายผิดพลาดจะมีจุดจบอย่างไร เพราะฉะนั้นสามก๊กจะสอนเรื่องการคบคนอยู่ไม่น้อย”
แฟนพันธุ์แท้ราชวงศ์จีน แนะนำสำหรับนักอยากอ่านสามก๊กว่า “การอ่านสามก๊กให้คบได้ต้องอ่านให้ครบ กล่าวคืออ่านให้จบ อ่านให้ทั่วทั้งชีวิตของคนคนนั้น แล้วต้องวิเคราะห์ว่า ช่วงชีวิตของตัวละครนั้นๆ มีความจำเป็นอะไร การจะวิเคราะห์ได้ก็ต้องอ่านให้หลายเวอร์ชั่น ทั้งไทย จีน หรือแม้แต่ภาษาอังกฤษ สำหรับคนที่ถนัดหลายภาษา การอ่านยุคใหม่ต้องเสริมสร้างความหลากหลายให้เรา วรรณกรรมสามก๊กเป็นวรรณกรรมที่ดีเพราะว่ามีความหลากหลายเต็มไปหมด”
ขณะที่เมธาให้ทัศนะจากที่ได้สัมผัสผู้อ่านสามก๊กว่า “ปัญหาของการอ่านสามก๊กในเมืองไทย คือ การตั้งธงของคนอ่านและการส่งต่อทัศนคติ เช่น พ่อแม่เคยอ่านมาก่อน ก็จะย้ำว่าขงเบ้งเป็นคนดี โจโฉเป็นคนไม่ดี ซึ่งเมื่อรุ่นลูกมาอ่าน หากเจอบางบทบาทของขงเบ้งที่ไม่ดี ก็จะมองผ่านไป เพราะตั้งธงไว้ว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าจะร้ายยังไงก็ยังเป็นคนดี”
“ทางแก้ คือ เราต้องอ่านโดยนึกถึงความเป็นจริงของหนังสือ ไม่เฉพาะเรื่องสามก๊กนะครับ ผมหมายรวมถึงหนังสืออื่นๆ ด้วย ถ้าคิดว่าเราอ่านเพื่อเก็บข้อมูลดีๆ เราก็จะได้แต่ข้อมูลดีๆ แต่ถ้าเราอ่านเพื่อจับผิด หรืออ่านเพื่อนำไปใช้ในทางไม่เหมาะสม เช่น อ่านเพื่อนำไปอวดภูมิชาวบ้าน อ่านไม่แตกฉานแล้วนำหลักการบางอย่างไปใช้ผิดๆ ก็จะเกิดความเสียหายกับตัวเองและผู้อื่น เราเองนั่นแหละจะกลายเป็นคนไม่น่าคบเสียเอง” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ไทยสามก๊ก กล่าว
นิธิพันธ์ เสริมว่า “ผมว่าเหมือนเราดูละคร แล้วเราดูไม่จบ แต่เลือกนำมาใช้แค่ส่วนเดียว เช่น ตัวละครตัวหนึ่งเจ้าเล่ห์แล้วได้ดี แต่คุณดันเลือกเฉพาะเหตุการณ์นั้นมาใช้ กลายเป็นว่าเราไม่รู้ผลกระทบในทั้งชีวิตของเขา ทั้งๆ ที่คุณค่าของสามก๊ก คือ การเอาทั้งชีวิตของคนคนหนึ่งมาให้ดูว่าจุดจบของคนเจ้าเล่ห์เป็นอย่างไร ดังนั้นจะอ่านคนก็ต้องอ่านทั้งชีวิตของเขา”
อ่านไปจิ้นไป จบได้แน่นอน
เมธา บอกอีกว่า ปัญหาส่วนใหญ่ของคนที่อ่านวรรณกรรมสามก๊กไม่จบ คือ “อ่านแล้วหลับ” ทำให้ไม่มีแรงบันดาลใจให้อ่านต่อ ดังนั้นวิธีการที่จะอ่านสามก๊กให้สนุก ก็คือ “การอ่านไปจิ้นไป เป็นศัพท์สมัยใหม่ที่ใช้ได้ดี กล่าวคือเราต้องอ่านพร้อมสร้างจินตนาการ อ่านไปได้หนึ่งบทก็พัก อาจจะจบตรงที่การรบของสองกองทัพ แล้วก็นั่งนึกเหตุการณ์ตามไปด้วย เรียกว่าสร้างวิมานในอากาศก็ไม่ผิด แต่ถึงอย่างนั้นเราก็จะมีคำถามที่ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้เกิดความอยากรู้
“อ่านไปจิ้นไปใช้กับสามก๊กได้ นิยายเรื่องอื่นๆ เราก็จิ้นตัวละคร แต่ถ้าในสามก๊กแนะนำให้จิ้นเหตุการณ์ เพราะจะนำมาซึ่งคำถาม ข้อสงสัย จะทำให้เราอยากรู้อยากเห็น และอยากอ่านไปเรื่อยๆ หลายคนถามว่า ถ้าสงสัยก็ถามกูเกิลสิ ผมบอกได้เลยว่า กรณีของสามก๊กกูเกิลก็พึ่งไม่ได้ เพราะว่าการจิ้นของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นคำถามจะไม่ได้ถูกกำหนดคำตอบไว้ในอินเทอร์เน็ต ฉะนั้นการอ่านจนจบด้วยตัวเอง จะเป็นการหาคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับวรรณกรรมเรื่องนี้”
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ไทยสามก๊ก มีคำแนะนำสำหรับนักอ่านหน้าใหม่ที่จะเริ่มอ่านสามก๊กว่า “ควรเริ่มต้นที่การ์ตูนสี่ช่องก่อน เพราะราคาไม่แพงและเข้าใจง่ายและช่วยสร้างจินตนาการขั้นแรกให้กับเรา ถ้าอ่านจนจบได้ก็จะเกิดอาการอยากอ่านต่อ จากนั้นค่อยพัฒนาไปสู่หนังสือเล่มใหญ่ แต่หนังสือที่ไม่มีภาพอาจจะเริ่มต้นจากฉบับวนิพกฉบับ 300 หน้า แล้วขยับไปอ่านฉบับเต็ม จะเป็นสามขั้นตอนเพื่อให้เด็ก หรือคนที่ไม่เคยอ่าน หรือไม่ชอบอ่านหนังสือยาวๆ สามารถอ่านได้”
“ส่วนการทำความเข้าใจกับบุคลิกของตัวละครที่เราอ่าน สำหรับเด็กๆ และเยาวชน หรือคนอ่านหน้าใหม่ ไม่ควรไปจำชื่อตัวละคร เพราะจะทำให้เรางง ให้จำเหตุการณ์แทน ยกตัวอย่าง ‘เขาฮิว’ ตัวละครที่ตายเพราะปาก เพราะชอบโอ้อวดตัวเอง ลำเลิกบุญคุณ จนคนอื่นหมั่นไส้ สุดท้ายมีจุดจบโดยการโดนฆ่าอย่างทรมาน เราไม่ต้องจำเขาฮิวแต่ให้ตั้งตุ๊กตาเป็นนาย ก. นาย ข.ไปเลย เราอ่านเอาแง่คิดจากเรื่องก็พอ ถ้าอ่านแล้วชอบ การอ่านบ่อยๆ จะจำชื่อตัวละครได้เอง”
เมธา บอกอีกว่า เมื่อเราอ่านสามก๊กแล้ว สมควรอย่างยิ่งที่จะมีการถกและพูดคุยกัน บนพื้นฐานของการเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน แม้เราไม่เห็นด้วยกับใคร แต่เราก็นับถือเขาได้ “ผมเชื่อว่าเราจะเห็นความหลากหลายมากขึ้นบนโลก ที่สำคัญอย่าไปคาดหวังว่า การอ่านสามก๊กจะกลายเป็นคนน่าคบหรือไม่น่าคบ อยากให้เราพัฒนาจิตใจของเราก่อนว่า การที่จะทำให้คนคบเราในปัจจุบันเป็นอย่างไร และเราก็ทำอย่างนั้นออกไป โดยอาจจะมีการมองย้อน หรือทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำ เปรียบเทียบกับวรรณกรรมสามก๊กดู แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเอาสามก๊กมาเป็นแกน”
ด้านแฟนพันธุ์แท้ราชวงศ์จีน กล่าวทิ้งท้ายเพียงว่า “หนังสือคือฟืน สติปัญญาคือไฟ ท่าทีในการอ่านคือลม และชื่อเสียงที่ว่าอ่านแล้วเก่ง ฉลาด เจ้าเล่ห์ เป็นแค่ควัน เราใช้ประโยชน์จากไฟได้ เราต้องมีฟืนเยอะๆ เราต้องมีลมที่ถูกทิศทาง แต่เราอย่าไปสนใจควันให้มันมากนัก”
ชาวสยามรู้จักสามก๊กเมื่อใด
ข้อมูลจากเว็บไซต์ไทยสามก๊ก (www.thaisamkok.com) ระบุว่า ตำนานสามก๊กในสยามนั้น สันนิษฐานว่า กะลาสีชาวจีนนำสามก๊กเข้ามาเผยแพร่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี แต่ไม่มีหลักฐานใดยืนยัน จนกระทั่งพบหลักฐานที่ปรากฏว่า เมื่อต้นรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระราชดำรัสให้แปลหนังสือพงศาวดารจีน 2 เรื่อง คือ ไซฮั่น และสามก๊ก โดยโปรดให้สมเด็จฯ กรมพระราชวังหลังอำนวยการแปล เรื่องไซฮั่น และให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) อำนวยการแปล เรื่องสามก๊ก เป็นหนังสือ 95 เล่มสมุดไทย โรงพิมพ์หมอบรัดเลย์พิมพ์ครั้งแรกในรัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2408 จำนวน 4 เล่มสมุดไทย


