กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา มั่นใจปีหน้าธุรกิจเริ่มดีขึ้น

โดย...อนุสรา ทองอุไร ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

หนุ่มใหญ่วัย 40 ต้นๆ ผิวเข้มร่างใหญ่ เขาคือ กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร และเขายังเป็นกรรมการที่สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยอีกด้วย เรียกว่าคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของธุรกิจมาเกือบ 20 ปี แม้จะไปศึกษาที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ จนกระทั่งจบปริญญาตรี แต่เขาก็พูดอ่านเขียนไทยได้อย่างคล่องแคล่ว เขาจบไฮสกูลและปริญญาตรีด้านวิศวกรรมจากประเทศอังกฤษ ก่อนกลับมาต่อปริญญาโทที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทางด้านบริหารธุรกิจ

แนวโน้มธุรกิจปลายปีดีขึ้น...

กิตติพล ให้ความเห็นว่า หลังจากที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นิ่งๆ ช่วง 12 ปีที่ผ่านมา เพราะรอดูท่าทีเศรษฐกิจ จนกระทั่งตอนนี้ความมั่นใจเริ่มกลับมา ผู้ประกอบการเริ่มมั่นใจในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ หลังหยุดรอดูท่าทีมาพักใหญ่ ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะด้านบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมนั้น แม้ครึ่งปีแรกจะเงียบเหงาไปบ้าง แต่มั่นใจว่าครึ่งปีหลังของปีจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากทั้งภาคธุรกิจและประชาชน เริ่มมีความมั่นใจในสถานการณ์การเมืองมากยิ่งขึ้น และช่วงไตรมาส 3 ของปี ก็คงจะเริ่มเห็นหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามา ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการกล้าที่จะตัดสินใจเดินหน้าโครงการ กล้าที่จะซื้อบ้านกันมากขึ้น มีความมั่นใจและสบายใจมากขึ้น สังเกตได้จากงานมหกรรมบ้านและคอนโดที่จะจัดขึ้นช่วงปลายปี หรือในงานมหกรรมการเงินที่เพิ่งจบไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีผู้สนใจเข้าไปขอข้อมูลสอบถามเรื่องสินเชื่อและการลงทุนกันมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งมั่นใจว่าทิศทางด้านเศรษฐกิจในปี 2558 จะดีขึ้นกว่าปีนี้อย่างเห็นได้ชัด “ดูจากภาพรวมหรือการได้คุยกันในภาคอสังหาริมทรัพย์ หลายบริษัทที่ปีนี้ชะลอตัวหยุดรอดูท่าที แต่ปีหน้าเกือบทุกบริษัทเริ่มจะเดินเครื่องตามปกติแล้ว แม้กระทั่งสัมมากรเองก็เช่นกัน ต้นปีหน้าเราจะเปิดอีก 2 โครงการอย่างแน่นอน และไม่แน่ว่าช่วงครึ่งปีหลังอาจจะมีเพิ่มอีก 1 โครงการก็เป็นไปได้” เขากล่าวอย่างมีความหวัง

สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวแนวโน้มการขยายตัวของเมืองจะไปทางด้านทิศตะวันตก เช่น เส้นราชพฤกษ์ รัตนาธิเบศร์ ถนน 345 พุทธมณฑล เป็นกลุ่มคนระดับกลางขึ้นไป ราคาบ้านจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 45 ล้านบาท

เขากล่าวว่า กลุ่มลูกค้าของสัมมากร คือ คนอายุระหว่าง 35-45 ปี มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป จุดเด่นของสัมมากร คือ ขายความน่าเชื่อถือ สร้างสังคมที่ดี คุณภาพสะสมกับราคา บ้านของสัมมากรอาจจะไม่ดูทันสมัย อิงแฟชั่นมากนัก แต่มีความคลาสสิก เรียบง่าย อบอุ่น

 

ไอดอลในดวงใจ...

ในการทำงานและการใช้ชีวิตของเราทุกคนนั้น ล้วนมีพ่อแบบในดวงใจกันอยู่เสมอ กิตติพลเองก็เช่นกันเขามีบุคคลที่ชื่นชมและประทับใจในการดำเนินชีวิตอยู่หลายท่าน แต่ที่เห็นชัดและใกล้ตัวที่สุด ก็เห็นจะไม่พ้นคุณปู่ของเขานั่นเอง คือ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และแน่นอนอีกท่านหนึ่งก็คือ คุณพ่อของเขา หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช เนื่องจากได้เห็นวิธีการคิดและการทำงานของท่านทั้งสองมาตั้งแต่เด็ก ที่ท่านมีความยุติธรรม เที่ยงตรง มีความขยันอดทน ทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่อยู่นิ่งเฉยให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ที่สำคัญท่านรักในสิ่งที่ทำ แล้วท่านก็ตั้งใจทำทุกอย่างที่ท่านเลือกแล้ว

แนวคิดในการทำงานให้สำเร็จและมี

ความสุข...

เขาบอกว่า ในการทำงานทุกอย่าง ความเป็นจริงแล้วมีทั้งเรื่องที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ ไม่มีการทำงานใดแล้วราบรื่นราวกลับโรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องมีปัญหาอุปสรรคเข้ามาเป็นระยะๆ เสมอ ทำงานให้เต็มที่ รับผิดชอบในสิ่งที่ทำ มีความอดทน และมีความยุติธรรมกับทุกๆ คนที่เราทำงานด้วย ที่สำคัญเมื่อเจอปัญหาจงตั้งสติให้มั่น ทบทวน มองโลกในแง่ดี ถ้ายังแก้ไม่ได้ให้หยุดพักไปรีแลกซ์ซะหน่อยก่อน แล้วค่อยกลับมาคิดใหม่อย่าดันทุรังโดยที่เราไม่มีสติ แล้วสมองไม่ปลอดโปร่งดีพอ

ที่สำคัญการเป็นผู้นำที่ดีจะต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ และยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น ใจเย็น และมีความยุติธรรมสำหรับลูกน้องทุกคน

การบริหารเวลาก็สำคัญ...

แม้ในฐานะผู้บริหารมีงานยุ่งรัดตัว และยังทำงานให้กับสมาคมอีกด้วยนั้น แต่เขาก็ยังบริหารจัดการเวลาให้สมดุลระหว่างเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เรื่องส่วนตัว และงานอดิเรกต่างๆ คนเราต้องแบ่งเวลาให้ได้ เนื่องจากเขาเป็นนักแข่งรถไทยแลนด์ซูเปอร์ซีรี่ส์มา 10 กว่าปี มีถ้วยแชมป์การันตีอยู่หลายใบ เพราะมีใจชอบเรื่องนี้เขาจึงสะสมรถเก่าคลาสสิกไว้เกือบ 10 คัน “คนเราต้องมีงานอดิเรกที่ตัวเองชื่นชอบเอาไว้หย่อนคลายอารมณ์กันบ้าง มันเป็นของหวานสำหรับชีวิต มีเรื่องโปรดเรื่องส่วนตัวที่ชอบ ผมจะไปซื้อรถเก่าๆ มาแต่งทำให้ดูสวยดูดีขึ้นมาจากซากจนนำมาขับได้” เขากล่าวทิ้งท้าย

นอกจากนี้ เขายังชอบกีฬาทางน้ำและเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวอีกด้วย