posttoday

ช่วยด้วย! แฟนฉันเป็นคนสองบุคลิก

06 สิงหาคม 2557

โดย...สมานใจ ภาพ จากภาพยนตร์ Silver Linings Playbook 

โดย...สมานใจ ภาพ จากภาพยนตร์ Silver Linings Playbook 

สถานการณ์ : ฉันคบกับผู้ชายคนหนึ่งมาได้ 1 ปีแล้ว ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองอยู่ในสถานะแฟนที่ลึกซึ้งและกำลังเตรียมการไปถึงอนาคตข้างหน้าแล้ว ฉันรู้สึกรักเขามาก และรู้ว่าเขาก็รักเราด้วยเช่นกัน แต่ก็มีสาเหตุที่ทำให้ฉันชักเริ่มไม่แน่ใจในตัวเขาจนได้ เพราะฉันรู้สึกว่าเคนเป็นคนสองอารมณ์สองบุคลิก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ช่วงหลังนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่าด้านหนึ่งเขามีบุคลิกที่แสนดีปฏิบัติต่อฉันอย่างอ่อนโยน แต่อีกบุคลิกหนึ่งก็คือ เขาจะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทุกครั้งที่ฉันไม่รับโทรศัพท์ และมักจะคิดไปเองว่าฉันกำลังโปรยเสน่ห์หรือกำลังคุยอยู่กับผู้ชายคนอื่น พูดง่ายๆ ว่าเขาไม่เชื่อใจฉันและหึงหวงโดยไม่มีเหตุผล แรกๆ ฉันคิดว่าอาจเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของเขา ฉันจึงพยายามปรับความรู้สึกทุกอย่าง แต่ในใจฉันมันบอกว่าไม่โอเค เพราะภายนอกแล้วเขาก็ดูเหมือนคนปกติทั่วไป แต่ในบางอารมณ์เขามักจะแสดงให้ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นสิ่งของชิ้นหนึ่งที่เขารักและหวงมากจนเกินปกติของคนธรรมดาที่พึงกระทำ บางครั้งตอนกลางวันเขาดีกับฉันมากจนฉันงง แต่พอตกกลางคืนเขาจะชอบหาเรื่องทะเลาะกับฉันในเรื่องไม่เป็นเรื่องและเสียงดังโวยวายจนฉันอายคนข้างๆ ห้องทุกครั้งไป แต่พอเช้ามาเขาก็เป็นปกติธรรมดาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อย่างที่บอกไปค่ะ ถ้าฉันไม่รับโทรศัพท์ละก็ เขาจะโทรมา 3040 มิสคอลได้ ถ้าฉันไม่อ่านเฟซบุ๊กเขา เขาก็จะโพสต์มาเป็น 100 ข้อความ หรือถ้าฉันไม่อ่านไลน์ เขาก็จะไลน์มาเยอะมาก ช่วงหลังๆ เขาเริ่มจับไหล่ฉันเขย่าแรงๆ เมื่อเขาโกรธ และเริ่มรุนแรงกับฉันขึ้นเรื่อยๆ ฉันบอกได้เลยว่ายังรักเขามาก แต่ก็จำเป็นต้องถอยห่างออกมาเพราะทนกับพฤติกรรมของเขาไม่ไหว ฉันจึงรู้สึกว่าทุกอย่างระหว่างเรามันคงเกินจะเยียวยาแล้วล่ะค่ะ

ทางออก : รู้ไหมว่ามีคนในสังคมอีกมากมายที่ดูเหมือนเป็นคนปกติดีทุกอย่าง แต่เราไม่มีทางจะรู้หรอกว่าเขาป่วยทางจิตจนกว่าเราจะได้คบหาใกล้ชิดกับเขานั่นแหละ ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่าคุณเคยเปิดอกพูดคุยกับเขาตรงๆ ไหม ถ้าเขายอมรับได้ว่าเขาป่วยทางจิตใจ แนะนำว่าให้พาเขาไปพบจิตแพทย์เพื่อปรับอารมณ์ความรู้สึกจะดีกว่า ถ้าเขาป่วยจริงจิตแพทย์จะได้ให้การช่วยเหลือในขั้นตอนต่อไป เพราะสมัยนี้การไปพบจิตแพทย์ส่วนใหญ่จะเป็นการไปปรับความคิดปรับทัศนคติซะมากกว่า ไม่ได้หมายความว่าเราบ้าหรือป่วยทางจิตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ถ้าคุณเคยคุยแล้ว แต่เขายังไม่ยอมรับความจริงว่าตนเองป่วยจิต อ้างว่าเขาแค่เป็นคนอารมณ์ร้อนและขี้หึงเท่านั้น และยืนกรานปฏิเสธเมื่อคุณชวนไปพบจิตแพทย์แล้วละก็ แสดงว่าเขาเป็นคนที่มีปมในชีวิต อาจสืบเนื่องมาจากการที่มีใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัวมีอิทธิพลต่อเขามากเกินไป หรืออาจมาจากการที่เขามีเพื่อนน้อยหรือไม่มีเพื่อนเลยก็ได้ ซึ่งถ้าคุณโน้มน้าวใจเขาไม่สำเร็จ รู้สึกว่าเรื่องนี้มันเกินที่คุณจะรับไหว ก็ให้คุณถอยออกมาก่อน ดีกว่าต้องทนอยู่กับเขาต่อไปแล้วทุกข์ทั้งชีวิต แม้เขาจะต่อว่าคุณว่ามีคนอื่นตลอดเวลาก็ต้องยอมปล่อยวางไป อย่ารู้สึกผิดที่คุณเป็นฝ่ายบอกเลิกเขา เพราะคนเราก็ต้องรักตัวเองก่อนทั้งนั้น ถ้าคุณยังรู้สึกผิดต่อไป คุณเองนั่นแหละที่จะเป็นคนป่วยทางจิตซะเอง อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย

การที่คนเราโตแล้ว มีวุฒิภาวะแล้ว ก็ไม่ผิดหรอกที่จะคบใคร แต่ก่อนที่จะตกลงปลงใจจนมีสัมพันธ์อันลึกซึ้ง คุณต้องเรียนรู้คนที่คบด้วยให้ดีเสียก่อน เพื่อจะได้ก้าวไปสู่อนาคตกับคนคนนั้นได้อย่างมั่นใจ

ข่าวล่าสุด

เกาะติดเลือกตั้ง69 เจาะสนามกทม.เกมชี้ชะตา 4 พรรคการเมืองใหญ่