ทางข้ามชุลมุน
ทางข้ามตรงสี่แยกที่ว่ากันว่าจอแจที่สุดในโลกที่จัตุรัสฮาชิโกะ ย่านชิบูยะ กรุงโตเกียว
โดย...นพพล ชูกลิ่น
ทางข้ามตรงสี่แยกที่ว่ากันว่าจอแจที่สุดในโลกที่จัตุรัสฮาชิโกะ ย่านชิบูยะ กรุงโตเกียว สี่แยกชุลมุนที่ผมมีโอกาสผ่านไปแล้วไปยืนงงๆ กับผู้คนมากมายที่ข้ามถนนไปมา โดยที่ผมยังไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นห้าแยกที่มีสถิติการข้ามถนนต่อครั้งโดยเฉลี่ยถึงห้าพันคนต่อการข้ามหนึ่งครั้ง จึงหน้าจะมีผู้คนข้ามผ่านสี่แยกนี้ถึงวันละหลายแสนคน จนได้รับการบันทึกว่าเป็นสี่แยกที่มีผู้คนข้ามถนนมากที่สุดในโลก
สิ่งที่ตามมาคือทำให้พื้นที่นี้มีมูลค่าที่ดินที่แพงที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ข้อต่อมาทำให้เกิดธุรกิจขึ้นมากมาย ร้านค้าที่แย่งกันเข้ามาทำมาค้าขายกันอย่างมาก ร้านกาแฟชื่อดังที่สุดของโลกคงต้องยอมรับว่าเป็นสตาร์บัคส์ สาขาที่ตั้งอยู่ใจกลางสี่แยกนี้มียอดขายสูงเป็นอันดับหนึ่งหรือสองของสาขาที่มีทั้งหมดในโลก คงเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าร้านค้าต่างๆ ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำของโลกจึงมีอยู่กระจัดกระจายโดยรอบ
นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจอีกประเภทหนึ่งที่สามารถดำเนินธุรกิจกันได้อย่างรุ่งเรือง คือ ธุรกิจโฆษณา ว่ากันว่ามูลค่าโฆษณาที่แห่งนี้มีมูลค่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่สิ่งที่ผมเห็นแล้วประทับใจมากๆ คือ ความมีวินัยของผู้คนในการข้ามถนน สภาพการจราจรไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด และสิ่งที่ผมเห็นเป็นเรื่องที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่ง คือ คนญี่ปุ่นนิยมใส่เสื้อนอกสีดำเป็นหลัก เราจึงเห็นภาพฝูงชนที่เดินมาเป็นคลื่นมนุษย์จนถ้าหากเราใส่เสื้อสีดำเหมือนกับเขาเราอาจพลัดหลงไปกับฝูงชนได้ง่ายมากๆ นะครับ ผมเคยมีประสบการณ์นี้มาแล้วครับ
ขณะเดียวกัน เราจะได้รับชมความสวยงามของกล่องไฟแผ่นป้ายโฆษณาในรูปแบบต่างๆ ที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากๆ จนสามารถสะกดให้ผมต้องยืนตะลึงดูสื่อโฆษณาทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นอยู่เป็นเวลานาน สำหรับการถ่ายภาพที่ผมถ่ายมาจำได้ว่าอยากได้ภาพที่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในภาพ ผมจึงลองคำนวณความเร็วของวัตถุที่เคลื่อนที่ ซึ่งโชคดีมากๆ ครับ เพราะคนญี่ปุ่นเดินเร็วมากๆ ผมจึงสามารถกำหนดความเร็วชัตเตอร์ที่ไม่ต้องต่ำมากและใช้มือถือกล้องได้โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง เพราะถ้าใช้ขาตั้งกล้องผมคงโดนต่อว่าจากคนที่เดินข้ามถนนแน่ๆ
ดังนั้น การถ่ายภาพในเวลากลางคืนจึงมีส่วนสำคัญอยู่สองเรื่องด้วยกัน คือ สภาพแสงกับความเร็วชัตเตอร์ที่เหมาะสมกันนะครับ สำหรับความไวชัตเตอร์ที่สามารถถือได้แบบนิ่งๆ ที่สุด คือ 1/30 น้อยกว่านี้ภาพจะไม่คมชัดนะครับ ห้าแยกมหัศจรรย์แห่งนี้ทำให้อยากรู้ว่ายังมีแยกข้ามถนนแห่งใดในโลกใบนี้อีกไหม เลยได้พบบทความของคุณกวิน ชุติมา กรรมการชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ที่ได้ลงบทความถึงคำว่าสี่แยกไว้น่าสนใจมากๆ ครับ ผมจึงขอนำมาเผยแพร่และขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ
ทางข้ามตรงสี่แยกที่มีระบบไฟสัญญาณที่จังหวะหนึ่งจะหยุดรถทั้งหมดให้คนเดินเท้าสามารถข้ามถนนได้ทุกทิศทางในเวลาเดียวกัน มีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Pedestrian scramble ซึ่งแปลเป็นไทยตรงๆ จะได้ว่า “ความชุลมุนของคนเดินเท้า” และมีชื่ออื่นๆ อีกหลายชื่อ เช่น ในอังกฤษเรียกว่า “ทางข้ามกากบาท” (X Crossing) ในสหรัฐอเมริกาเรียกว่า “ทางข้ามทแยงมุม” (Diagonal Crossing) ในแคนาดาเรียกว่า “สี่แยกชุลมุน” (Scramble Intersection) และชื่อสุดท้ายนี่ฟังดูไม่เป็นทางข้ามเลยคือ “การเต้นรำบาร์นส” (Barnes Dance)
ทางข้ามแบบ “ชุลมุน” นี้มีใช้ในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งแม้จะเป็นประเทศแรกที่มีทางข้ามแบบนี้กลับมีอยู่ไม่มาก หลายแห่งถูกยกเลิกไป ปัจจุบันญี่ปุ่นน่าจะเป็นประเทศที่มีทางข้ามแบบนี้มากที่สุด คือ มีมากกว่า 300 แห่ง คนญี่ปุ่นเรียกว่า สุคุรันบุรุโคซาเต็น (sukuranburukosaten) ซึ่งก็ตรงกับ Scramble crossing ในภาษาอังกฤษ หรือ “ทางข้ามแบบชุลมุน” ตามสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นที่สี่แยกนั้น
“ทางข้ามแบบชุลมุน” นี้มีหลายแบบ บางแห่งทาสีเป็นทางม้าลายเต็มรูปทุกเส้น (แบบในโตเกียวตามภาพ) บางแห่งก็มีแต่เส้นกรอบบอกแนวทางข้าม และบางแห่งก็ไม่มีการทาสีตีเส้นใดๆ เรียกว่าทั้งคนขับรถและคนเดินเท้ารู้เองเมื่อไฟสัญญาณบอกให้หยุดหรือเดินขับไปได้ นอกจากนั้นก็มีทางข้ามบางแห่งที่อนุญาตให้ข้ามทแยงมุมได้เฉพาะตามเวลาที่กำหนด คือ เวลาที่คาดว่าจะมีคนข้ามถนนมากๆ เท่านั้น และบางแห่งก็เป็น “ลูกผสม” กล่าวโดยร่วมทางแยกข้ามถนนต่างๆ มีเรื่องราวมากมายให้ศึกษาให้ได้พบเห็นประสบการณ์ต่างๆ อีกมากมายเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากๆ จนบางครั้งเราอาจมองข้ามสิ่งบอกเล่าที่มีอยู่มากมายในแยกข้ามถนนต่างๆ นะครับท่านผู้อ่าน


