‘ครบเครื่องเรื่องบริหารโรงเรียน’ ปาณิศา ชัยคณารักษ์กูล
นอกจากผู้บริหารสาวสวย อุ้มปาณิศา ชัยคณารักษ์กูล จะรั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอแคนรีด ซิสเต็ม (ประเทศไทย)
โดย...วราภรณ์ ภาพ : เสกสรร โรจนเมธากุล
นอกจากผู้บริหารสาวสวย อุ้ม-ปาณิศา ชัยคณารักษ์กูล จะรั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอแคนรีด ซิสเต็ม (ประเทศไทย) เจ้าของลิขสิทธิ์ระบบการสอน ไอ แคน รีด จากสิงคโปร์แล้ว เธอยังเป็นเจ้าของหัวใจของหนุ่มนักแสดงรูปหล่อ คงกะพัน แสงสุริยะ ที่เพิ่งลั่นระฆังวิวาห์ไปไม่นานมานี้อีกด้วย ในบทบาทนักบริหารโรงเรียน ปาณิศามุ่งมั่นกับการเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ เพราะเธอเห็นว่าเมื่อประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การเตรียมความพร้อมด้านภาษาอังกฤษที่เปรียบเสมือนเป็นภาษาสากลที่ทั่วโลกใช้ในการสื่อสารให้กับเด็กไทยเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยตลอดระยะเวลา 6 ปีของการบุกเบิกให้หลักสูตรเป็นที่รู้จัก ค่อนข้างได้รับเสียงตอบรับดีเป็นที่น่าพอใจ
ในฐานะองค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา ด้วยบุคลิกสาวมั่น คล่องแคล่ว แต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนหวานและเป็นสาวหัวทันสมัย เธอจึงคิดทำธุรกิจของตนเอง และบริหารเอง ด้วยความชอบทางด้านภาษาเป็นพิเศษ ประกอบกับรู้จักเจ้าของหลักสูตร “ไอ แคน รีด” ที่คิดค้นโดยนักจิตวิทยาทางการศึกษาชาวออสเตรเลีย เมื่อได้ทราบความแปลกใหม่ของหลักสูตรสอนภาษาอังกฤษแนวใหม่ที่มีความน่าสนใจ และสอนเด็กอายุระหว่าง 315 ปี ที่ฉีกกฎการศึกษาแบบเดิมๆ ที่ให้เด็กนักเรียนท่องจำอย่างสิ้นเชิง
“ตอนอุ้มเรียนปริญญาโทที่อเมริกา อุ้มรู้จักหลักสูตรนี้เพราะคุณพ่อเล่าให้ฟัง ประกอบกับชอบภาษาตั้งแต่เด็กๆ ภาษาเป็นสิ่งสำคัญ ทำงานกับเด็กๆ ก็น่ารัก เป็นงานที่สนุก และอุ้มก็จบด้านบริหารธุรกิจมา อีกทั้งสนใจทำธุรกิจของตัวเอง จำได้ว่าเริ่มเปิดโรงเรียนตอนอายุ 25 ปี พอสนใจก็ต้องไปเทรนนิ่งกับนักจิตวิทยาที่สิงคโปร์ 2 อาทิตย์ เพื่อดูว่าเมืองไทยทำได้หรือไม่ ซึ่งหลักสูตรหลักๆ จะสอนให้เด็กรู้จักการสะกดคำ ออกเสียงให้ได้เหมือนเจ้าของภาษา เมื่อเด็กๆ รู้หลักการออกเสียงผสมคำ ซึ่งเรามีการจดโค้ดลับจดลิขสิทธิ์เดียวในโลก เราให้เด็กผสมเสียงออกเสียงผ่านโค้ดลับตัวนี้ เด็กๆ จะได้ออกเสียงใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา ลดการท่องจำแบบเดิมๆ ที่ไม่ได้ผลลง การออกเสียงให้ได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษาเป็นเรื่องสำคัญมากๆ”
จาก 1 สาขาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเพิ่มเป็น 14 สาขา ถือเป็นการก้าวเดินอย่างมั่นคง ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทเธอมีหน้าที่บริหารจัดการโรงเรียนทั้งหมด รวมทั้งการวางกลยุทธ์การทำธุรกิจและขยายตลาดด้วย ทุกการทำงานก็ต้องผ่านอุปสรรคและปัญหา แม้จะรู้สึกหนัก เหนื่อยไปบ้าง แต่เมื่อเห็นผลตอบรับที่ดีเธอก็รู้สึกชื่นใจ และเหมือนเป็นแรงพลังที่จะพัฒนาองค์กรต่อไป
“อุ้มมีพื้นฐานด้านทำธุรกิจเพราะที่บ้านก็ทำธุรกิจการค้าเกษตร แต่ไม่มีพื้นฐานด้านทำการศึกษา เรียกว่าอุ้มต้องเรียนรู้ใหม่หมด สิ่งแรกที่ต้องทำคือปรับบุคลิกภาพ เพราะตอนที่ทำนั้นอุ้มยังอายุแค่ 25 ปี เหมือนเด็กเริ่มต้นทำธุรกิจ เราต้องปรับปรุงภาพลักษณ์ เรียนรู้บริหารจัดการ สิ่งที่ยากที่สุดคือ ทำให้คนในประเทศไทยรู้จักหลักสูตรนี้ที่ได้รับความนิยมมากๆ ในสิงคโปร์ ”
ปัญหาอุปสรรคในการทำงานอีกข้อคือ การคัดเลือกคุณครูที่เป็นเจ้าของภาษาจริงๆ เธอจึงมีหลักเกณฑ์คัดเลือกคุณครูอย่างเข้มข้นคือ ต้องมีสัญชาติเป็นแคนาเดียน อเมริกัน และอังกฤษเท่านั้น ต้องศึกษาจบด้านการสอนมาโดยตรง และรักเด็ก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หายากมากๆ แต่วิธีแก้ไขก็คือต้องใช้สติ
“ข้อเสียอย่างหนึ่งของตัวเองคือ ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ จำได้สาขาแรกเราเปิดที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า อุ้มมีสเปกว่า เราอยากได้ครูที่เก่ง สถานที่ดี แต่เมื่อทุกอย่างไม่ได้อย่างที่หวัง เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่คือ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เราต้องเรียนรู้การแก้ไขปัญหา อีกทั้งต้องเปิดใจ คือคนเราไม่ได้คิดเหมือนกัน เราต้องปรับทัศนคติตัวเองให้ยืดหยุ่น วันนี้อุ้มจึงปล่อยวางมากขึ้น ปัญหามีก็ค่อยๆ แก้ไขไปเรื่อยๆ แล้วปัญหาก็จะคลี่คลายไปเอง”
ผ่านบทพิสูจน์มาตลอด 6 ปี ทุกวันนี้เธอก็อดภูมิใจไม่ได้ ก้าวต่อไปที่นักบริหารด้านการศึกษาคนนี้ต้องการพุ่งเป้าไปก็คือ สร้างองค์กรให้แข็งแกร่ง แต่มีการบริหารระหว่างเจ้านายกับลูกน้องที่อบอุ่นเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน โดยเธอมีหลักบริหารลูกน้องก็คือ เอาใจเขามาใส่ใจเรา
“เราจะทำอย่างไรให้เขาอยากทำงานให้เราเหมือนเป็นธุรกิจของเขาเอง เพราะทีมงานรุ่นแรกๆ มากกว่า 10 คน ผ่านไป 5 ปีก็ยังทำงานกับเรา เหมือนเราสร้างองค์กรมาด้วยกัน เราเดินมาถึงวันนี้ได้เพราะเรามีพนักงานและบุคลากรที่ดี สมัยก่อนอุ้มรับไม่ได้กับการที่ลูกน้องจะลาออก แต่พนักงานจะเข้าจะออกเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องนึกถึงเสมอคือ เราจะให้ในสิ่งที่เขาควรได้และควรเป็น เราดูแลกันเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน นี่คือสิ่งสำคัญที่อุ้มคิดว่าทำให้พนักงานอยากอยู่กับเรา อีกทั้งเมื่อเราคิดทำธุรกิจแล้ว เราต้องตั้งเป้าและวางเป้าหมายของเราให้ชัดเจน และมุ่งเดินไปทางนั้นให้ได้ ตอนนี้เราเป็นโรงเรียนสอนภาษาที่เด็กๆ ยอมรับ แต่เราไม่ได้มีแค่สอนภาษา เรายังสอนเด็กเรื่องสมาธิและการคิดด้วย”
สุดท้ายปาณิศากล่าวถึงในยุคที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งภาษาที่ 2 และ 3 เป็นสิ่งที่เราคนไทยควรเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้เทียบเท่ากับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการสื่อสารภาษาอังกฤษ
“ภาษาอังกฤษสำคัญมากๆ และอุ้มเชื่อว่าทุกคนตื่นตัว ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางทำให้ 10 ประเทศแคบลง เรากลายเป็นเพื่อนบ้านกัน โดยมีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง อุ้มอยากให้เด็กไทยพูดได้อย่างน้อยสองภาษา ยุคนี้ภาษาเดียวไม่พอ คนที่ได้ภาษาอังกฤษจะได้เปรียบ ได้ทั้งเรื่องโอกาส คนไทยก็เก่งไม่แพ้ใคร เพราะเรามีศักยภาพมากพอ สำคัญคนที่อยากพูดภาษาอังกฤษได้ต้องอย่ากลัว อย่าเขิน การเรียนภาษาอังกฤษคือต้องมั่นใจ และกล้าแสดงออก ภาษาไม่มีถูกหรือผิด ถ้าผิดก็จะมีคนแก้ไขให้ เราอย่าอายที่จะออกเสียงให้ถูก ซึ่งการออกเสียงสำคัญมากๆ ค่ะ”
ปาณิศา ชัยคณารักษ์กูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอแคนรีด ซิสเต็ม (ประเทศไทย) วัย 32 ปี
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ
ปริญญาโท Master of Management, Boston University, Boston, USA.
ประสบการณ์ : ปี 2546-2548 ฝ่ายประสานงานต่างประเทศ บริษัท นูโปรครอป
ปี 2550-ปัจจุบัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอแคนรีด ซิสเต็ม (ประเทศไทย) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอแคนรีดกรุ๊ป
วิธีคลายเครียด : แม้วันนี้ไม่ค่อยเครียดกับเรื่องงาน เพราะอุ้มบริหารจัดการได้ แต่หากเครียดจะปรึกษาคุณพ่อ เราอยากทำงานแล้วไม่ให้ใครผิดหวัง พ่อพูดเสมอว่าปัญหาการทำงานเป็นเรื่องปกติ ตอนเป็นเด็กก็มีปัญหาแบบหนึ่ง พอเป็นผู้ใหญ่ปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นตามภาระหน้าที่ เมื่อเรามองปัญหาเป็นเรื่องปกติ ก็เลยไม่มีความเครียด อีกทั้งอุ้มยังผ่อนคลายและหาเวลาให้กับตัวเอง เช่น ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ หรือฝึกโยคะ ทุกครั้งที่เราอยู่กับการออกกำลังกาย เราจะลืมทุกข์ไปหมดเลย อุ้มสอนลูกน้องอยู่เสมอๆ ว่าปัญหามีทุกวัน แต่อยากให้ทุกคนรักสุขภาพ อยากให้ลืมปัญหาไป พรุ่งนี้ค่อยหาทางแก้ปัญหาใหม่ อุ้มอยากให้ทุกคนมาทำงานกับเราแล้วมีความสุข
ผู้ใหญ่ก็พัฒนาด้านภาษาได้ : ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเรียนรู้ ขอให้เรามุ่งมั่นและตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเราเอง แต่เรื่องภาษาเริ่มต้นตั้งแต่อายุสามขวบจะได้เปรียบมาก ทำให้เด็กพัฒนาอย่างแข็งแรง แต่ทั้งนี้ไม่มีอะไรสาย เริ่มต้นได้อย่างมุ่งมั่นและมีเป้าหมายที่ชัดเจน ให้กำลังใจตนเองเสมอว่า เราต้องทำได้ และต้องทำให้สำเร็จ แต่ใครหากผิดหวังก็อย่าเสียใจ ค่อยๆ เดิน เดี๋ยวก็ถึงจุดหมายเอง


