ผิดไหมถ้าฉันจะรัก ‘สาวหล่อ’

โดย...สมานใจ / ภาพ จากภาพยนตร์ Yes or No

สถานการณ์ : “แจน” สาวหมวยตาชั้นเดียว รูปร่างสมส่วน หน้าตาน่ารัก กำลังทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เธอบอกว่า เกิดมาเธอก็เป็นผู้หญิงปกติธรรมดาคนหนึ่งที่รู้สึกชอบผู้ชาย กรี๊ดหนุ่มหล่อๆ หรือหนุ่มนักกีฬาเหมือนเพื่อนผู้หญิงในวัยเดียวกันนั่นแหละ แถมยังเคยมีแฟนเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี เรียนเก่ง จนเพื่อนอิจฉาเสียด้วยซ้ำ แต่แล้ววันหนึ่งความรู้สึกของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเธอได้รู้จักกับ “ฟิล์ม” สาวหล่อผิวขาวอัธยาศัยดี ที่โชคชะตาชักพาให้ทั้งคู่ได้มารู้จักกันโดยบังเอิญในงานแต่งงานของเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งฟิล์มก็เป็นเพื่อนทางฝ่ายเจ้าบ่าวที่ได้รับเชิญมางานนี้เช่นกัน

จากการพูดคุยกันถูกคอในวันนั้น แจนกับฟิล์มก็สานต่อความสัมพันธ์จนกลายเป็นเพื่อนคู่ซี้ที่คุยและปรึกษากันได้ทุกเรื่อง จนแจนชักเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้ฟิล์มมากขึ้นทุกวัน แรกๆ แจนก็ปฏิเสธใจตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไรกับฟิล์มมากเกินกว่าเพื่อน แต่มาระยะหลังนี้เธอชักเริ่มแน่ใจแล้วล่ะว่าเธอตกหลุมรักสาวหล่อคนนี้เข้าซะแล้ว อาจเพราะทั้งคู่คุยกันรู้เรื่อง รสนิยมตรงกัน ชอบอะไรคล้ายๆ กัน อีกอย่างด้วยความเป็นผู้หญิงที่มีในตัว ทำให้ฟิล์มเป็นคนละเอียดอ่อน ทั้งรู้ใจและดูแลเอาใจใส่แจนเป็นอย่างดี

ทุกอย่างดูเหมือนจะแฮปปี้ แต่ด้วยความที่แจนเป็นคนพูดจาตรงๆ ไม่ชอบโกหก เธอจึงตัดสินใจบอกคุณแม่ว่าตอนนี้เธอคบหาอยู่กับสาวหล่อนะ เมื่อคุณแม่ซึ่งมีแจนเป็นลูกสาวคนเดียวในบ้านรู้เข้าก็ไม่ยอมรับกับความรักครั้งนี้ โดยต่อว่าแจนใหญ่โตว่ามีผู้ชายให้เลือกคบตั้งมากมาย ทำไมแจนต้องมาเลือกคบสาวหล่อแบบนี้ด้วยล่ะ ความหวังที่แม่จะได้เห็นแจนแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์ก็มีอันต้องจบลง จากวันนั้นคุณแม่ก็กลายเป็นคนเงียบขรึม ไม่ช่างคุย ไม่ร่าเริงเหมือนที่เคย นี่ยังดีนะที่คุณแม่เป็นคนใจดีและใจเย็น ไม่เอ่ยปากตัดแม่ตัดลูกกับเธอ เพราะแค่นี้แจนก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากแล้วที่เป็นสาเหตุทำให้แม่ตัวเองมีความทุกข์

ทางออก : การมีความรักไม่ใช่สิ่งผิด ไม่ว่าจะเป็นรักของชายกับหญิง ชายกับชาย หรือหญิงกับหญิง มันก็เป็นสิ่งสวยงามที่ทำให้โลกนี้สดใสทั้งนั้น แต่เพราะความหวังที่จะได้เห็นลูกสาวคนเดียวแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์มันพังครืนลง ก็อาจทำให้คุณแม่รู้สึกผิดหวังและเสียใจเป็นธรรมดา เพราะคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เราเคยชินกับความรักที่ถูกเพศ ถูกธรรมชาติมานาน เมื่อลูกสาวตัวเองเกิดมารักกับสาวหล่อซึ่งเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ท่านจึงมีความรู้สึกต่อต้านเป็นธรรมดา

ฉะนั้น คงต้องใช้ความใจเย็นเข้าแก้ไขปัญหานี้แล้วล่ะ เอาเป็นว่าคุณเคยดูแลคุณแม่เป็นประจำทุกวันอย่างไรก็ให้ปฏิบัติเหมือนเดิม แล้วถ้าเพิ่มความใส่ใจท่านให้มากขึ้นอีกนิดหนึ่งได้ก็ให้ทำเลย เชื่อเถอะว่าไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกตัวเองหรอก ตอนนี้ท่านอาจจะผิดหวัง เสียใจอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าไม่นานท่านจะทำใจยอมรับกับเรื่องนี้ได้

ถ้ามีโอกาสได้คุยกับคุณแม่ก็อธิบายให้ท่านเข้าใจว่าคุณทั้งสองคบกันด้วยน้ำใสใจจริง ถ้าเป็นไปได้ให้ชวนสาวหล่อแฟนคุณมาเยี่ยมเยียนคุณแม่ที่บ้านบ้าง มาพูดคุย ทำความรู้จักกัน เพื่อสร้างความสนิทสนมและความไว้วางใจ ไม่แน่นะ สถานการณ์มันอาจจะดีขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือก็ได้ และสาวหล่อก็ควรแสดงความจริงใจที่มีต่อลูกสาวให้คุณแม่ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์โดยเร็ววันด้วย ซึ่งมันก็คงไม่ต่างอะไรกับการที่ชายหนุ่มมาจีบลูกสาวบ้านนี้หรอก เชื่อเถอะ...เดี๋ยวคุณแม่ก็ใจอ่อนเอง

Ask the Expert....

Q. ดิฉันเป็นคนใส่ใจสุขภาพและความงาม ระวังเรื่องนี้มาตลอด แต่ช่วงนี้สามีกลับบ้านดึกกินมื้อเย็นเอาเกือบ 3 ทุ่ม ทำให้น้ำหนักขึ้น ดิฉันไม่นั่งรับประทานด้วยเขาก็จะบ่น อยากให้รับประทานพร้อมเขา แม้ขอนั่งเป็นเพื่อนอย่างเดียวเขาก็ไม่ชอบ แต่ตอนนี้น้ำหนักขึ้นมาหลายโล กลุ้มใจจัง เกรงใจสามี แต่กลัวอ้วน จะบอกให้เขาเข้าใจได้อย่างไรคะ?

A.พญ.จิราภรณ์ ครุพานิช สูตินรีเวชวิทยาเวชศาสตร์ครอบครัว รพ.เวชธานี (วัยทอง) กล่าวว่า คุณกลัวอ้วนก็ต้องควบคุมอาหารและเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันน้ำหนักให้ลดลง ถ้าคุณเป็นคนเตรียมอาหารเองก็ควรเตรียมอาหารที่ลดน้ำหนัก อาทิ สลัดผักผลไม้ เปลี่ยนมาดื่มน้ำสะอาดแทน และอาจแจ้งให้สามีทราบว่าขณะเตรียมอาหารนั้นๆ คุณได้รับประทานโดยการชิมเพื่อปรุงแต่งให้เขาจนเผลอรับประทานเองไปแล้ว เพราะทนหิวไม่ไหวบ้าง ถ้าอธิบายเช่นนี้สามีควรเข้าใจค่ะ หรืออาจหางานบ้านอื่นๆ มาทำขณะที่สามีรับประทานอาหารเพื่อไม่ให้อยู่เฉยๆ เขาจะได้เข้าใจยิ่งขึ้นค่ะ

He Said / She Said

ก้องพนักงานบริษัท

“ผมชอบผู้หญิงขาวๆ ตัวเล็กๆ ยิ้มเก่งๆ และก็เข้าใจโลกของผู้ชาย ไม่วุ่นวาย และเข้าใจการใช้ชีวิต มีความสุขกับทุกๆ วันครับ”

เปิ้ลพนักงานบริษัท

“ชอบหนุ่มๆ ที่ดูแลตัวเองเป็น ดูหุ่นดี แบ่งเวลาเป็นทั้งเรื่องส่วนตัวแล้วก็เรื่องงาน และถ้าแต่งตัวเป็นก็ใช่เลยค่ะ”

Quote

“ฉันรักรองเท้าของคริสติยอง ลูบูแต็ง นะคะ แต่ฉันต้องพยายามหยุดตัวเองไม่ให้ซื้อ เพราะจะว่าไปแล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่นิยมสวมใส่ส้นสูงหรูหราอะไรแบบนั้น พวกมันจึงวางเรียงกันอยู่เฉยๆ ก็เวลาออกจากบ้านฉันก็คว้าผ้าใบมาใส่ตลอดเลย” – เชอริแดน สมิธ นักแสดงฮอลลีวู้ด