posttoday

อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง นักออกแบบท่าเต้น ปล่อยชีวิตตามเมโลดี้

15 มิถุนายน 2557

23 ปีที่เธอทุ่มเทฝึกฝนด้านการเต้น 17 ปีที่เธอประกอบอาชีพแดนเซอร์ 7 ปี

เรื่อง นกขุนทอง ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

23 ปีที่เธอทุ่มเทฝึกฝนด้านการเต้น 17 ปีที่เธอประกอบอาชีพแดนเซอร์ 7 ปีที่เธอก้าวขึ้นมาเป็นนักออกแบบท่าเต้นและครูสอนเต้น สิ่งที่สั่งสมมาทั้งหมดไม่เสียเปล่า เมื่อวันนี้ ชื่อของเธอ "เจด้า-อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง" เป็นที่รู้จักในฐานะนักออกแบบท่าเต้น และเจ้าของฮาร์เล็มเชค สตูดิโอ

เจด้าเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับเชิญให้เป็นหนึ่งใน 16 กรรมการบนเวทีการแข่งขันเต้นฮิปฮอป "ฮิปฮอป อินเตอร์เนชั่นแนล 2013" ประเทศสหรัฐอเมริกา และในปี 2014 ราวเดือน ส.ค.นี้ เธอก็ได้รับเชิญอีกครั้ง เวทีการประกวดนี้คนในแวดวงการเต้นทราบดีว่าเป็นเวทีที่ยิ่งใหญ่ เสมือนโอลิมปิกเรื่องเต้นฮิปฮอปเลยทีเดียว

"โชคดีที่ตั้งแต่เด็กเรารู้ตัวว่าชอบเต้น ชอบทำกิจกรรมที่โรงเรียน เรียนที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ สาขานาฏศิลป์สากล และที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาเดิม ถึงตอนนี้เราเลือกถูกแล้ว ได้ทำอาชีพที่รักและตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เราชัดแต่แรกว่าชอบอะไรและมุ่งเรื่องนั้นอย่างเดียว ระหว่างนั้นตอนเป็นวัยรุ่น อายุ 18-19 ปี มีคนชวนไปเป็นนักร้อง นักแสดง เราก็ไป ณ จุดนั้น ภาพลักษณ์ดูดีกว่าเป็นแดนเซอร์ด้วย เพราะตอนนั้นเราเป็นแดนเซอร์ยืนอยู่ข้างหลังไม่มีภาพใหญ่ในสังคมไทย แต่เราโชคดีมีผู้ใหญ่ให้คำปรึกษา ครูอู๋ (เปรมจิตต์ อำนรรฆมณี) บอกว่า บางครั้งคนเราไม่เหมาะที่จะอยู่ข้างหน้า แต่อยู่ข้างหลังเราก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ตอนนั้นเราเปิดใจรับฟัง แล้วเราก็มองดูตัวเองเห็นจริงๆ ว่าเรารักการเต้น ให้เราเริ่มใหม่กับการเป็นนักร้องนักแสดงเราไม่มั่นใจ ทำได้แต่ต้องไปเรียนเพิ่ม แต่ถ้าเรามาทางเต้น เราจะเพิ่มลำดับไปเรื่อยๆ ถ้าเราทำในสิ่งที่เรารักจริงๆ สักวันเราจะเป็น 1 ใน 10 ได้ ก็เต้นต่อไปนั่นแหละ"

อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง นักออกแบบท่าเต้น ปล่อยชีวิตตามเมโลดี้

 

นับจากเวลาที่คนคนหนึ่งใช้เพื่อขยับมาสู่จุดที่สูงในเส้นทางการเต้น เป็นจำนวนเวลาไม่น้อย หลายคนเกิดท้อ ล้มเลิก แต่สำหรับเจด้า เธอเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับพัฒนายิ่งๆ ขึ้น

"คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจสิ่งที่ตัวเองมีและพัฒนาให้ดีขึ้น อย่างตอนเป็นแดนเซอร์อยู่ เพื่อนๆ พี่ๆ ที่เต้นด้วยกันก็บอกว่าเราซ้อมเยอะ เต้นแรงอยู่นั่นล่ะ บางคนเต้นเป็นแล้วก็ปล่อยตัว แต่เราไม่หยุดพัฒนา ถ้าครูบอกให้ซ้อม 2 ชั่วโมง เราไม่เคยอ่อนแรง เต้นเต็มที่ทั้งสองชั่วโมง ข้อนี้คือความต่างของเจกับคนอื่น คำพูดที่ถูกว่าในวันนั้น ทำไมต้องเต็มที่ตลอดเวลา มองย้อนกลับไปดูความสำเร็จเขาไม่มี แก่ไปกับร่างกายที่ใช้ประกอบอาชีพ แต่เรายังมีอาชีพในสายงานนี้อยู่ เพราะเราไม่เหมือนคนอื่น ทุกคนรักการเต้น ไม่ใช่แค่เต้นได้แล้วหยุด ถ้าคิดแค่นี้ร่างกายก็จะหมดไป เพราะการเต้นใช้สังขาร แต่ทุกอาชีพไปได้อีก แม้ร่างกายของเราวันหนึ่งจะเต้นไม่ได้ แต่มีทางไป เช่น เป็นโค้ช หรือเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับงานที่รัก"

เต้นและเต้นและเต้นเท่านั้น ที่จะทำให้เป็นตัวจริง "ตอนเป็นแดนเซอร์ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอะไร คิดแค่ทำงานให้ดีที่สุด ทำให้ดีที่สุด ตรงต่อเวลา ซ้อมเต็มที่ แต่โอกาสมาจากการที่เราทำเต็มที่แล้วผู้ใหญ่มองเห็น ให้ไปสอนศิลปินบ้าง ให้ลองออกแบบท่าเต้น เจไม่รู้หลักวิธีการคิดของแต่ละคนเป็นยังไง โกล มีความฝัน แต่ของเราไม่มีความฝัน แต่ทำตรงหน้าให้ดี แล้วโอกาสมาเอง"

อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง นักออกแบบท่าเต้น ปล่อยชีวิตตามเมโลดี้

 

ในการออกแบบท่าเต้น เจด้าบอกว่า "ฟังเพลงนั้นเยอะ ฟังเยอะกว่าคนที่จ้างเรา ให้เพลงเข้าไปอยู่ในตัวเราแล้วท่าจะออกมา นี่คือเทคนิคของเรา การออกแบบท่าเต้นก็คือการคิดท่า ฟังเพลงบ่อยท่าจะออกมาเองตามธรรมชาติ บางครั้งท่าที่ดังไม่คิดจะดัง แต่ทำแล้วสนุก เราไม่คิดจะทำให้ดัง แต่นั่นคือมันไปทัชใจคน ดูสนุกอยากทำตาม แต่อะไรที่ตั้งใจทำ ภูมิใจท่านี้มากกลับถูกพูดถึงน้อย ได้บทเรียนว่า ไม่ต้องทำให้คนรู้สึกว่าสวย แต่ทำให้คนรู้สึกสนุก อยากทำตาม ให้คนยอมรับ เต้นท่าเราได้ ต้องไม่เลือกท่ายากมาในท่อนจำคือท่อนฮุค แต่ท่อนอื่นอยากโชว์สกิลใส่ได้ แต่รู้ไหมว่าท่าที่ง่ายคิดยากกว่า เพราะท่าที่ยากเป็นทักษะฝึกๆ ไปก็ทำได้ แต่ท่าง่ายทำยังไงล่ะให้คนส่วนใหญ่ยอมรับ เวลาเราทำท่าง่าย เราสอดแทรกไอเดียครีเอทีฟเข้าไป คนที่ไม่รู้เรื่องเต้นอาจมองว่าท่าง่ายจัง คิดง่ายจัง เจอยากบอกว่าเราไม่ได้คิดอะไรง่ายๆ แต่เราคิดท่าง่ายมาจากสมองจริงๆ ที่คิดว่าครีเอตแล้วมันสนุก"

การเข้ามาสู่วงการนักเต้นไม่ยาก นอกจากมีสถาบันสอนการเต้นแล้ว ถ้ามีใจรักจริงๆ แค่ฟังเพลงฝึกเต้นเองก็สามารถพัฒนาได้ หากฝึกฝนและพัฒนา และถ้าต้องการมาไกลถึงเป็นครูสอนเต้นหรือนักออกแบบท่าเต้น ยิ่งต้องทำให้การเต้นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เสมือนชีวิตเดินตามเมโลดี้

"อย่าหยุดที่จะเต้นถ้ารักเต้น บางคนมีพรสวรรค์ก็อาจไปได้เร็วหน่อย แต่บางคนไม่มี มีแต่พรแสวง ซึ่งเจว่าไปได้เหมือนกัน แสวงความรู้ต่อไปเรื่อยๆ หาแนวทางพัฒนา เจเชื่อว่าเหมือนเต่าแข่งกับกระต่าย เต่ามีหนทางสู่การชนะ แต่อาจจะใช้เวลานานหน่อย

เทคนิคของเจในการออกแบบท่าเต้น คือ ฟังเพลงบ่อยๆ ฮัมเป็นเพลงได้ ร่างกายจะออกมาเองว่าจะใช้ส่วนไหน ได้ยินเสียงเอื้อนแขนออกมาเป็นเวฟ ได้ยินเสียงกระแทกท่าออกมาเป็นฉับๆ แขนออกมาเป็นเหลี่ยม เรียนรู้ทุกอย่างในชีวิตประจำวัน หยิบโทรศัพท์ คว้าเสื้อมาใส่ มันเป็นท่าเต้นหมด เรียนรู้ที่จะเอาสิ่งรอบตัวให้เป็นท่าเต้น หรือท่าถูสบู่ก็เป็นท่าเต้นได้ หยิบหมวกมาใส่ เดินขยับเท้านิดหนึ่งก็เต้นแล้ว เรียนรู้ทุกวัน ทุกขณะ ทุกอิริยาบถ แค่กล้าปล่อยตัวเองออกมาก็คิดท่าเต้นได้"

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันอังคารที่ 23 ธ.ค. 68