พนันชีวิต พนันบอลโลก
ศึกลูกหนังครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะปะทุขึ้นอีกครั้ง ในการแข่งขัน FIFA World Cup 2014
โดย...เจษฎา จี้สละ
ศึกลูกหนังครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะปะทุขึ้นอีกครั้ง ในการแข่งขัน FIFA World Cup 2014 หรือรู้จักกันในนาม “ฟุตบอลโลก” ครั้งที่ 20 ประเทศบราซิล การฟาดแข้งของทีมฟุตบอลระดับโลกที่แฟนบอลตั้งตารอ
เช่นเดียวกับแฟนบอลในไทยที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของมหกรรมกีฬาดังกล่าว ใช่เพียงความคึกคักของเหล่าคอลูกหนังเท่านั้นที่ตื่นตัวกับการมาเยือนของฟุตบอลโลก แต่วงการของนักพนันก็ตื่นตัวไม่แพ้กัน ซึ่งเป็นอีกด้านหนึ่งของปรากฏการณ์ที่ต้องเฝ้าระวัง
วัชระ สอนมั่น อายุ 24 ปี อาชีพสื่อมวลชน อดีตผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ ซึ่งมีการพนันบอลเป็นต้นตอของสาเหตุ บอกเล่าประสบการณ์อุทาหรณ์ของคนเล่นพนันให้ฟัง
ย้อนประวัติของ วัชระ เมื่อครั้งวัยเยาว์ ด.ช.วัชระ คลุกคลีกับวงการพนันมาตั้งแต่ยังเล็ก วงไพ่ โต๊ะสนุกเกอร์ และไฮโล ไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายหรืออบายมุขในสายตาของ วัชระ เมื่อผู้คนในสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่อาศัย เสพสรรค์การพนันอยู่เป็นนิจจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต่างจากกิจวัตรประจำวัน กอปรกับครอบครัวที่มีปัญหา พ่อแม่หย่าร้างตั้งแต่วัยเยาว์ วัชระ จึงมีแต่ผู้เป็นพ่อเป็นที่พึ่งพิง
“อย่างแรกที่เริ่มเล่นคือสนุกเกอร์ ญาติพี่น้องเป็นคนสอน” วัชระ เล่าถึงเกมกีฬาในวัยประถม
ชีวิตการเป็นนักพนันผลักดันให้เขาเข้าสู่การเป็น “เจ้ามือ” ตั้งแต่อายุ 14 ปี โดยเพื่อนเป็นฝ่ายชักชวน ทำให้ไม่ต้องยืนเมื่อยขาข้างโต๊ะสนุ๊ก ไม่ต้องรอลุ้น แต่กลับอุ่นใจเมื่อเงินของเหยื่อพนันอยู่ในมือ เพราะเขากลายเป็นผู้กุมชะตาของลูกค้าผีพนันไว้แล้ว
“โต๊ะบอลเมื่อก่อนหาเล่นยาก ยังไม่บูม แรกๆ รับทำของเขาก่อน ที่หลังเลยมาเปิดโต๊ะเอง มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการพนัน มีพวกยาเสพติดและค้าอาวุธรวมด้วย คนมีสีคอยหนุนหลังเราอยู่”
สิ่งที่ทำให้ไม่รู้จักพอกับเงินที่ได้มา คือ “ความง่าย” เงินจำนวนมากที่คนในวัยเดียวกันไม่อาจหามาได้ รายรับหลักหมื่นเป็นสิ่งยั่วใจไม่ให้เจ้าของผู้กุมเงินเลิกราจากอาชีพนี้ จนย่ามใจใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพื่อนฝูงพร้อมหน้า แอลกอฮอล์ และยาเสพติด ทุกอย่างพัวพันเหมือนเป็นเรื่องเดียวกัน
ความหฤหรรษ์ของวงการพนันพลิกตลบตบหน้า วัชระ อย่างแรง สืบเนื่องจากวิกฤตครั้งแรกคือ “เงินไม่พอจ่ายลูกค้า” เพราะเงินหาง่าย จึงจ่ายออกไม่ยาก ในที่สุดโต๊ะบอลที่สะพัดไปด้วยเงินของนักพนัน เป็นอันต้องขาดสภาพคล่อง เงินที่ปูนบำเหน็จเพื่อนฝูงไปไม่อาจเรียกคืนได้ เจ้ามืออายุ 14 ปี จึงไม่มีทางเลือก นอกเสียจากกลับมาเป็นนักพนัน
“จำแม่นวันนั้น คิดจับเสือมือเปล่าเอาตังค์ แทงพรีเมียร์ 4 คู่ คู่ละ 2 หมื่น ผลคือแพ้ทั้ง 4 คู่”
จากเจ้ามือโต๊ะบอลคอยทวงนี้ มาบัดนี้กลายเป็นลูกหนี้พนัน การข่มขู่คุกคามหลากรูปแบบ กระทั่งจะเอาชีวิต วัชระ จึงต้องหนีจากบ้านเกิดไปยังต่างจังหวัด เพื่อตั้งหลักหาเงินมาชดใช้หนี้พนัน
“หนี้รวมดอกตอนนั้น 1.2 แสนบาท พ่อเข้าไปเคลียร์ให้แค่ 2-3 หมื่นบาท มันไม่พอหรอก หนทางใหม่คือ ‘การปล้น’ มอเตอร์ไซค์อย่างต่ำคันละ 5,000 บาท จี้เอาตามใบสั่ง”
เหตุการณ์ไม่ยุติเพียงเช่นนั้น เหมือนมีวงล้อแห่งกรรมครอบงำชีวิต เวียนวนในวัฏจักรของอบายมุขไม่จบสิ้น เมื่อแรกตั้งใจนำเงินจากการปล้นไปชดใช้หนี้ แต่ภายหลังกลับปล้นซ้ำ เพื่อทำทุนไปเล่นการพนันใหม่ เมื่อเป็นหนี้การพนันก็กลับมาปล้นใหม่ กลายเป็นวงจรปกติ แต่ทุกอย่างไม่ง่ายเหมือนที่คิด เมื่อวันหนึ่งเหยื่อฮึดสู้ปะทะดุเดือดจนเกิดการสูญเสีย ข้อหาฆ่าคนตายจึงตกอยู่กับ เด็กชายอายุ 16 ปี
“ตอนถูกจับคิดว่าเพื่อนจะมา เพราะเพื่อนเราเยอะ แต่ที่เห็นคือ ‘พ่อ’ มาเป็นคนแรก ทั้งที่เราคิดว่าพ่อน่าจะมาเป็นคนสุดท้าย”
คำสั่งศาลไม่ปรานีกับผู้กระทำความผิด สั่งจำคุก 12 ปี 6 เดือน ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่เนื่องด้วยผู้กระทำผิดเป็นเยาวชน ศาลจึงสั่งให้ควบคุมความประพฤติและอบรมในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกรุณา (บ้านกรุณา) จนกว่าจะมีอายุครบ 24 ปี
อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดเป็นเพียงส่วนเสี้ยวชีวิต หากแต่โอกาสในการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีมีอยู่เสมอ เมื่อ วัชระ ทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมาจึงรู้ว่าตนเองได้กระทำสิ่งที่ “ผิดพลาด” จึงปรับตัวและเปลี่ยนใจ แน่วแน่ในหนทางของการสร้างความดี ส่งผลให้ วัชระ มีพฤติกรรมที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพียง 3 ปี ในบ้านกรุณา เขาถูกย้ายไปยังศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก (บ้านกาญจนา) สถานที่ซึ่งทำให้เขาได้พบกับ “ป้ามล” หรือ ทิชา ณ นคร หัวเรือใหญ่แห่งบ้านกาญจนา ที่เป็นผู้นำพาให้ วัชระ ได้หลุดพ้นจากด้านมืดในที่สุด พร้อมผลักดันให้ วัชระ สร้างประโยชน์แก่สังคมต่อไป โดยเฉพาะการเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่เคยผิดพลาด
ปัจจุบัน วัชระ ทำหน้าที่เป็นวิทยากรคนสำคัญในการให้ความรู้เกี่ยวกับผลเสียของการพนันร่วมกับ สสส. และมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังอยู่ในบ้านกาญจนา ด้วยความดีที่ทำให้กับสังคม เขาจึงได้รับ “อิสรภาพอย่างสมบูรณ์” กลับคืนมาในปี 2555 จากการลดหย่อนผ่อนโทษ วัชระ ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์สังคม โดยเฉพาะการทำหน้าที่สื่อมวลชน ให้ข้อมูลและจัดกิจกรรมเพื่อให้เยาวชนตระหนักถึงพิษภัยของการพนันอย่างต่อเนื่อง
“ผมไม่กลัวว่าคนจะมองผมยังไง ผมยินดีเปิดเผยชื่อ รูปของผม เรื่องราวของผม ถ้ามันช่วยเตือนใจ ช่วยให้คนอื่นได้เรียนรู้ หรือเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นทำดี”
อีกฟากฝั่งของเมืองใหญ่ ชีวิตของนายเอ (นามสมมติ) เด็กหนุ่มผู้เดินทางมาไกลจากปักษ์ใต้ ก้าวเริ่มในสถาบันอุดมศึกษา เพื่ออนาคตของตนเองและความหวังของครอบครัว จากเดิมที่ใช้ชีวิตภายใต้กฎระเบียบเคร่งครัดในระดับมัธยม สู่ชีวิตในเมืองใหญ่ที่วุ่นวายไร้ระเบียบ การจัดการกับตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ
“ค่าเทอมแม่ส่งมาเท่าไร เราใช้หมด ไม่พอก็ขอเพิ่ม บอกเป็นค่าอุปกรณ์การเรียน”
การเล่นพนันฟุตบอลในปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น กอปรกับช่องทางที่หลากหลาย จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะดึงดูดผู้คนให้เข้าใกล้และเสพติดในที่สุด เช่นเดียวกับกรณีของเอ ที่เริ่มจากการเล่นพนันบอลผ่านโพยใต้หอพัก เพียงการเดินไปพนันกับยามผู้ดูแลโพย วังวนของการพนันก็เริ่มขึ้น
“มันง่ายมาก เขาจะเอาโพยมาวางที่ป้อมยาม แรกๆ ก็แทงเล่น แต่เห็นว่าได้เงินง่าย ทีนี้ก็เลยแทงทุกวัน วันไหนไม่ได้เล่นก็จะกระวนกระวาย”
เมื่อรายรับไม่เพียงพอกับรายจ่าย การหาลำไพ่พิเศษจึงเป็นช่องทางหนึ่งของทางรอด ซึ่งหนีไม่พ้นการพนัน จากการเป็นลูกหนี้พนันฟุตบอล ผันตัวเป็นเจ้าหนี้ทวงเงินพนัน เด็กหนุ่มชั้นปี 1 ก้าวเข้าสู่วงจรอบายมุขอย่างเต็มตัว ทั้งเล่นพนัน ตั้งโต๊ะพนัน และพัวพันกับยาเสพติด ไม่ใช่ด้วยเงินของวงจรอุบาทว์ แต่เป็นเงินที่ได้รับจากครอบครัว
“ผมตั้งโต๊ะพนันกับเพื่อน เอาเงินค่าเทอมมาหุ้นเป็นทุน จนในที่สุดก็ไม่ได้จ่ายค่าเทอม ผมก็เลยไม่มีชื่ออยู่ในมหา’ลัยตั้งแต่ตอนนั้น”
ชีวิตการเป็นนักศึกษาจบไป แต่ชีวิตในวงการพนันเหมือนกำลังเริ่มต้น เมื่อธุรกิจเดินไปเงินทองไหลเข้า ความฟุ่มเฟือยกลายเป็นเรื่องปกติ ทุกครั้งที่เงินขาดมือ ย่อมหนีไม่พ้นครอบครัวที่ต้องจุนเจือ จนในที่สุดต้องจำนนต่อความจริง การพนันไม่เคยปล่อยให้ใครหลุดรอดเงื้อมมือ
“ปี 1 ผมเรียนได้แค่เทอมเดียว ที่บ้านรู้เพราะเราขอเงินบ่อย พอเขาถามไปทางมหา’ลัยเลยรู้ความจริง ว่าผมไม่เรียนแล้ว ยิ่งผมไปพัวพันกับยาเสพติดอีกเลยจบ”
ข้อความสรุปเตือนใจเซียนพนันบอลในเชิ้ตขาว “ไม่ยุ่งจะดีกว่า เพราะผลที่จะตามมามันทำให้เราเสียอนาคต ทั้งที่เรียนอีก 34 จะจบปริญญาตามพ่อแม่หวัง กลับไม่เหลืออะไรเลย”
ไม่เพียงแต่ผู้ตกเป็นเหยื่อเท่านั้น ที่ต้องรับผลกระทบจากการพนัน ครอบครัวเป็นอีกสถาบันหนึ่ง ซึ่งมีความสัมพันธ์กับผู้เล่นพนันโดยตรง ยิ่งเหยื่อเป็นเยาวชนด้วยแล้ว ย่อมหนีไม่พ้นหยดน้ำตาของผู้ปกครอง
สังคมที่ทวีการแข่งขัน เงินตรากลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพของคนเมืองยุคใหม่ เวลาจึงเป็นส่วนเชื่อมต่อระหว่างชีวิต การทำงาน และครอบครัว ยากนักที่จะบริหารได้อย่างเหมาะสม เช่นเดียวกับคุณบี (นามสมมติ) ที่ต้องรับภาระในการจัดการกับความสัมพันธ์เหล่านี้จนไม่มีเวลาเอาใจใส่ลูกชายอันเป็นที่รัก
ความเหินห่างระหว่างความสัมพันธ์ของแม่ลูกเริ่มก่อตัว เมื่อนับวันลูกชายเติบโตใหญ่ เวลาในครอบครัวลดลง ผู้ปกครองทุ่มเททำงาน ลูกออกนอกบ้านอยู่กับกลุ่มเพื่อน ย่างก้าวของชีวิตจึงพลัดออกนอกลู่ไม่ยากนัก
“เรามุ่งมั่นทำแต่งาน คิดว่าทำเพื่อลูกได้ ลูกชายไม่เคยขาดเหลือ เขามีพร้อมทุกอย่าง ไม่จำเป็นจะต้องไปตั้งโต๊ะพนันบอลเพื่อหาเงิน”
เมื่อลูกชายกลายเป็นผู้กระทำผิดในหลายคดี โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพนันและยาเสพติด ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น “แม่” ไม่ได้เพ่งมองต้นตอของปัญหาไปที่ใครอื่น นอกจากการเริ่มทบทวนจากตนเอง
“เราเอาใจใส่เขาน้อยเกินไป ลูกยิ่งโตยิ่งห่างจากเรา ไม่ติดตามว่าเขาทำอะไร เรียนเป็นยังไง รู้อีกทีก็ตอนเขาพลาดเกิดคดี มันสายไปแล้ว”
สำหรับกรณีของคุณบี เชื่อว่า ปฐมเหตุที่ทำให้ลูกชายติดการพนันและเข้าไปพัวพันกับยาเสพติด เกิดจากพื้นฐานของครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ เพราะเธอหย่าขาดจากสามีตั้งแต่ลูกชายยังเด็ก แต่ก็โตพอที่จะรับรู้ถึงความปวดร้าวที่เกิดขึ้น อีกสิ่งหนึ่งคือการเอาใจใส่ ยิ่งต้องหาเลี้ยงลูกชายเพียงลำพัง จึงต้องขยันและทุ่มเทกับงานมากขึ้น ขาดการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด จนกลายเป็นการละเลยในที่สุด
ย้อนรอยก่อนสาย ลูกชายของคุณบีมีข้อพิรุธอยู่หลายประการ เริ่มจากขอเงินถี่ขึ้นและขอเพิ่มในจำนวนที่มากขึ้น เมื่อไต่ถามถึงสาเหตุก็บ่ายเบี่ยงเลี่ยงตอบคำถาม กอปรกับคุณบีไม่ได้ติดตามผลการเรียนหรือความเป็นอยู่ของลูกชาย จนสุดท้ายเมื่อเหตุการณ์บรรจบเมื่อลูกชายต้องคดี จึงได้ล่วงรู้ถึงความจริงว่าลูกชายไม่ได้ศึกษาแล้ว อีกทั้งยังทำธุรกิจผิดกฎหมาย อย่างการตั้งโต๊ะพนันบอล กอปรกับพัวพันสารเสพติดร้ายแรง
“สังเกตจากเขาจะโทรมาขอเงิน และจะต้องเอาให้ได้เดี๋ยวนั้น ซึ่งเราก็สงสัยว่าทำไมจำเป็นต้องใช้เงินเร่งรีบขนาดนั้น พอไปสอบถามกับทางมหา’ลัย จึงรู้ว่าเขาไม่ได้เรียนแล้ว”
ความหวังพังทลาย ความเสียใจเข้าถั่งโถมผู้เป็นแม่แต่ไม่ว่าอย่างไรลูกก็คือลูก ไม่อาจเป็นอื่นได้ คุณบีจึงเริ่มปรับตัวเอาใจใส่พฤติกรรมของลูกชายมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจลบเลือนความผิดพลาดของลูกชายที่ได้กระทำไป ได้แต่เริ่มเพาะบ่มความรักเข้าไปในจิตใจของลูกชาย
“ย้อนกลับมาที่ตัวเราหมด เราไม่เอาใจใส่ เราควรรู้มากกว่าที่เขาบอกกับเรา รู้ใจเขา เพราะสิ่งที่เราเห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป”
“ยิ่งเอาใจใส่เขามากเท่าไร ก็รักษาคนที่เรารักได้มากเท่านั้น”
คำเตือนใดคงไม่หนักแน่นเท่ากับการเผชิญชะตากรรมด้วยตนเอง หาก 1 คน ห้าม แต่ 10 คน เป็นผู้กระทำหายนะจากการพนันฟุตบอลคงไม่อาจหาจุดยุติได้ น้ำตา “คนข้างหลัง” ยังหลั่งต่อไป เหยื่อจากการพนันต้องชดใช้ความผิดตามกฎหมาย ซ้ำร้ายอาจถูกคุกคามจากผู้เป็นเจ้าหนี้
ต้นทางของหายนะนี้ยุติได้ด้วยการไม่พนัน


