จากดินสู่ดาว มีวันนี้ได้เพราะใจสู้
“ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ” (เพลง “ศรัทธา” โดย “หิน เหล็ก ไฟ” อัลบั้ม Never Say Die)
โดย...โจ เกียรติอาจิณ / เครดิตภาพ ศิรินภา กิจจา อภิชนรจเรข / ดร.กุลชาติ วิชช์ญะ ยุติ / แอน คลังภาพโพสต์ทูเดย์ / ทิติยา หนังสือ ลูกสาวสิบล้อ Zero to Success
“ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ” (เพลง “ศรัทธา” โดย “หิน เหล็ก ไฟ” อัลบั้ม Never Say Die)
สู้ว้อยยยยย!!! เกิดมาเป็นคนต้องสู้ ไม่สู้ก็ตาย นั่นล่ะคือคำตอบสุดท้ายของคนที่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา สำหรับ 2 นักสู้ที่เราเพิ่งไปปะหน้ามา ทั้งคู่ต่างมี “เลือดนักสู้” อยู่เต็มตัว แม้ว่าต้นทุนชีวิตของพวกเขาอาจไม่สวยหรูนัก
คนหนึ่งเคยอยู่กับกองขยะ อีกคนเคยอยู่ในคอกหมู แต่เพราะ “ใจสู้” ทั้งคู่จึงมีวันนี้ ที่สามารถก้าวมายืนหยัดในฐานะ “ดอกเตอร์ด้านวิศวกรรมศาสตร์” กับ “เศรษฐินีเพชรพันล้าน”
จาก “ดิน” สู่ “ดาว” หากหมดเรี่ยวแรง หัวใจไม่สู้ต่อ ก็ยากที่ทั้งคู่จะไปถึงฝั่งฝัน “ความสำเร็จ”
ดอกเตอร์จากกองขยะ
เจ้าของปริญญาเอก สาขาเทคโนโลยีการขึ้นรูปโลหะ สถาบันเทคโนโลยีนิปปอน ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี “ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ” ย้อนชีวิตส่วนตัวเมื่อครั้งเยาว์วัย ผ่านไปร่วมชั่วโมง รู้เลยว่าชีวิตดอกเตอร์มันคือฉากในละครเมโลดราม่าชัดๆ
ไม่มีเงินใช้ ไม่มีข้าวกิน บ้านเช่าโทรมพอซุกหัวนอน พ่อหนีแม่ไป แม่ไม่มีงานทำ พี่น้องแตกกระสานซ่านเซ็นไปคนละทิศ อดมื้อกินมื้อ ท้องอิ่มเพราะออกขอทาน หนังสือเรียนตามสะดวก หาเลี้ยงชีพด้วยการเก็บขยะ ดีหน่อยยังมีแม่เคียงข้าง แม่คือแสงสว่าง ทำเพื่อแม่กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้เขาหันมาเรียน ระหว่างเรียนก็ยังมองขยะเป็นเงิน หล่อเลี้ยงชีวิตด้วยขยะ ปากท้องอิ่มได้เพราะเงินจากการขายขยะ ความรู้และวิชา กระทั่งการพาตัวเองมาถึงจุดสูงสุดก็ล้วนมาจากขยะ
ดอกเตอร์จาก จ.ชุมพร ยอมรับเขาไม่ใช่คนเรียนเก่ง ติดจะขี้เกียจ เห็นแก่ตัว และก้าวร้าวเสียด้วยซ้ำ ถ้าจะให้เห็นภาพ เขาบอกแบบแมนๆ “เหลือขอ” น่าจะเหมาะสุด แต่มีวันนี้เพราะได้ “โอกาสที่ดี” “เพื่อนที่ดี” “สถานศึกษาที่ดี” มากกว่านั้น แม่คือกำลังใจสำคัญนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะที่ตัวเขาเองที่มีขุมพลังซึ่งเรียกว่า “สู้” เป็นเฟืองจักร ทำให้เด็กเหลือขอเรียนจนสำเร็จในระดับดอกเตอร์
“ผมลืมตาอ้าปากได้เพราะขยะครับ ขยะเปลี่ยนชีวิตผม ทำให้ผมคิดไม่เหมือนคนอื่น ขยะอาจไร้ค่าในสายตาคนอื่น แต่สำหรับผม มันคือราคา มันคือโอกาสที่พาผมก้าวไปสู่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ขยะทำให้ผมไม่ละความพยายาม การเก็บขยะไม่ใช่จะเก็บได้ทุกที่ทุกวัน ถ้าละความพยายาม ผมก็จะไม่ได้ขยะไปขาย ผมก็ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นที่จะมองหาขยะจากที่ต่างๆ ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าผมจะมีโอกาสเจอขยะ
คนอาจจะบอกว่าผมเป็นคนเก่ง เก่งที่ผ่านความยากลำบากมาได้ ผ่านความเหนื่อยยากมาได้ แต่จริงๆ ผมไม่ใช่คนเก่งหรอกครับ ผมคือคนโง่ต่างหาก โง่ที่ทำแบบนี้เรื่อยๆ ทำแบบนี้ซ้ำซาก ไม่คิดจะทำอย่างอื่นเลย ทำเรื่องโง่ๆ ซ้ำๆ จนวันหนึ่งก็มาเจอกับโอกาสและนำผมไปเจอสิ่งดีๆ ในชีวิต”
การเปิดใจในชีวิตวัยเยาว์ ดร.กุลชาติย้ำไม่ใช่เพื่อให้คนมาเห็นใจ สงสาร หรือเวทนา รวมทั้ง พ็อกเก็ตบุ๊ก “ดอกเตอร์จากกองขยะ” ที่ทำออกมา ก็ไม่ได้มุ่งหวังยอดขายจากแรงโปรโมท แต่เรื่องราวของเขาที่เล่าสู่กันฟังนี้ เขาแค่อยากให้เป็นอุทาหรณ์สอนเด็กรุ่นใหม่ สอนคนทั่วไป สอนใครๆ ให้รู้ว่า “ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้” ดั่งเช่นเด็กกองขยะที่สามารถพลิกลิขิตฟ้าด้วยมานะแห่งตน เกิดเป็นมรรคผลน่าชื่นชมให้คนเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
เด็กเลี้ยงหมูสู่เศรษฐินีเพชร
“ศิรินภา ไดมอนด์” บนชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ไม่ต่างอะไรกับอาณาจักรเพชรอันมีความงามเลอค่ารอท่าให้ลูกค้าเอลิสต์แวะเข้ามาเลือกซื้อ ผู้หญิงสูงโปร่งผิวเข้มใบหน้าคมคาย ยิ้มหวานทักทายอยู่ไกลๆ หากไล่ดูประวัติกันคร่าวๆ เธอคืออดีตนางงามและนางเอก “ศิรินภา สว่างล้ำ” แต่หากจะล้วงลึกชีวิตเบื้องหลังก่อนจะก้าวมารั้งตำแหน่งเจ้าของ ตอนเด็กๆ นั้นเธอเคยเลี้ยงหมู ออกตระเวนหาเศษอาหารตามร้านอาหารกับพ่อแม่และพี่สาว
ศิรินภาในวัย 53 เล่าว่า ตอนนั้นครอบครัวเธอขัดสน พ่อเป็นทหารเกณฑ์ แม่รับจ้างซักรีดเสื้อผ้า รายได้เพียงน้อยนิดไม่พอใช้จ่าย รายได้หลักมาจากพ่อคนเดียว เงินมีพอใช้ไปวันๆ อยากกินแอปเปิลสักลูก อยากกินไก่ย่างสักตัว ก็ต้องรอเงินเดือนพ่อออกถึงจะได้กิน ลูกสาว 4 คนต้องร่วมแรงร่วมใจหาเงินเข้าบ้าน เลี้ยงหมูอยู่หลังบ้านพักทหาร อีกทางหนึ่งก็พับถุงกระดาษและเก็บผักบุ้งขาย กลางคืนพับถุงกระดาษและนั่งเรียงผักบุ้งมัด เช้านำไปขายก่อนไปโรงเรียน
“เมื่อก่อนลำบากค่ะ เพราะความที่ครอบครัวไม่ได้รวย มันก็เลยต้องทำงานหาเงิน ตอนเลี้ยงหมูก็ไม่มีอาหารหมูสำเร็จรูปเหมือนสมัยนี้ ต้องใช้วิธีไปขอซื้อจากร้านขายอาหาร สยามสแควร์ก็ไป ท่าพระจันทร์ก็ไป พี่ชอบไปท่าพระจันทร์ เพราะไปแล้วจะได้กินโอเลี้ยง พี่ก็จะไปกับพ่อแม่และพี่น้อง บางร้านก็ให้ฟรีนะ แต่ส่วนใหญ่เขาขาย
อายมั้ย ไม่เคยอายเลยค่ะ เพราะนี่คือสิ่งที่พี่ต้องทำ ไม่ทำก็ไม่มี ทำด้วยความมานะ ความคิดของพี่ตอนนั้น คือทำยังไงก็ได้ที่จะช่วยพ่อแม่ ทำยังไงจะหาเงินมาด้วยวิธีสุจริต จำได้ว่าตอนที่เขามาชวนไปประกวดนางงาม พี่ยังอยู่ในเข่งเศษอาหารหมูอยู่เลย (หัวเราะร่วน) จนเขาไม่มั่นใจว่าจะพาไปประกวดดีมั้ย เพราะตัวก็ดำ”
แต่สุดท้ายเธอก็ได้ไปประกวดและคว้ารางวัลมิสเอเชียแปซิฟิก คนแรกของประเทศไทย (ปี 2521) ต้องยกความดีให้คอกหมูที่เธอและครอบครัวช่วยกันปลุกปั้น หลังจากนั้นเส้นทางบันเทิงก็อ้าแขนต้อนรับเจ้าของฉายา “ไข่มุกดำแห่งเอเชีย” ได้ถ่ายแบบ เล่นละคร ก่อนเธอจะยุติบทบาทนักแสดงลง เพื่อก้าวสู่ธุรกิจอัญมณีที่ค่อยๆ เติบใหญ่ พร้อมขยับขยายธุรกิจใหม่ๆ อสังหาริมทรัพย์ รถนำเข้า และไม่นานเกินรอ เธอก็จะผุดโรงแรมใจกลางกรุง
“สำหรับพี่ คีย์ความสำเร็จที่ทำให้พี่มีวันนี้ คือความมุ่งมั่นกับความตั้งใจ ซึ่งมันก็มาจากความลำบากในวัยเด็กนั่นล่ะ พ่อแม่จะสอนพี่เสมอว่า อะไรที่เป็นเงินให้ทำ อย่าเกี่ยงงาน อย่าเลือกงาน แต่ต้องเป็นงานที่สุจริต อย่าเบียดเบียนคนอื่น อยากได้อะไรต้องลงมือทำ ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่ลงมือทำ แล้วอย่าอายกับงานที่กำลังทำ ถ้าผ่านการเลี้ยงหมูมาได้ อะไรที่หนักหนาพี่ว่ามันก็ธรรมดาแล้วล่ะคะ เพราะพี่ว่านั่นคือสุดยอดในชีวิตของพี่ ที่สอนให้พี่เรียนรู้ชีวิต รู้จักความจน รู้จักความมานะ รู้จักความอดทน”
ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร
แอน ทองประสม
ซุป’ตาร์ขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ แพรวพราวด้วยฝีมือการแสดง แถมยังกระโดดมารับหน้าที่ผู้จัดละครฮิต แต่กว่าจะมายืนหยัด ณ จุดนี้ได้ วัยเด็กของเธอช่างแสนลำบาก อยู่กับยาย รับจ้างล้างชามก๋วยเตี๋ยวแลกข้าวกลางวัน รายได้มาจากเก็บผักและร้อยมะลิ
“รองเท้าแตะมีคู่เดียว แบ่งกันใส่กับยาย ถ้าวันนี้แอนใส่ ยายจะเดินเท้าเปล่า แต่แอนก็มีความสุขกับชีวิตในตอนเด็กนะคะ ต้องขอบคุณยายที่เลี้ยงมาแบบอดบ้าง มีบ้าง อยากได้อะไรก็ต้องรู้จักรอ อยากได้ของเล่น ต้องหาเงินเอง ความลำบากเหล่านี้เป็นวัคซีนความอดทนที่ดี ที่ทำให้เราเผชิญโลกภายนอกได้เองในวันที่ยายไม่อยู่แล้ว”
ทิติยา ไชยวารี
ใครๆ ก็เรียกเธอว่า “ครูเป็ดน้อย” ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ สถาบันฝึกอบรม จัดอีเวนต์และผลิตสื่อ ก้าวเดินเล็กๆ ของเธอเกิดจากความไม่มี ความยากจนนำทางเธอไปสู่ความฝัน เริ่มชีวิตจากศูนย์แต่จบลงด้วยความสำเร็จ ทุกๆ ความสำเร็จเพราะความไม่หยุดที่จะพัฒนาและเรียนรู้ ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า จึงทำให้ลูกครูบ้านนอกจนๆ กับคนขับสิบล้อ กลายเป็นโปรเฟสชั่นแนล
“เราต้องอย่ากลัวกับชีวิต คนเราต้องมีประสบการณ์เจ็บปวด บาดหมาง มืดมน เป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อผ่านมันเยอะแยะ เราจะโคตรแกร่งและใช้ชีวิตได้ดี” (หนังสือ ลูกสาวสิบล้อ Zero to Success)


