ก๊อต จักรพรรณ์ ผู้ชายเสียงเศร้า (แต่ซึ้ง) ตลอดกาล
หลายคนคงแปลกใจที่เห็นผมขึ้นหัวเรื่องไว้ เป็นชื่อเดิมของชายหนุ่มเสียงเศร้าตลอดกาลอย่างก๊อต
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร
หลายคนคงแปลกใจที่เห็นผมขึ้นหัวเรื่องไว้ เป็นชื่อเดิมของชายหนุ่มเสียงเศร้าตลอดกาลอย่างก๊อต ที่ตอนนี้เขาเปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น ก๊อตจักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ แต่หากจะให้เข้ากับคอลัมน์เล่าเรื่องเก่า ผมจึงขออนุญาตทั้งเจ้าของเรื่องกับคุณผู้อ่านว่า ผมขอใช้ชื่อ ก๊อตจักรพรรณ์ อาบครบุรี แล้วกันครับ
เพื่อจะย้อนวันวานได้อย่างอิ่มอกอิ่มใจไง
ก๊อต เล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นลูกคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 4 คน โดยมีพ่อเป็นชาวอเมริกัน ส่วนแม่พื้นเพเป็นชาว อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
“ผมอยู่กับตาและยายที่ครบุรีมาตั้งแต่เด็กๆ ได้ยินเสียงเพลงลูกทุ่งดังๆ สมัยก่อนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเพลงของพี่เป้า สายัณห์ พี่แอ๊ว ยอดรัก พี่ผึ้ง พุ่มพวง ฯลฯ ฟังจนร้องตามได้ทุกเพลง ฟังจากวิทยุทรานซิสเตอร์ที่ผมไปเจอมา ตอนนั้นเราไม่มีวิทยุฟัง วันหนึ่งโชคดีมากๆ ไปเจอวิทยุในป่าข้างวัดมีคนเอามาฝังไว้ ห่อพลาสติกอย่างดี แต่ตรงที่หมุนหาคลื่นสนิมขึ้น ก็เอาไปซ่อม แล้วก็เอามาฟัง มันเป็นความสุขสุดๆ ในสมัยนั้น หลังจากนั้นก็ฝึกร้องเพลงเรื่อยมา ชีวิตก็ผ่านไปเรื่อยๆ เคยเป็นเด็กในอู่รถ สุดท้ายก็มาหาเพื่อนที่พัทยา จนได้ร้องเพลงในคลับแห่งหนึ่ง ก็ร้องเพลงสตริงบ้าง ลูกทุ่งบ้าง โชคเข้าข้างผมมาก พี่เต๋อเรวัต พุทธินันทน์ ผู้บริหารของแกรมมี่ แอบไปดูเราร้องเพลง และขอคุย หลังจากนั้นชีวิตของผมก็มาถึงจุดเปลี่ยนจนวันนี้ครับ เรียกว่า ถ้าวันนั้นพี่เต๋อไม่ให้โอกาส คงไม่มีผมในวันนี้”
หลังจากที่เขาได้ก้าวเข้าสู่ชายคาบ้านแกรมมี่ หลายคนคงคิดว่าเขาเริ่มต้นจากการออกอัลบั้มเพลงสตริง แต่จริงๆ แล้ว เข้าเริ่มจากอัลบั้มเพลงลูกทุ่ง นั่นคืออัลบั้มแม่ไม้เพลงไทย
“ตอนนั้นเพลงเปิดตัว คือ เพลงหัวใจผมว่าง ซึ่งก็พอเป็นที่รู้จักบ้าง หลังจากนั้นก็ออกเป็นอัลบั้มเพลงสตริงครับ โดยออกอัลบั้ม ก๊อต ช็อต เป็นอัลบั้มสตริง อัลบั้มนี้ก็เป็นอัลบั้มที่มีเพลงที่คนรู้จักหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น ฉันคนนี้ก็คน, แพ้, ศักดิ์ศรีในใจ แล้วก็เพลง อาการน่าเป็นห่วง ทุกวันนี้ยังมีคนขอหน้าเวทีอยู่เลย สำหรับเพลง ฉันคนนี้ก็คน เป็นช้าเศร้า แต่งเนื้อร้องโดย พี่ตุ๊ก วรัชยา ทุกเวทีต้องร้องพอๆ กับเพลง แพ้ เพลงนี้ก็เศร้า หลายคนบอกว่าเสียงของผมเหมาะกับเพลงเศร้าแบบนี้ แต่เพลงที่หลายคนชอบก็เป็นเพลงสนุกๆ อย่างอาการน่าเป็นห่วง ซึ่งตอนนั้นไปที่ไหนก็ได้ยินแต่เพลงนี้ (หัวเราะ)”
หลังจากออกอัลบั้ม ก๊อต ช็อต เขาก็ได้ออกอัลบั้มเพลงสตริงอีกหนึ่งชุด นั่นคืออัลบั้ม เพราะใจไม่เหมือนเดิม หลังจากนั้นเขาก็ได้เข้ามาสู่การเป็นนักร้องลูกทุ่งอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ซึ่งการกลับเข้ามาในครั้งนั้น ก็ส่งผลให้เขายืนหยัดอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งมาจนถึงทุกวันนี้
“ที่กลับมาก็พี่เต๋ออีกแหละครับ พอดีตอนนั้นทางแกรมมี่ โกลด์ จะทำอัลบั้มเพลงลูกทุ่งเก่า ผมก็เลยมีโอกาสได้ร้องเพลงลูกทุ่ง ภายใต้โปรเจกต์ หัวแก้วหัวแหวน ในปี 2538 ซึ่งเป็นโปรเจกต์ใหญ่ โดยได้รวบรวมเอาบทเพลงลูกทุ่งเก่าๆ มาขับร้องใหม่ แต่ยังคงดนตรีเดิมออกมาทั้งหมด 9 ชุด รวม 107 เพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลง คนอักหักพักบ้านนี้ ขาดคนหุงข้าว ความรักเหมือนยาขม มาลัยดอกรัก สมัครรักสมัครแฟน สามสิบยังแจ๋ว ชวนน้องแต่งงาน ฯลฯ สร้างยอดขายถล่มทลาย เกือบ 8 หลัก ซึ่งสมัยนั้นเป็นเทปคาสเซต ทุกรายการทีวี ทุกคอนเสิร์ตไปมาหมด อาจจะเป็นเพราะว่าภาพที่ออกมานั้นแปลกตาไป คือ ลูกครึ่งมาร้องเพลงลูกทุ่ง ใส่สูท และมีแดนเซอร์ใส่ขนนกขนกาเต้นอยู่ด้านหลัง (หัวเราะ) ผมว่าแต่ละบทเพลงมันเป็นเพลงที่อยู่ในใจคนไทยอยู่แล้ว เลยทำให้เข้าถึงคนฟังได้ง่ายครับ”
การก้าวเข้ามาสู่วงการเพลงลูกทุ่งอย่างเต็มตัว แถมยังดังเปรี้ยงอีกต่างหาก ทำให้เขาได้รับฉายานามว่า เจ้าชายลูกทุ่ง ซึ่งก๊อตเผยว่า ฉายานี้เป็นฉายาที่บรรดาพี่ๆ นักข่าวและแฟนคลับของเขาได้ตั้งให้
“ทั้งพี่ๆ นักข่าวและแฟนคลับคงเห็นภาพของผมจากอัลบั้ม ก๊อต ลูกทุ่งไทยแลนด์ โดยเฉพาะเพลง รักคุณยิ่งกว่าใคร ก็เลยเรียกกันมาทุกวันนี้ ซึ่งผมก็ภูมิใจนะครับ ที่คนต่างเรียกเจ้าชายลูกทุ่ง”
จากหัวแก้วหัวแหวนในวันนั้น จนถึงวันนี้ 20 ปีแล้ว เขาจึงได้จัดคอนเสิร์ตแทนความผูกพัน 20 ปี หัวแก้วหัวแหวน ก๊อต จักรพันธ์ โดยจะทำ 2 รอบ ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 โดยครั้งนี้ก๊อตเผยทิ้งท้ายว่า นี่จะเป็นการรวบรวมเอาบทเพลงในอัลบั้ม หัวแก้วหัวแหวน ตั้งแต่ชุดที่ 19 และ 2 ชุดล่าสุด นำมาร้อยเรียงไว้ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ “ในส่วนของเวที แสง สี เสียง ผมการันตีความอลังการ และไฮไลต์ของคอนเสิร์ตครั้งนี้จะอยู่ที่ตัวเพลง 127 เพลง ที่ต้องคัดให้เหลือเท่าจำนวนเวลาแสดง 3 ชั่วโมงเท่านั้น และอีกไฮไลต์หนึ่ง ก็คือ เสื้อผ้าและแดนเซอร์ที่เรียกได้ว่า จัดใหญ่ จัดโต เสมอๆ ครับ (หัวเราะ)”


