เชียงของ เชียงรุ่ง หลวงพระบาง
ทริปคาราวาน ไทยจีนลาว เส้นทางนำร่องของทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
โดย...ทวีชัย ธวัชปกรณ์
ทริปคาราวาน ไทยจีนลาว เส้นทางนำร่องของทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการเปิดทริปต้อนรับ AEC โดยเริ่มจาก อ.เชียงของ จ.เชียงราย ข้ามสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 4 สู่เมืองห้วยทราย ใน สปป.ลาว หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว มุ่งหน้าบ่อเต็นบ่อหาร ชายแดนลาวจีน โดยปลายทางวันแรกที่หยุดพักอยู่ที่เมืองเชียงรุ่งประเทศจีน
เส้นทาง R3A จากห้วยทรายไปบ่อเต็นบ่อหาร เป็นถนนลาดยางทั้งเส้น ขับรถค่อนข้างจะสบายแม้จะไม่ค่อยคล่องแคล่ว เพราะต้องฝืนธรรมชาติการขับรถในไทยไปขับชิดฝั่งขวาแทน และเส้นทางค่อนข้างจะมีโค้งแยะ คาราวานรถ 24 คัน ถึงด่านชายแดนบ่อเต็นบ่อหาร ประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ ผ่านพิธีเข้าประเทศจีนเพื่อเข้าสู่เขตปกครองตนเองชนชาติไท สิบสองปันนา เส้นทางที่ สปป.ลาว ว่าดีแล้ว เส้นทางจากชายแดนจีนมุ่งหน้าเมืองเชียงรุ่งยิ่งดีกว่า ถนนเป็นลักษณะตัดตรง ไม่มีโค้งมากมายถ้าต้องผ่านภูเขาไม่มีการตัดถนนอ้อมผ่าน พี่จีนเขาขุดอุโมงค์ทะลุเขาทุกลูก อุโมงค์ที่ยาวที่สุดร่วม 4 กิโลเมตร แต่ที่ต้องระวังก็คือรถบรรทุกที่ใช้เส้นทางนี้มากในการขนส่งสินค้าจากจีนสู่ลาว สรุปโดยรวมการขับรถจากเชียงของถึงเชียงรุ่งมาได้สบายๆ
เชียงรุ่ง คือ เมืองหลวงของจังหวัดสิบสองปันนา (เขตปกครองตนเองชนชาติไท) มณฑลยูนนาน วันนี้มีแต่สิ่งก่อสร้าง ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม โรงแรม ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ผุดขึ้นทั่วเมือง ชีวิตแบบเก่าๆ ของชาวไทพื้นถิ่นหาดูได้ยาก ยกเว้นที่มีจัดแสดงไว้ให้ชม เหมือนกับวัฒนธรรมเดิมๆ มลายหายไปพร้อมๆ กับถนนที่สะดวกสบายตัดผ่าน
แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่ไปสัมผัสก็เป็นแบบ “แมนเมด” ล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นสวนป่าดงดิบที่มีโชว์การแสดงของชาวไทลื้อ โชว์ละครสัตว์ โชว์เรียกนกยูง น้ำตกประดิษฐ์ หรือแม้แต่วัดหลวงเมืองลื้อที่สร้างขึ้นมาอย่างอลังการเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ สวยงามแต่กลับเหมือนวัดไทยมากกว่าที่จะเหมือนวัดในแบบของชาวไทลื้อดั้งเดิม มีทั้งยักษ์ ทั้งพระพุทธเจ้าน้อย เชียงรุ่งวันนี้เหมือนเมืองที่อุดมไปด้วยวัตถุ แต่ปราศจากสีสันของชีวิตและจิตวิญญาณ ไม่แปลกที่เราจะเห็นแต่คณะทัวร์คนจีนและคนไทยไปเที่ยวกัน ส่วนฝรั่งหัวทองหากันไม่เจอ
โดยส่วนตัวต้องบอกว่าเชียงรุ่งและสิบสองปันนาผิดจากภาพที่วาดเอาไว้ก่อนมาเยือนโดยสิ้นเชิง ส่วนที่พอจะคล้ายๆ กับที่วาดเอาไว้ก็เห็นจะเป็นหมู่บ้านกาหลั่นป้า หมู่บ้านที่อนุรักษ์ไว้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม จุดแวะหลังออกจากเชียงรุ่งมุ่งสู่เมืองหล้า เป็นที่ที่เรายังสามารถเห็นตัวบ้านเรือนแบบยกพื้นใต้ถุนสูงหลังคาปีกนกมุงด้วยกระเบื้องดินเผา และการใช้ชีวิตของชาวไทลื้อแบบดั้งเดิมได้อยู่บ้าง และอีกที่ที่แวะก่อนถึงเมืองหล้าคือ ถ้ำควายขาว ถ้ำที่สวยงามทอดยาวทะลุผ่านเขามีหินงอกหินย้อยมากมาย อากาศถ่ายเทดี ทางเดินสะดวก เทปูนตลอดทางที่แม้จะดูขัดๆ กันกับธรรมชาติภายในถ้ำ แต่ก็พอกล้อมแกล้มได้อยู่ ส่วนเมืองหล้าจุดสุดท้ายที่พักของสิบสองปันนาขอข้ามไป เพราะดูแล้วเหมือนเมืองนิคมอุตสาหกรรมใหม่ที่ไม่มีอะไรให้กล่าวถึง
จากเมืองหล้ากลับไปด่านบ่อเต็นบ่อหาร โดยเส้นทางเดิมมุ่งหน้าอุดมไชยหลวงพระบาง หรือ R3E เส้นทางค่อนข้างโหดนิดหน่อย เพราะถนนเก่ามีหลุมบ่อและทางค่อนข้างคดเคี้ยว ระหว่างทางมีตลาดพื้นบ้านขายสัตว์ทุกอย่าง (ที่จับได้) ให้เลือกสรรนำไปรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นนกหลากหลายชนิด อ้น (หนูยักษ์) ทั้งที่ตายแล้วและยังเป็นๆ เป็นวิถีชีวิตริมทางก่อนจะเข้าสู่เมืองท่องเที่ยวที่เนิบช้าอย่างหลวงพระบาง
มาเยือนหลวงพระบาง สิ่งแรกที่จะต้องทำหลังจากตื่นเช้าก็ต้องตักบาตรข้าวเหนียวตามประเพณีของชาวหลวงพระบาง ที่มีการจัดที่ทางไว้ให้คณะนักท่องเที่ยวได้ใส่บาตรกันทุกเช้า พระก็จะเดินออกจากวัดมาเป็นทิวแถวและเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของที่นี่ ชีวิตของคนที่นี่ค่อนข้างจะเรียบง่าย จุดท่องเที่ยวต่างๆ ก็อยู่ไม่ห่างกันมากนัก เช่น พิพิธภัณฑ์เจ้ามหาชีวิต ซึ่งเป็นพระราชวังหลวงพระบางเดิม ภายในได้จัดแสดงประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของเมืองหลวงพระบาง วัดเชียงทอง สถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง ซึ่งเป็นวัดหลวงคู่เมืองหลวงพระบางที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้โปรดฯ ให้สร้างขึ้นก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปยังนครเวียงจันทน์ เดินชมกันได้ทั้งวันสำหรับผู้ที่ชื่นชอบทางด้านสถาปัตยกรรมหลวงพระบางแท้ๆ ตอนค่ำๆ ก็เดินตลาดไนท์พลาซ่า หรือถนนคนเดินที่มีของที่ระลึกวางขายตลอดทาง และที่ขาดไม่ได้เวลามาเยือน สปป.ลาว คือการร่วมเต้น บัดสลบ หรือบาสะโล๊ฟ การเต้นรำหมู่แบบพร้อมเพรียงกันของประเทศลาว
จากหลวงพระบางกลับประเทศไทยทางด่านน้ำเงิน ใช้เส้นทางไชยบุรีหงสา เพื่อเข้าสู่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ถนนหนทางลาดยางตลอดขับสบาย แม้จะคดเคี้ยวไปบ้างในบางช่วงและรถบรรทุกค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่จะเป็นรถที่ขนวัสดุก่อสร้างจากโรงไฟฟ้าหงสาที่เราจะเห็นก่อนจะถึงด่านน้ำเงิน
ถึงเมืองน่านแผ่นดินเกิด ทุกอย่างเข้าสู่โลกเดิม แต่ในหัวมี “คำถาม” อะไรบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากเดินทางข้าม (หลาย) ประเทศมาเป็นสัปดาห์ การได้เปิดหูเปิดตาเห็นประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเช่นจีน และการพัฒนาด้านการคมนาคมอย่างเห็นได้ชัดใน สปป.ลาว เพื่อนบ้านกำลังก้าวหน้า แล้วบ้านของเรากำลังก้าวไปทางไหน? เป็นคำถามในหัวที่ยังหาคำตอบไม่ได้


