รู้เท่าทัน ‘student syndrome’ ไฟลนก้น...ผัดวันประกันพรุ่ง
“ขอเลื่อนเวลาครั้งแล้วครั้งเล่า” คือความหมายที่พจนานุกรมได้นิยามสำนวน “ผัดวันประกันพรุ่ง” ไว้
โดย...ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน
“ขอเลื่อนเวลาครั้งแล้วครั้งเล่า” คือความหมายที่พจนานุกรมได้นิยามสำนวน “ผัดวันประกันพรุ่ง” ไว้
สะกดว่า “ผัดวันประกันพรุ่ง” ถูกต้องแล้ว ...ไม่ใช่ “ผลัดวันประกันพรุ่ง” ตามที่หลายๆ คนเข้าใจผิด
พฤติกรรมนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มีการบัญญัติไว้ว่าเป็นอาการชนิดหนึ่ง เรียกว่า สติวเดนต์ ซินโดรม (student syndrome)
อาการนี้สังเกตไม่ยาก คนที่มักจะเริ่มปลุกตัวเองให้กระตือรือร้นต่องานในช่วงเวลาสุดท้ายที่เป็นไปได้ก่อนที่จะถึงกำหนดส่ง เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น
นานวันเข้าทำให้เกิดความสูญเสียแก่ตัวเอง และทำให้เกิดการสร้างสิ่งรองรับที่หนักในการประมาณระยะเวลา
สำหรับ “สติวเดนต์ ซินโดรม” ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการผัดวันประกันพรุ่ง แต่มักจะมีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี
ข้อมูลจากวิกิพีเดียประเทศไทย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพไว้ว่า ถ้านักเรียนหรือกลุ่มของนักเรียนไปหาอาจารย์และมักจะถามเกี่ยวกับการขอเลื่อนการกำหนดเวลา โดยพวกเขาจะแก้ตัวในสิ่งที่เขาเรียกร้องโดยที่จะให้โครงงานที่เกินเวลานั้นได้ทำต่อไปได้อีก
พวกเขาเหล่านั้นจะขอสิ่งนี้ด้วยความตั้งใจ ในความเป็นจริงนักเรียนส่วนใหญ่จะมีงานอื่นๆ หรือกิจกรรมที่พวกเขาต้องการทำอย่างเต็มที่ที่จะใช้ในการปรับปรุงใบงานหรือโครงงาน สุดท้ายแล้วพวกเขาเหมือนในตอนที่เริ่มต้นคือต้องการที่จะเพิ่มเวลาเส้นตายไปอีก
นี่คือธรรมชาติของอาการ ...ใครก็มีโอกาสเป็น ระวังกันให้ดี ผลเสียที่จะตามมานำมาซึ่งความสูญเสียเกินกว่าประเมินค่า
สอดรับกับกฎของพาร์กินสัน (Parkinson’s Law)
พาร์กินสัน เป็นนักประวัติศาสตร์ ทหารเรือ นักประพันธ์ โดยหนังสือที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ กฎของพาร์กินสัน ซึ่งทำให้เขาได้รับการยกย่องให้เป็นผู้รอบรู้แห่งศาสตร์การบริหารธุรกิจ
กฎดังกล่าวมีด้วยกัน 10 ข้อ หนึ่งในนั้นระบุว่า “สำหรับคนที่มีเวลามากเพื่อให้งานเสร็จสิ้น เขาจะวางแผนงานให้ขยายออกไปจนเต็มเวลาที่มีอยู่” เข้าใจโดยง่ายคือเป็นไปตามสุภาษิตที่ว่า “คนที่ยุ่งที่สุดคือคนที่มีเวลาเหลือ”
ดังนั้น หญิงชราที่มีเวลาว่างอาจจะใช้เวลาทั้งวันในการเขียนจดหมายถึงหลานสาว เธออาจจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงค้นหาไปรษณียบัตร หนึ่งชั่วโมงค้นหาแว่นตา ครึ่งชั่วโมงค้นหาที่อยู่ อีกหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาทีเป็นเวลาเขียนข้อความ และใช้เวลาอีกยี่สิบนาทีตกลงใจว่าเมื่อออกจากบ้านไปทิ้งจดหมายที่ตู้ไปรษณีย์ที่ถนนถัดไป จะนำร่มไปด้วยหรือไม่ ในความพยายามทั้งหมดนี้ ถ้าเป็นคนที่มีภาระมากเขาอาจจะใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น
นี่เป็นอีกหนึ่งธรรมชาติของความจริง อย่าเพิกเฉยหรือชินชาโดยไม่รู้เท่าทัน ชีวิตจะพังพาบลงได้ง่ายๆ


