เทรนด์แฟชั่นอินโดนีเซีย
โดย...สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
โดย...สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
อินโดนีเซียเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกเสื้อผ้ารายใหญ่ของโลก อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปในอินโดนีเซีย มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยรอยเตอร์สรายงานว่า ตลาดเสื้อผ้าสำเร็จรูปมีมูลค่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีการจ้างงานกว่า 3 ล้านคน
แม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกเสื้อผ้ารายใหญ่ แต่ด้วยประชากรที่มีจำนวนมาก จึงทำให้ในประเทศมีความต้องการบริโภคสิ่งทอและเสื้อผ้ามากขึ้นทุกปีเช่นกัน จากปัจจุบันชาวอินโดนีเซียต้องการบริโภคคนละ 5 กิโลกรัม คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นคนละ 6 และ 7.5 กิโลกรัมในปี 2558 และปี 2568 ขณะที่ความต้องการรวมของตลาดอยู่ที่ 1.16 ล้านตัน
เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เสื้อผ้าที่สวมใส่จึงต้องถูกตามกฎระเบียบทางศาสนา กล่าวคือผู้หญิงจะต้องแต่งตัวมิดชิดตั้งแต่ศีรษะจนถึงเท้า โดยสวมผ้าคลุมศีรษะ หรือที่เรียกว่า ผ้าคลุมฮิญาบ ใส่เสื้อผ้าคลุมข้อมือจนถึงเท้า ซึ่งจะต้องไม่รัดรูปและไม่บาง
อย่างไรก็ตาม กฎการแต่งกายมุสลิมในอินโดนีเซียไม่เข้มงวดมากเหมือนมุสลิมประเทศอื่นๆ เช่น ซาอุดีอาระเบีย อัฟกานิสถาน เป็นต้น จึงทำให้ชาวมุสลิมอินโดนีเซียแต่งกายด้วยสีสันสดใสและเป็นแฟชั่นมากขึ้น ตามสไตล์การแต่งตัวแบบแฟชั่นมุสลิมตะวันตก (Modern Muslim)
ปัจจุบันรัฐบาลอินโดนีเซียได้ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมแฟชั่นมุสลิม ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 6.6 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยตั้งเป้าหมายจะเป็นเมืองหลวงแฟชั่นชาวมุสลิมของโลก ซึ่งศักยภาพของการเป็นผู้นำแฟชั่นมุสลิมของอินโดนีเซีย สะท้อนได้จากความสำเร็จจากงาน Jakarta Fashion Week 2013 ซึ่งมีผู้ร่วมออกร้าน 164 บูธ เทียบกับสองปีก่อนที่มีผู้ออกร้านเพียง 30 บูธ
ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียได้รับอิทธิพลการแต่งกายจากศิลปินดาราที่แสดงภาพยนตร์ต่างๆ ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นอินโดนีเซียเชื้อสายจีนได้รับอิทธิพลการแต่งกายมาจากวัฒนธรรมเกาหลี จึงทำให้มีการนำเข้าเสื้อผ้าสไตล์เกาหลีจากประเทศจีนและเกาหลีจำนวนมาก มากจนกระทั่งบางเว็บไซต์ของเกาหลีถึงกับแปลเป็นภาษาอินโดนีเซีย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าแก่วัยรุ่นอินโดนีเซียเป็นการเฉพาะ
จากการที่ประชากรกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศเป็นคนรุ่นใหม่ ชาวมุสลิมจึงมีแนวโน้มที่จะแต่งกายแบบสมัยใหม่มากขึ้น เครื่องประดับที่เหมาะสมกับกลุ่มนี้ควรเป็นแบบทันสมัย มีสีสันสอดรับกับรูปแบบเสื้อผ้าที่หรูหรา ส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีน มีพฤติกรรมตามกระแสแฟชั่นจากต่างประเทศ สินค้าที่ใช้รวมถึงเครื่องประดับ จึงต้องมีความเป็นแฟชั่น ราคาไม่สูง สามารถซื้อหรือเปลี่ยนได้บ่อย


