Her รักดัง ฟังชัด
คน ระบบปฏิบัติการ และความงาม
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร
คน ระบบปฏิบัติการ และความงาม
ผมยอมรับตามตรงว่า เพียงได้ดูทีเซอร์ของภาพยนตร์เรื่อง Her ผมก็ตกหลุมรักภาพยนตร์เรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ผมจำได้ว่า ตอนที่ได้ดูทีเซอร์ ผมชอบอะไรบางอย่างที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการนำเสนอ ผมชอบมูดแอนด์โทนของเรื่อง ชอบแสง ชอบสี ชอบเสียง และชอบเนื้อหาของเรื่อง ที่ทำให้ผมรู้สึกอยากค้นหาคำตอบว่า คนที่มีปฏิสัมพันธ์กับระบบปฏิบัติการขั้นลึกซึ้งนั้น เขามีที่มาที่ไปอย่างไร และทำไมเขาถึงตกหลุมรักกันได้
จนเมื่อได้เข้าไปนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์ ได้ไล่เรียงดูตั้งแต่ต้น ถึงได้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเอกที่มีชื่อว่า ธีโอดอร์ (วาคีน ฟีนิกซ์) เขามีอาชีพเป็นผู้เขียนจดหมายขอโทษผ่านการพูด แล้วคอมพิวเตอร์จะเป็นคนเขียนให้เอง ซึ่งนั่นหมายความว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังนำเสนอเรื่องราวชีวิตของคนในยุคสมัยที่เรียกได้ว่า...ล้ำหน้า (ที่โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า อนาคตมันต้องมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นแน่ๆ) การทำอาชีพนี้ ทำให้ผู้ชายคนนี้มีนิสัยอ่อนไหวและเต็มไปด้วยความซับซ้อน เช่น แม้ว่าเขาจะหย่าร้างกับภรรยา แต่ทว่าเขาไม่เคยเขียนจดหมายขอโทษภรรยาของเขาเลยแม้เพียงสักครั้ง ซึ่งเขาทำได้ เพราะมันง่ายด้วยความที่เขาทำอาชีพนี้ แต่เขากลับไม่ทำ
อยู่มาวันหนึ่ง ธีโอดอร์ก็ได้พบกับระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ (โอเอส) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซาแมนธา (ให้เสียงโดย สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน) โดยระบบปฏิบัติการนี้มีหน้าที่เพียงรับฟังและพูดคุยกับเราอย่างคนที่เข้าใจ ซึ่งมันเป็นอะไรที่คนธรรมดาอย่างเราๆ ล้วนต้องการมากถึงมากที่สุด แต่ทว่าระบบปฏิบัติการนี้มันดันล้ำหน้ามาก มันสามารถเข้าใจความรู้สึกคนได้อย่างถึงแก่น แถมยังมีอารมณ์ความรัก ความรู้สึกรัก โลภ โกรธ หลง อ่อนไหว อ่อนแอ เข้มแข็ง มีความสุข เจ็บปวด หึงหวง มีความต้องการทางเพศสูง มีความรู้สึกดีกับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนตัวเอง และอีกสารพัด ซึ่งมันซับซ้อนยิ่งกว่ามนุษย์ จนทำให้มนุษย์ที่มีกายหยาบถึงกับร่วมปฏิสัมพันธ์ได้จนเป็นเนื้อเดียวกัน โดยไม่ได้รู้สึกว่า ฉันคือคน เธอคือระบบปฏิบัติการ (เหตุเพราะโลกยุคนั้นมันก้าวข้ามเรื่องกายหยาบไปเรียบร้อยแล้ว) นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้การดำเนินเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้เดินทางไปได้สุดลิ่มทิ่มประตู
สิ่งที่เกิดขึ้นผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้มันน่าตื่นเต้นมาก เพราะมันเป็นการโต้ตอบระหว่างคนกับระบบปฏิบัติการ ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้หัวใจเราได้อย่างถึงที่สุด เราเจ็บปวด ระบบปฏิบัติการก็เจ็บปวด เราหึง ระบบปฏิบัติการก็หวง เราคลุมเครือ ระบบปฏิบัติการก็สงสัยใคร่รู้ เราเหนื่อย เราเบื่อ ระบบปฏิบัติการก็มีความอยากความใคร่ เรางึมงัม ระบบปฏิบัติการก็เคลือบแคลงสงสัย
แต่ท้ายที่สุด ก่อนจะเกิดแรงสั่นสะเทือนในหัวใจ มันต้องเกิด “ความรัก” ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งการก้าวไปสู่ความรักนี่แหละ คือสิ่งที่น่าดูน่าชมที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งคนที่อยากรู้ว่าทำไมธีโอดอร์ถึงตกหลุมรักซาแมนธาได้อย่างถึงที่สุด ต้องไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้
แม้ว่าตอนจบจะไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างที่เราได้วาดฝันไว้ แต่อย่างน้อยตอนจบของเรื่องก็มีความงามให้เราได้ยิ้มให้กับตัวเองได้ ซึ่งมันเป็นความงามในระดับที่ว่า ระบบปฏิบัติก็มอบสิ่งนี้ให้กับเราไม่ได้
หรือมันคือสูงสุดสู่สามัญ
หรือมันคือสิ่งที่มนุษย์ยุคนั้น
อยากย้อนเวลากลับไปสู่ยุคที่มนุษย์อย่างเราๆ กำลังเป็นอยู่นี้
ปี 2014
ประเทศ สหรัฐ
เวลา 2 ชั่วโมง 6 นาที
ประเภท โรแมนติก
กำกับ/เขียนบท สไปค์ จอนซ์
แสดงนำ วาคีน ฟีนิกซ์/เอมี อดัมส์/สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน (เสียง)
สไปค์ จอนซ์ กำกับและเขียนบทเองเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยไอเดียของภาพยนตร์เรื่องนี้ อยู่ในหัวสมองของ สไปค์ จอนซ์ มานานนับสิบปี “แรงบันดาลใจของผม เริ่มต้นขึ้นจากการที่ได้อ่านบทความเมื่อ 10 ปีก่อน เกี่ยวกับระบบโต้ตอบข้อความกับคอมพิวเตอร์ ผมได้ทดลองทำมันและพิมพ์ไปว่า ‘สวัสดี’ มันตอบกลับมาว่า ‘สวัสดี’ ‘สบายดีมั้ย’ ‘สบายดี แล้วคุณล่ะ’ ข้อความโต้ตอบเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ ผมคุยกับมัน และมันตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมพูด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงแค่โปรแกรมหนึ่งเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นจริงๆ ครับ หลังจากนั้นมันทำให้ผมได้แนวคิดเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนึกคิด ซึ่งผมได้พัฒนาให้กลายเป็นภาพยนตร์รักเรื่องนี้”
สไปค์ จอนซ์ เผยว่า เขาและทีมออกแบบงานสร้างได้นัดประชุมกันที่ High Line ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่สร้างจากรางรถไฟเก่าในแมนฮัตตัน เพื่อหาไอเดียเกี่ยวกับการสร้างบรรยากาศของความเป็นอนาคตในภาพยนตร์เรื่องนี้ “ผมยังได้ไอเดียเกี่ยวกับโทนสีของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากร้านอาหารแฟรนไชส์อย่าง Jamba Juice อีกด้วยครับ”
หลังจากการถ่ายทำเสร็จสิ้นและดำเนินมาจนถึงขั้นสุดท้าย สไปค์ จอนซ์ ตัดสินใจคัดเลือกนักแสดงที่จะมาพากย์เสียงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใหม่และลงทุนแก้ไขผลงานที่ทำไปแล้วทั้งหมด ซึ่งก็ทำให้เขาได้ตัวนักแสดงสาวอย่าง สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน มารับหน้าที่พากย์เสียงในเกือบจะวินาทีสุดท้าย “เราถ่ายทำกันจนเสร็จและอยู่ในขั้นตอนของการตัดต่อครับ และนั่นคือช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่าเราต้องการในสิ่งที่แตกต่างออกไป และทำการคัดเลือกนักแสดงใหม่อย่างเร่งด่วนจนได้สการ์เล็ตต์มาทำให้มันสมบูรณ์แบบครับ”
ก่อนหน้านี้ Her ได้คว้ารางวัลจากเวทีต่างๆ มาแล้วทั่วอเมริกา โดยเฉพาะรางวัลล่าสุดจากเวทีลูกโลกทองคำ ในสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม สำหรับเวทีออสการ์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้ถูกเสนอเข้าชิงถึง 4 สาขาด้วยกัน นั่นคือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โปรดักชั่น ดีไซน์ยอดเยี่ยม ออริจินัล สกอร์ยอดเยี่ยม และออริจินัล ซองยอดเยี่ยม ในเพลง “The Moon Song” ซึ่งเป็นผลงานของ คาเรน โอ


