posttoday

วัดเชียงทองหลวงพระบาง

21 ธันวาคม 2556

นพพล ชูกลิ่น “อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว” คำ กล่าวนี้เป็นคำที่ทดแทนความหมายของวัดที่มีความงดงาม

นพพล ชูกลิ่น “อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว” คำ กล่าวนี้เป็นคำที่ทดแทนความหมายของวัดที่มีความงดงามที่สุดของสถาปัตยกรรมทางศาสนา ซึ่งประเทศลาวเป็นประเทศที่มีประชากรที่มีความศรัทธาต่อศาสนาพุทธ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หลวงพระบาง” เมืองเล็กๆ ที่มีวัดมากถึงสี่สิบกว่าวัด มีพระเณรอยู่จำวัดที่นี่เป็นจำนวนมากจนสามารถสร้างเป็นจุดขายให้นักท่องเที่ยวตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรข้าวเหนียว โดยมีพระเณรจำนวนหลายร้อยรูปเดินเข้าแถวเรียงตามความลาดเอียงของถนนในเมืองหลวงพระบางที่มีลักษณะเป็นเนินลูกเล็กๆ ไปทั้งเมือง มีความสวยงามมาก ผมมีโอกาสได้เข้าไปเที่ยววัดเชียงทองหลวงพระบาง ในช่วงเวลาเช้า ทำให้โชคดีที่จำนวนนักท่องเที่ยวยังมีน้อย ทำให้ผมได้มีโอกาสถ่ายภาพในแง่มุมต่างๆ และโชคดีมากที่ได้พบกับพระที่มาจากประเทศไทย เลยได้รับความกรุณาเป็นแบบให้ผมได้ถ่ายภาพ คงต้องขอกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของวัดเชียงทอง พอสังเขป ดังนี้ วัดเชียงทอง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองหลวงพระบาง ใกล้บริเวณที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง มีถนนเล็กๆ ชื่อถนนโพธิสารราช ริมน้ำโขงคั่นอยู่ วัดเชียงทองสร้างขึ้นก่อนหน้าที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจะย้ายเมืองหลวงไปยังนครเวียงจันทน์ไม่นานนัก และยังได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชาติศรีสว่างวงศ์ และเจ้ามหาชาติศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของประเทศลาว พระอุโบสถ ภาษาลาวเรียกว่า “สิม” เป็นพระอุโบสถหลังไม่ใหญ่โตมากนักหลังคาพระอุโบสถมีหลังคาแอ่นโค้ง ลาดต่ำลงมาซ้อนกันอยู่สามชั้น กล่าวกันว่านี่คือศิลปะแห่งหลวงพระบาง ส่วนกลางของหลังคามีเครื่องยอดสีทองชาวลาวเรียกว่าช่อฟ้า ประกอบด้วย 17 ช่อเป็นข้อสังเกตว่าวัดที่พระมหากษัตริย์สร้าง จะมีช่อฟ้า 17 ช่อ ส่วนคนสามัญสร้างจะมีช่อฟ้า 17 ช่อเท่านั้น เชื่อว่าบริเวณช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ตรงกลางช่อฟ้าจะมีของมีค่าบรรจุอยู่ ส่วนที่ประดับที่ยอดหน้าบันชาวลาวเรียกว่าโหง่ มีรูปร่างเป็นเศียรนาคและมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับศาสนาพุทธ ประตูพระอุโบสถแกะสลักสวยงามเช่นเดียวกับหน้าต่างภายในพระอุโบสถมีภาพสวยงามที่ผนัง มีลักษณะลวดลายปิดทองฉลุบนพื้นรักสีดำ ส่วนใหญ่เป็นภาพพุทธประวัติเรื่องพระสุธน–มโนราห์ และเรื่องพระเจ้าสิบชาติ พระประธาน หรือชาวลาวเรียกว่า “พระองค์หลวง” ภายในพระอุโบสถเป็นสีทองงดงามอร่ามตาด้านข้างพระองค์หลวงมีพระบางจำลอง และผนังด้านหลังของพระอุโบสถเป็นภาพที่เกิดจากการใช้กระจกสีตัด ติดต่อกันเป็นรูปต้นทองขนาดใหญ่ ซึ่งเคยมีในเมืองหลวงพระบางลักษณะคล้ายต้นโพธิ์ ด้านข้างต้นทองเป็นรูปสัตว์ในวรรณคดียามใดที่แสงแดดสดส่องสะท้อนดูงดงาม “วิหารน้อย” ด้านข้างและด้านหลังของพระอุโบสถเป็นที่ตั้งของวิหารสองหลังนี้ จุดเด่นของวิหารนี้คือผนังด้านนอกมีการตกแต่งด้วยกระจกสี ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ และนำมาต่อเป็นรูปต่างๆ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้าน บนพื้นสีชมพู ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ พระพุทธรูปนี้เคยถูกนำไปจัดแสดงที่กรุงปารีส ในปี พ.ศ. 2474 และนำไปประดิษฐานที่นครเวียงจันทน์หลายสิบปี ก่อนจะนำมายังหลวงพระบางในปี พ.ศ. 2507 ส่วนวิหารอีกหลังที่อยู่ด้านหลังพระอุโบสถคือ “วิหารพระม่าน” ผนังวิหารด้านนอกมีลักษณะคล้ายกับวิหารองค์แรก ภายในวิหารนี้ประดิษฐาน พระม่าน ในช่วงวันขึ้นปีใหม่จะมีการอันเชิญมาให้ประชาชนสรงน้ำและกราบไหว้เป็นประจำทุกปี ผนังด้านหลังวิหารทาด้วยสีชมพูประดับด้วยกระจกสีแสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2493 เพื่อเฉลิมฉลองที่โลกก้าวสู่ยุคกึ่งพระพุทธกาล ด้านหลังของวิหารพระม่านจะเป็น “พระธาตุศรีสว่างวงศ์” ซึ่งเป็นที่เก็บอัฐิของเจ้ามหาศรีสว่างวงศ์และด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นโขงเรือใกล้กับริมแม่น้ำโขง ส่วนด้านหน้าพระอุโบสถเป็นที่ตั้งหอกลองมีลวดลายลงรักปิดทองสวยงาม “โรงเมี้ยนโกศ” หรือโรงเก็บราชรถพระโกศของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2505 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัด ลักษณะเป็นโถงกว้าง ผนังด้านหน้าตั้งแต่หน้าบันลงมาจนถึงพื้นสามารถถอดออกได้เพื่อให้สามารถเคลื่อนราชรถออกมาได้ กลางโรงเมี้ยนโกศเป็นที่ตั้งราชรถไม้แกะสลักปิดทองคำเปลวรอบคัน มีพระโกศสามองค์ตรงกลางเป็นองค์ใหญ่ของเจ้าสว่างศรีวัฒนา ด้านหลังเป็นของพระราชมารดา ส่วนด้านหน้าเป็นของพระเจ้าอา โรงเก็บราชรถนี้ออกแบบโดยเจ้ามณีวงศ์ และใช้ช่างชาวหลวงพระบางชื่อ เพียตัน นับว่าเป็นช่างฝีมือดีประจำพระองค์ มีความชำนาญทั้งด้านงานเขียนและงานแกะสลัก จุดเด่นของโรงเมี้ยนโกศยังอยู่ที่ประตูด้านนอกคือเป็นภาพแกะสลักวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ตอนสำคัญๆ เช่น ตอนพิเภกกำลังบอกความลับที่ซ่อนหัวใจของทศกัณฑ์ให้กับพระราม ถัดลงมาเป็นตอนที่ทศกัณฑ์ต้องศรของพระรามเสียบเข้าที่หัวใจ ถัดลงมาเป็นตอนที่พระรามพระลักษณ์ต่อสู้กับทศกัณฑ์ ด้านล่างสุดเป็นตอนที่นางสีดาลุยไฟเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์กับพระราม เดิมที่ภาพแกะสลักเหล่านี้เป็นการลงรักปิดทอง ต่อมาได้มีการบูรณะใหม่โดยทาสีทอง ภายในวัดยังมีเขตสังฆาวาสและยังมีพระจำพรรษาอยู่เช่นวัดทั่วไป• สถานที่ตั้ง อยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง  ค่าเข้าชม คนละ 20,000 กีบ (ประมาณ 80 บาท) เปิดเวลาเข้าชม ตั้งแต่เวลา 06.00-17.30 น.

หลังจากได้ภาพในแง่มุมต่างๆ แล้ว ผมก็เดินกลับที่พัก เพื่อไปรับประทานอาหารเช้า ได้เห็นวัดเล็กๆ วัดหนึ่งที่เณรกำลังครองผ้าจีวรเพื่อไปเรียนหนังสือเป็นภาพที่ผมประทับใจมาก เณรที่นี้โดยส่วนใหญ่ยังเป็นเด็กที่มีความน่ารักและยังคงความเป็นเด็กภาพเณรที่วิ่งเล่นไปมา กระเซ้าเย้าแหย่กันอย่างสนุกสนาน ท่านผู้อ่านคงต้องมาดูด้วยตนเองที่หลวงพระบางนะครับ

 

วัดเชียงทองหลวงพระบาง

วัดเชียงทองหลวงพระบาง

วัดเชียงทองหลวงพระบาง

วัดเชียงทองหลวงพระบาง

วัดเชียงทองหลวงพระบาง

วัดเชียงทองหลวงพระบาง

วัดเชียงทองหลวงพระบาง

 

ข่าวล่าสุด

จ่อตั้ง 1 จังหวัด 1 คลินิก 'การแพทย์แม่นยำ' ถอดรหัสพันธุกรรมโรคมะเร็ง-โรคหายาก