posttoday

ข้อควรระวังในการเจริญเมตตา

17 พฤศจิกายน 2556

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ขณะที่การเมืองกำลังวุ่นวาย จึงเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าความทะเลาะเบาะแว้ง

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ขณะที่การเมืองกำลังวุ่นวาย จึงเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าความทะเลาะเบาะแว้ง ความไม่พอใจนั้น เป็นทุกข์โทษต่อทุกคน โดยไม่ต้องอธิบาย อย่างไรก็ตามบางครั้งการกระทำคุณงามความดีบางอย่าง ก็อาจนำไปสู่ทุกข์โทษให้ผลต่อผู้ปฏิบัติได้เช่นกัน หากไม่ระวังในข้อพึงระวังบางอย่าง

เรื่องที่ MQ ขอนำมาคุยกันในวันนี้ก็คือเรื่องของ “เมตตา” ซึ่งเป็นกรรมฐานหลักอันหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นเครื่องจรรโลงโลกให้งดงาม และเป็นธรรมเครื่องอยู่อันประเสริฐ ที่เรียกว่า “พรหมวิหาร”

หากจะให้ครบถ้วนแล้วกรรมฐานในหมวดที่เกี่ยวข้องนั้นก็คือ อัปปมัญญา 4 ประกอบด้วย

เมตตา

กรุณา

มุทิตา

อุเบกขา

อัปปมัญญา 4 ได้ชื่อว่า พรหมวิหาร ซึ่งจะแปลว่าเป็นเครื่องอยู่ของพรหมก็ได้

พรหมนั้นแปลว่า ประเสริฐ ซึ่งในความจริงแล้ว พรหม คือ ผู้ที่ได้ฌานและฌานไม่เสื่อมก่อนตาย เมื่อท่านตายแล้วผลของฌานก็จะนำไปเกิดเป็นพรหม มีทั้ง รูปพรหม (ผลของรูปฌาน) และอรูปพรหม (ผลของอรูปฌาน) ด้วยการเจริญสมาธิให้ถึงฌานจิตนั้น ที่ใช้รูปเป็นอารมณ์ก็มี ใช้อรูปเป็นอารมณ์ก็มี

อย่างไรก็ตาม พรหมท่านต่างจาก มนุษย์และเทวดา ด้วยท่านเกิดโดยผลของสมาธิ เป็นบุญกุศลที่ต่อเนื่องและสงบจากกิเลส ด้วยอำนาจของฌานข่ม นิวรธรรม 5 ไว้ได้ ซึ่งหากพูดรวมๆ ก็คือ ท่านสามารถข่มกามตัณหา ความพยาบาท ความง่วง ความฟุ้งซ่าน และความลังเลสงสัยในธรรมได้ พรหมนั้นจะยังมีเพียงกิเลสเบาบาง เช่น ภวตัณหา คือ ความพอใจในภพภูมิ คือ การเกิดในพรหมโลก จนกว่าจะหมดบุญพ้นจากพรหมโลกแล้ว กลับมาเกิดในกามภูมิ กิเลสเหล่านี้จึงค่อยได้ช่องกลับมาเกิดขึ้นในจิตใจใหม่

ขณะที่เกิดเป็นพรหมอยู่นั้น อรูปพรหมนั้นไม่มีรูปเลย มีแต่นามธรรมคือ จิตและเจตสิกเกิดขึ้น แม้รูปพรหมจะมีรูปร่างกาย แต่ก็เป็นกายละเอียด และยังไม่มีอายตนะที่เป็นไปเพื่อกิเลสหยาบ คือ รูปพรหม ไม่มีรูปเหล่านี้ ได้แก่ กายปสาท (รับสัมผัส) ฆานปสาท (รับกลิ่น) ชิวหาปสาท (รับรส) และไม่มีภาวะรูป (คือไม่มีเพศ)

ที่กล่าวมานี้ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า การเจริญเมตตานั้น ควรต้องทำความเข้าใจ สำหรับมนุษย์นั้น มีข้อที่พึงรู้พึงศึกษาที่สำคัญประการหนึ่งคือ การเจริญเมตตานั้น ต้องเริ่มโดยใช้การแผ่ไปในสัตว์บุคคลเป็นอารมณ์ โดยใช้บุคคลประเภทต่างๆ จนไปถึงการแผ่แบบไม่เจาะจงถึงสัตว์ทั้งหลายทั่วทิศ ปัญหาจะอยู่ที่การแผ่ให้แก่บุคคลนั้น พึงระวังมิให้แผ่ให้แก่บุคคลซึ่งเป็นเพศตรงข้ามกับตน เพราะกระทำให้มากแล้ว จะทำให้ราคะเกิดขึ้นได้

การเจริญเมตตานั้น บางครั้งก็อาจไม่เข้าถึงความมีจิตสงบแนบแน่นเป็นฌานจิต แต่ก็เป็นบุญกุศล บางท่านเจริญเมตตาในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็พึงระวังข้อนี้ด้วย เพราะอาจก่อให้เกิดความรักความพอใจในทางโลกได้ อาจจะเป็นข้อนี้หรือไม่ที่หลายครั้งผู้ที่ปฏิบัติธรรมกลายเป็นเกิดความชอบพอ เกิดความรัก เพราะตั้งเมตตาไว้ในบุคคลเฉพาะซึ่งเป็นเพศตรงข้ามกับตน ซึ่งเป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์ต่อนักบวช ซึ่งบางครั้งท่านอาจไม่ได้ตั้งใจให้เกิดความรักความพอใจเชิงชายหญิง

ดังนั้น เรื่องนี้ผู้เข้าปฏิบัติหรือผู้ที่เจริญเมตตากรรมฐาน หรือเจริญเมตตาในชีวิตประจำวัน พึงระมัดระวัง

เมตตาเป็นพรหมวิหารธรรมนั้นจริงอยู่ แต่อย่าลืมว่า พรหม ท่านสงบจากกามกิเลส ท่านมีสภาพที่ต่างจากมนุษย์เรา เพราะท่านเกิดจากผลของฌาน แต่พวกเรานั้นยังอยู่ใน กามภูมิ มีอายตนะครบ มีกิเลสบริบูรณ์ การเจริญเมตตาจึงต้องระมัดระวังศึกษาให้ดี ระวังอย่าเจริญเมตตาโดยเฉพาะเจาะจงแก่บุคคลที่เป็นเพศตรงข้าม

ข่าวล่าสุด

คดีพลิก สหรัฐฯปลดล็อกขายชิปให้จีน แต่รัฐบาลจีนอาจไม่อยากซื้อ