Think Green
วิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
การประหยัดพลังงานก็เป็นอีกหนึ่งแนวความคิดหลักของ
“กระแสสีเขียว”เพราะมาตรการต่างๆ ที่ใช้กระตุ้นและส่งเสริมให้มีการประหยัดพลังงานล้วนแต่มีผลต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้สิ้นเปลืองน้อยลง เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด อีกทั้งเป็นการลดปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมให้น้อยลงด้วย
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือการมอบรางวัลแก่นักออกแบบ
“เครื่องซักผ้าประหยัดพลังงาน” ของประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมประเทศหนึ่งการออกแบบเครื่องซักผ้าประหยัดพลังงานที่ว่านี้ ทำให้ผู้ออกแบบ (Designer) ต้องเพิ่มมุมมองในการคิดอย่างเป็นระบบและครบวงจร คือ เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตเครื่องซักผ้า (ซึ่งผูกโยงไปถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบด้วย) กระบวนการผลิตเครื่องซักผ้า ปัญหามลพิษต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต เศษซากของเครื่องซักผ้าที่จะต้องทำลายเมื่อเครื่องซักผ้าหมดอายุใช้งาน รวมตลอดถึงคุณสมบัติของผงซักฟอกที่ใช้กับเครื่องซักผ้า ซึ่งทำให้เกิดน้ำเสียจากการซักผ้า เป็นต้น
การผลิตเครื่องซักผ้าที่ประหยัดพลังงาน จึงคิดถึงตัวเครื่องซักผ้าอย่างเดียวไม่ได้
วิธีคิดอย่างเป็นระบบครบวงจรเช่นนี้ จึงต้องอาศัยความคิดในเชิงของการวิเคราะห์เจาะลึกโดยมีความรู้ด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและมีความเข้าใจในเรื่องของนิเวศน์เศรษฐกิจด้วย ซึ่งเป็นเทคนิควิธีที่เรียกกันในภาษาวิชาการว่า
“การประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์” (Life Cycle Assessment : LCA)ในกรณีของเครื่องซักผ้าประหยัดพลังงานนี้ ประเด็นหลัก คือ เรื่องของประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้ากี่มากน้อย ซึ่งเราก็ต้องนำเอา
“คุณสมบัติของผงซักฟอก” มาพิจารณาร่วมด้วย เพราะประสิทธิภาพในการใช้พลังงานไม่ได้อยู่ที่ตัวเครื่องยนต์กลไกของตัวเครื่องซักผ้าแต่เพียงอย่างเดียวคุณสมบัติของผงซักฟอกที่ประหยัดพลังงานจึงมักจะพิจารณาจากปริมาณน้ำที่ต้องใช้เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกบนเสื้อผ้าให้สะอาดรวมทั้งหมดคราบลื่นผงซักฟอกด้วย
ดังนั้น บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค จึงให้ความสำคัญกับการออกแบบผงซักฟอกที่มีพลังในการกำจัดคราบสกปรกสูง (ใช้แต่น้อย แต่สะอาดหมดจดมากขึ้น) ตัวอย่างเช่น ผงซักฟอกแบบเดิมต้องใช้น้ำ 5 ถัง แต่ผงซักฟอกรุ่นใหม่จะใช้น้ำเพียง 2 ถัง เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกบนเสื้อผ้า เป็นต้น เมื่อปริมาณการใช้น้ำลดลง เครื่องซักผ้าก็ปั่นซักน้อยครั้งลง กินไฟน้อยลง ผู้ใช้ก็จ่ายค่าไฟฟ้าถูกลง
การใช้น้ำน้อยลง คือการประหยัดทรัพยากรธรรมชาติในเรื่องน้ำ พร้อมๆ กับที่สามารถประหยัดพลังงานได้ด้วย ซึ่งเชื่อมโยงไปไกลถึงโรงผลิตไฟฟ้าด้วย
วัตถุประสงค์ในการประหยัดพลังงาน จึงเกี่ยวข้องและเป็นวัตถุประสงค์ที่สำคัญของการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมด้วย
แม้ว่าการใช้พลังงานจะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และมีผลต่อการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น (ในส่วนที่เกี่ยวกับการผลิตสินค้าหรือบริการ) แต่การผลิตและการบริโภคพลังงานจะไม่สามารถกระทำได้อย่างยั่งยืน หากการบริโภคพลังงานนั้นทำให้เกิดปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น
ทุกวันนี้ภาครัฐจึงจำเป็นต้องสร้างเสริมและปรับปรุงระบบพลังงานที่เป็นอยู่ให้ทันสมัยและมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้พลังงาน รวมตลอดถึงการพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทนและพลังงานใหม่ๆ (แทนแหล่งพลังงานฟอสซิลเดิมที่เพิ่มก๊าซเรือนกระจกหรือเพิ่มภาวะโลกร้อน) เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม น้ำ ชีวภาพ ความร้อน เป็นต้น
และที่สำคัญที่สุดที่จะต้องตอกย้ำก็คือ การประหยัดพลังงานจะต้องดำเนินไปในลักษณะที่สามารถลดปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ลงด้วย
แนวความคิดข้างต้นนี้ ควรจะต้องปลูกฝังหยั่งลึกในใจของพวกเราทุกคน โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม
เรื่องนี้จึงหนีไม่พ้นที่พวกเราจะต้อง Think Green ให้มากขึ้นคือ คิดให้เป็นสีเขียว
เพราะ
“การคิดให้เป็นสีเขียว” เท่านั้น ที่จะทำให้เราอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าและมีความสงบร่มรื่นกลมกลืนกับธรรมชาติมากขึ้น และเป็นหลักประกันที่จะทำให้พวกเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้วันนี้หากพวกเรา Think Green แล้วก็จะรู้ว่า What a Wonderful World ครับผม !


