เก็บภาษีคนโสดเซย์โนสนั่นเมือง
ขำๆ ฮาๆ กับการแชร์ภาพวาดการ์ตูนล้อเลียนข่าวเกี่ยวกับการเก็บภาษีคนโสด จากเพจ “Jaytherabbit”
โดย...ปอย
ขำๆ ฮาๆ กับการแชร์ภาพวาดการ์ตูนล้อเลียนข่าวเกี่ยวกับการเก็บภาษีคนโสด จากเพจ “Jaytherabbit” ภาพวาดลายเส้นรูปเจ๊กระต่ายขวัญใจสาวโสด นางประกาศโจ่งแจ้งสื่อไปถึงชมรมคนชอบเกาะคานทั้งหลายว่า “ต้องรีบมีผัวเพราะกลัวภาษี”?!!
ที่มาที่ไปก็มาจากไอเดียโด่งดังกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เพียงข้ามคืนกับแนวคิด “เก็บภาษีคนโสด” หนึ่งในข้อเสนอจาก “เทอดศักดิ์ ชมโต๊ะสุวรรณ” เลขานุการคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จากเวทีอภิปราย “การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและนโยบายการรองรับในสองทศวรรษหน้า” โดยวิเคราะห์ว่า ไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน โครงสร้างประชากรไม่สมดุล และต้องเสียงบประมาณดูแลผู้สูงอายุจำนวนมาก ขณะที่ประชากรในวัยรุ่นวัยทำงานมีแนวโน้มเพิ่มต่ำลงและอัตราการเจริญพันธุ์ของไทยต่ำมาก 1 คู่สมรส มีลูกเพียง 1 คน ทั้งที่จริงต้องมีลูกขั้นต่ำ 2-3 คน ถึงจะเพียงพอต่อการทดแทนประชากรเดิมที่ตายไป
อีกทั้งแนวโน้มสังคมเมืองและเศรษฐกิจที่เติบโตรวดเร็ว หนุ่มสาวไทยก็ขอมีลูกน้อยๆ ดีกว่า เพราะเมื่อเศรษฐกิจดีหนุ่มสาวจะเลือกทำงานเพื่อสร้างฐานะ ความมั่นคงในชีวิตมากกว่าการหาคู่แต่งงานสร้างครอบครัว
อาจารย์เทอดศักดิ์กลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน กล่าวว่า แนวทางแก้ไขภาครัฐควรออกนโยบายสนับสนุนให้คนไทยมีลูกเพิ่มขึ้น เช่น โครงการลูกคนแรก โดยรัฐช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายการเลี้ยงดูให้กับครอบครัวที่มีลูกคนแรก รวมถึงให้เงินอุดหนุน หรือลดภาษีสำหรับครอบครัวที่มีลูกคนที่ 2 และ 3 และให้เรียกเก็บภาษีคนโสดคนไม่มีลูก เพื่อลดภาระงบประมาณในการจัดสรรสวัสดิการในอนาคต
เรื่องอย่างนี้ทั้งคนโสด คนไม่โสด ขอออกความเห็น ขอเสนอแนะ
โสดๆ แบบนี้ ดิฉัน/ผมเสียภาษีเยอะนะ!
ล่าสุด ลวรรณ แสงสนิท รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง บอกปัจจุบันคนโสดก็มีความเสียเปรียบเรื่องการหักลดหย่อนภาษีที่มีการหักได้น้อยกว่าคนที่มีครอบครัวอยู่แล้ว หากมาคิดเก็บภาษีเพิ่มจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมคนโสด รวมทั้งยืนยันไม่เคยมีแนวคิดเก็บภาษีคนโสด ย้ำหลักการเก็บภาษีพิจารณาจากรายได้เป็นหลัก ไม่เกี่ยวว่าโสดหรือแต่งงานแล้ว เพราะฉะนั้นคนโสดก็อย่าเพิ่งโวยวายว่าถูกกระหน่ำซ้ำเติม อย่างน้อยก็เบาใจได้ ไม่ใกล้ความจริงสำหรับไอเดียนี้
เซเลบริตีสาวสวย กรกนก ยงสกุล บอกว่า ตอนแรกก็กลัวว่าถ้าเป็นความจริง ก็แย่เลยนะ เพราะเบเนฟิตเรื่องลดหย่อนภาษีก็เป็นเรื่องที่คนไม่โสดได้ผลประโยชน์กันอยู่แล้ว
“พอได้ยินข่าวนี้ คิดเลยค่ะว่าไม่แฟร์สำหรับเราเลยค่ะ เพราะเล็กก็เป็นคนเสียภาษีเงินได้ต่อเดือนก็ประมาณตัวเลข 5 หลักอยู่แล้ว และเริ่มเสียภาษีไม่น้อยตั้งแต่ทำงานแรกๆ เลยด้วยค่ะ ตอนเรียนจบปริญญาโทบริหารธุรกิจการตลาด ที่ FIDM เริ่มงานที่หลุยส์วิตตอง นอร์ทอเมริกา ก็โดนหักภาษีตั้งแต่รับเงินเดือนแรกเลยค่ะ 910 เปอร์เซ็นต์ สำหรับรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นเรตที่สูงเพราะเป็นเมืองเกี่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยวที่ต้องนำเงินไปพัฒนาเมืองจำนวนมาก แต่พอกลับมาเป็นคนกรุงเทพฯ ก็รู้สึกว่าภาษีเรากลับมาพัฒนาเมือง ถนนหนทาง ได้ไม่คุ้มค่าเลยนะคะ” กรกนก สาวโสดสนิท (อีกครั้ง) บอกยิ้มแย้ม
เรื่องโสดเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องกับภาษี และในอายุ 30 ปีวันนี้ น้องเล็กกรกนก บอกว่า พร้อมที่จะแต่งงานแล้ว แต่ยังหาคนที่พร้อมไปด้วยกันไม่เจอ! ไม่ใช่เรื่องคิดง่ายๆ ทำง่ายๆ นะเรื่องแบบนี้
หนุ่มโสดโปรไฟล์เด็กวัดร้อยล้าน ศุภากร ประทีปถิ่นทอง หนุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าธุรกิจร้อยล้าน แสดงความเห็นในข่าวนี้ว่า ฟังตอนแรกนึกว่าเป็นเรื่องแซวกันเล่นๆ ขำๆ แต่พอตามไปอ่านข่าวก็ได้รู้ว่าเป็นเพียงไอเดียข้อเสนอแนะของนักวิชาการเศรษฐศาสตร์คนหนึ่ง “แนวคิดไม่น่าจะผ่านออกมาเป็นกฎหมายแน่นอนครับ เพราะการจัดเก็บรายได้ผมก็เชื่อว่ายังเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐวางไว้ โดยการเก็บภาษีเป็นเรื่องที่รัฐบาลทำตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติ คนไหนมีรายได้ที่เข้าเกณฑ์ก็ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว ปัจจุบันนี้ผมเสียภาษีเกือบ 6 หลักต่อเดือนนะครับ ซึ่งผมก็ถือว่าเป็นหน้าที่ที่เราต้องจ่ายให้ประเทศ เต็มใจ ยินดีจ่ายครับ แล้วก็ไม่ได้โฟกัสด้วยว่ารัฐบาลใช้ภาษีเราคุ้มค่าหรือไม่? เพราะการพัฒนาในบางเรื่องก็ไม่ได้สรุปว่าจะต้องเห็นผลได้ชัดๆ ง่ายๆ หรอกนะครับ แล้วถ้าต่อไปมีการเก็บภาษีคนโสดจะเป็นไปได้ขึ้นมา ผมก็ไม่กระทบมากเพราะคงไม่ทำงานจนเสียภาษีหมดตัวอะไรอย่างนั้นหรอกครับ” ศุภากร บอกพลางออกตัวว่า โนคอมเมนต์จริงๆ กับเรื่องนี้
นอยด์! ทำไม (หรา???) คนออนไลน์?!!
จัดเป็นหนุ่มป๊อปปูลาร์ในสังคมออนไลน์ @NochPH ชื่อทวิตเตอร์และอินสตาแกรม Noch Hautavanija เฟซบุ๊กของ พัสณช เหาตะวานิช ชาวโซเชียลมีเดียคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี หนุ่มเฟิร์สจ๊อบเบอร์รับหน้าที่เป็นหนึ่งในทีมกรณ์ ทีมงานของ กรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง เมื่อขอให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับไอเดียของนักวิชาการมีการเสนอแนวคิด “เก็บภาษีคนโสด ภาษีคนไม่มีลูก” เพื่อกระตุ้นให้มีครอบครัวเพื่อลดภาระงบประมาณ ลดการใช้สวัสดิการดูแลของภาครัฐในอนาคต หนุ่มหน้าใสคนนี้ตอบได้อย่างน่าฟังและย้ำชัดว่าคงไม่เกิดขึ้นจริงเร็วๆ นี้ เพราะเป็นแค่ความเห็นนักวิชาการ ยังไม่ถึงขั้นที่รัฐบาลรับไปทำต่อ
“พิจารณาเหตุกับผลแล้ว ดูไม่ใช่วิธีที่แก้ปัญหาตรงจุดเลยนะครับ กับการกระตุ้นให้คนแต่งงานทยอยมีลูกกันมากขึ้น ผมมองว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ แต่น่าจะเป็นเรื่องคุณภาพของประชากรมากกว่า” พัสณช ออกความเห็นแย้งข้อแรกและข้อต่อมาเมื่อนำรายได้จากภาษีคนโสดไปลดภาระงบประมาณในการจัดสรรสวัสดิการในอนาคต ประเด็นนี้ไม่สะท้อนการแก้ปัญหาอีกเช่นเดียวกัน ถ้าวัดจากสถิติการเสียภาษีของคนไทยแล้ว จากประชากรราว 65 ล้านคน มีสถิติคนเสียภาษีเงินได้ ก็แค่ประมาณ 10 ล้านคนในประเภทภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
“แล้วเวลาเราเสียภาษี ก็มีหลายๆ ช่องทางให้กรอกลดหย่อน ก็กลายเป็นว่าที่สุดแล้วมีคนที่ต้องเสียภาษีเหลือแค่ 2-3 ล้านคนเท่านั้นในแต่ละปีลดลงไปอีก เพราะฉะนั้นถ้าเพิ่มปริมาณกับการเก็บภาษีคนโสด ถ้ากลายเป็นว่าถึงแม้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงก็น่าจะกระทบคนเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรคนไทยเท่านั้น แต่ตอนนี้รัฐบาลยังไม่มีนโยบายภาษีเรื่องนี้นะครับ เป็นเพียงแนวคิดของนักวิชาการท่านหนึ่งเท่านั้น และยังไม่ได้เป็นกระบวนการนำเสนอต่อผู้มีอำนาจในเรื่องนี้คือสรรพากร โดยล่าสุดโฆษกกรมสรรพากรยืนยันไม่เคยมีแนวคิดเก็บภาษีคนโสด หรือลดหย่อนให้ครอบครัวที่มีบุตร 23 คน และย้ำหลักการเก็บภาษีพิจารณาจากรายได้เป็นหลัก ไม่เกี่ยวว่าโสดหรือแต่งงานแล้ว” พัสณช บอกอีกว่า ขณะที่โลกออนไลน์แสดงความคิดเห็นกระหน่ำแสดงความไม่พอใจ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก มีการเปลี่ยนสเตตัส หรือแชร์ เพจข้อความเกี่ยวกับแนวคิดนี้
“แต่กับการที่รัฐบาลก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรจริงจังแต่แรก ก็เหมือนกับไม่ได้สนใจให้ข้อมูลในเรื่องนี้ซึ่งก็เป็นเรื่องสำคัญในทางการเมือง คนจึงกระหน่ำตำหนิในเรื่องนี้ แล้วลามไปถึงการด่าทอรัฐบาล ผมคิดว่าก็ไม่แฟร์นะครับ เพราะความเห็นส่วนใหญ่มักใช้ความสะใจมากกว่ามาวิพากษ์วิจารณ์กันด้วยเหตุผล ซึ่งการที่สังคมเฟซบุ๊กเป็นอย่างนี้ มันคือการสะท้อนว่าเวลามีความเห็นอะไรที่ไม่ฉลาดออกมาแบบนี้ ประชาชนไทยกลับพร้อมที่เชื่อทันทีว่าเป็นความคิดของรัฐบาล ผมคิดว่า... ก็คงเป็นเพราะรัฐบาลได้ทำในสิ่งไม่ฉลาดแบบนี้เรื่อยมาให้คนไทยเอือมระอาจนชิน” พัสณช บอกน้ำเสียงเรียบๆ ความหมายแรงๆ
สำหรับหนุ่มวัยทำงานอนาคตไกล พัสณช บอกว่า ด้วยหน้าที่การงานหลังเรียนจบปริญญาตรีบัญชี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขาเริ่มงานในแวดวงการเงินหลากหลายหน้าที่ ทั้งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีชื่อ KPMG ที่เป็นบิ๊กโฟร์ของวงการออดิตโลก และมีงานเสริมเกี่ยวกับธุรกิจประกัน รายได้ต่อปีมากก็ต้องเสียภาษีไม่น้อยเป็นเงาตามตัว และด้วยหน้าที่การงานในวันนี้กับการเป็นคณะกรรมการติดตามและประเมินนโยบายรัฐบาลด้านเศรษฐกิจ พัสณช บอกว่า เขาเต็มใจเสียภาษีเพื่อพัฒนาประเทศ แต่ก็มีสิ่งไม่เต็มใจที่จะให้เงินก้อนนี้ออกจากกระเป๋าเช่นกัน
“งานนี้ทำให้ผมเห็นว่ารัฐนำภาษีไปถลุงอย่างไร้ประสิทธิภาพและเป็นไปอย่างฟุ่มเฟือย ดังนั้นในฐานะผู้เสียภาษีก็จะหาทางลดหย่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ในปี 25522553 รัฐบาลอภิสิทธิ์มีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากวิกฤตการเงินแฮมเบอร์เกอร์ ใครไปพักในโรงแรมที่จดทะเบียนเสียภาษีถูกต้อง ก็นำใบเสร็จมาลดหย่อนได้ด้วยนะครับ หรือการบริจาคให้วัด โรงเรียน โรงพยาบาล ซื้อกองทุนต่างๆ ผมทำทุกวิธีเลยครับ เพื่อที่จะทำให้เราเสียภาษีน้อยที่สุด” พัสณช บอก และกับมอตโตในการใช้ชีวิต “จงภาคภูมิใจในความเป็นโสดSingle and Proud” เขาเป็นคนหนึ่งที่เลือกโสด พูดเลย
“คนสมัยนี้ผมคิดว่าหลายๆ คนที่คิดแบบผม ยินดีเลือกที่จะเป็นโสดนะครับ สำหรับตัวผมเองก็มีเหตุผลโสดเพราะไม่รู้จะแต่งงานไปทำไม เพราะการจดทะเบียนสมรสของคนเพศเดียวกันยังเป็น พ.ร.บ.ที่กำลังร่างอยู่ ยังไม่ออกเป็นกฎหมายรองรับเลยครับ” พัสณช บอกยิ้มๆ ตรงๆ
‘ไม่โสด’ ก็อยากขอลดหย่อนภาษี
ยิ่งกระตุ้นให้คนมาแต่งงานกัน มีสามีมีภรรยาเพื่อเลี่ยงภาษี อย่างที่การ์ตูนเจ๊กระต่าย“Jaytherabbit” เขียนล้อเลียนไว้ขำๆ สนั่นๆ เฟซบุ๊ก แต่หญิงสาวเวิร์กกิงมัมรุ่นใหม่ ก็ขอบอกชัดๆ ว่า ถ้ากระตุ้นให้แต่งงานเพื่อให้คนสร้างครอบครัว เพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นคู่ชีวิตอยู่ดูแลกันและกันไปจนวันตายอะไรประมาณอย่างนั้น รัฐบาลก็จะได้ไม่ต้องเสียงบประมาณดูแลผู้สูงอายุจำนวนมากต่อไป ประเด็นนี้สาวสวยไม่โสด และกำลังจะเป็นว่าที่คุณแม่คนใหม่ สุทิพา ปัญญามหาทรัพย์ บอสการตลาดผลิตภัณฑ์เส้นผมและทันตผลิตภัณฑ์ ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง ขอฟันธงเลยว่า “ผู้หญิงสมัยใหม่ ถึงแม้แต่งงานไปก็ไม่ได้คิดพึ่งสามีร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้วค่ะ”
เพราะฉะนั้นเรื่องใช้เหตุผลนี้มากระตุ้นให้คนไทยรีบๆ ไม่โสด ก็ไม่น่าจะเกาถูกที่คัน (เลยนะคะ!)
“ถ้าเพื่อวัตถุประสงค์เพื่อการทดแทนประชากร ที่อัตราการเจริญพันธุ์ของไทยขณะนี้ต่ำมากเพียง 1.6 ต่อครอบครัว หรือ 1 คู่สมรส มีลูกเพียง 1 คนกว่าเท่านั้นเอง ก็อยากเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องกฎหมายสวัสดิการลดภาษีสำหรับครอบครัวมากกว่าค่ะ ยูนิลีเวอร์ ลาคลอดได้ 3 เดือนWith Payตลอดเวลาที่ลาคลอด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศพัฒนา
แล้วตอนเรียนเมืองนอกดิฉันชอบสวัสดิการของอังกฤษ กฎหมายWith Payให้สวัสดิการถึง 6 เดือนเลย แล้วยังสามารถต่อเวลาหยุดได้อีก ซึ่งคุณแม่บางคนก็หยุดงานได้โดยบริษัทก็
ยังเก็บตำแหน่งได้นานถึง 1 ปี โดยหักเงินเดือน 30-50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งล่าสุดดิฉันก็ได้ข่าวว่าฝ่ายชายก็ลางานเพื่อดูแลลูกได้อีกด้วย ก็อยากให้กฎหมายเรื่องนี้จริงจังขึ้นมาด้วยนะคะ”สุทิพา กล่าวในฐานะคนทำงานที่ไม่โสด
ซึ่งก็ดูจะเป็นวัฒนธรรมคนทำงานองค์กรนี้ ที่ได้เห็นภาพหญิงสาวคนทำงานเวิร์กกิงมัมเงินเดือนระดับสูง แบกท้องโตๆ เดินไปมาในออฟฟิศทำงานจนถึงเดือนที่ 8 ดาบก็แกว่งมือก็ไกว บางคนก็ลากยาวทำงานจนวินาทีสุดท้าย จนกระทั่งเข้าห้องคลอด รพินท์นิภา เกียรติธนฉัตร์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและเส้นผม ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง บอกสำทับเพื่อนในออฟฟิศเดียวกันว่า การมีครอบครัว การลูกมีค่าใช้จ่ายเยอะมากๆ ภาษีลดหย่อนที่รัฐบาลให้ก็น้อยนิดมาก
“แต่งงานไปมีลูกค่าใช้จ่ายก็ตามมาเป็นดับเบิลทันทีค่ะ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเทอมลูก ซึ่งแพงมากๆ เด็กๆ สมัยนี้ เสียค่าเทอม 4-5 หมื่นบาท ตั้งแต่เนิร์สเซอรี พอเด็กๆ เข้าโรงเรียนอนุบาลก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายแรกเข้าเรียน ร่วม 1 แสนบาท แต่เมื่อดิฉันคิดว่าค่าเล่าเรียนของลูกคือการลงทุนระยะยาวอย่างหนึ่ง ดิฉันมองว่าก็ไม่ได้แตกต่างจากการลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือLTFที่นำมาลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะคะ ดิฉันเคยติดตามสามีไปใช้ชีวิตที่ประเทศสิงคโปร์ กฎหมายภาษีของเขาดีมาก ที่ว่าทันทีที่คุณท้อง ก็รอรับเงินจากรัฐบาลก้อนใหญ่คนละ 1 ก้อน เพราะเขาสนับสนุนให้คนมีลูก โดยรัฐช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย การเลี้ยงดูคนที่มีคุณภาพในอนาคตได้อย่างดีที่สุด
ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ผู้หญิงสมัยนี้ก็ต้องขวนขวายออกไปทำงานนอกบ้านกันทั้งนั้น แล้วภาษีในไทยที่มีลูกแล้วหักลดหย่อนได้ ก็หักได้นิดหน่อยจริงๆ ค่ะ การบริจาคเงินยังลดได้มากกว่าด้วยซ้ำไป แล้วหักได้เพียงสามีหรือภรรยา คนใดคนหนึ่งเท่านั้นด้วยนะคะ“รพินท์นิภา กล่าว


