posttoday

รุจิษยา ทิณรัตน์ นางเอกมากความสามารถ

18 สิงหาคม 2556

ยอมรับว่าแรกพบ เอิร์ทรุจิษยา ทิณรัตน์ ดีกรีนางเอกละครเวทีนิเทศ จุฬาฯ “ปิ๊กกะแอน” ทำให้ภาพนางเอกหน้าหวาน ผมยาวเป็นลอน ที่เคยมีสลายจากจินตนาการไปในบัดดล

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ ไม่เครดิต

ยอมรับว่าแรกพบ เอิร์ทรุจิษยา ทิณรัตน์ ดีกรีนางเอกละครเวทีนิเทศ จุฬาฯ “ปิ๊กกะแอน” ทำให้ภาพนางเอกหน้าหวาน ผมยาวเป็นลอน ที่เคยมีสลายจากจินตนาการไปในบัดดล เพราะสาวน้อยตากลม ผิวน้ำผึ้งตรงหน้า ช่างดูทะมัดทะแมง ออกจะซนๆ แก่นๆ ไม่ได้เรียบร้อยหรือฉายออรานางเอกแม้แต่น้อย

ทว่า ความฉงนและค้านในใจก่อตัวขึ้นเพียงไม่นาน ก็มลายหายไป

nnจี้ดสุดๆ : นางเอกเด็กเส้น?

ใกล้รูดม่านเปิดฉากเต็มทีแล้วสำหรับละครเวทีประจำปีของนิเทศ จุฬาฯ แน่นอนว่ากว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างบนเวทีให้ได้ชมกัน ต้องอาศัยแรงกายและแรงใจมหาศาล หนึ่งในนั้นคือ นางเอกของละคร เพราะปีนี้ในฐานะซีเนียร์เธอสวมหัวโขนทั้งในฐานะนางเอกและแอ็กติงโค้ช

“ตอนแรกที่มาแคสก็ไม่ได้คิดว่าต้องเป็นนางเอก จนพอแคสผ่านผู้กำกับไม่กล้ามาบอกเราตรงๆ ใช้โทรมาบอก เพราะรู้ว่าเราต้องเครียดแน่ๆ กลัวคนเมาท์ว่าเป็นรุ่นพี่ เป็นแอ็กติงโค้ช เลยเลือกตัวเอง แต่พอหนูคิดได้ว่า เราได้บทนี้มาไม่ใช่เพราะเลือกตัวเอง แต่เพราะคนเขียนบทเห็นว่าเราเหมาะสมจึงเลือก หนูก็เลยคิดได้ และตัดความกังวลออกไป เพราะเสียงเมาท์พวกนี้ไม่ได้ทำให้ละครดีขึ้น แต่ความตั้งใจที่จะพิสูจน์ให้ผู้ชมเห็นต่างหากคือสิ่งสำคัญ”

ทั้งนี้ ถ้าไม่นับงานอาสาที่ไปแจมออกกอง ถ่ายเอ็มวี ให้รุ่นพี่ เพื่อนๆ ในคณะ งานละครเวทีที่คณะที่ได้มีโอกาสเป็นนางเอกมาแล้ว 1 เรื่อง นางร้าย 1 เรื่อง ตอนประถมปลายเธอยังเคยมีโอกาสร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง อ๊อฟพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และนิรุตติ์ ศิริจรรยา มาแล้ว ในเรื่อง สี่แผ่นดิน รับบทเป็น คุณเชย และเรื่องอยู่กับก๋ง รับบทเป็น ลำดวน เพราะฉะนั้นเรื่องฝีไม้ลายมือทางการแสดงต้องบอกว่าไม่ใช่ไก่กา

ย้อนมาที่คาแรกเตอร์ที่ได้รับในปีนี้ เอิร์ท บอกว่า รับบทเป็น แอน พนักงานเพจเจอร์วัย 27 ปี ถามว่ายากมั้ย เอิร์ทตอบอย่างไม่ต้องคิดว่า ยากมากที่สุด เพราะคาแรกเตอร์ค่อนข้างใกล้เคียงกับชีวิตจริง ดังนั้น โจทย์ใหญ่คือ ต้องทำอย่างไรให้ตัวละครมีมิติ ให้ผู้ชมรู้สึกว่าเธอกำลังสวมบทแอน ไม่ใช่เล่นเป็นตัวเอง

nnเปิดประตูสู่วงการ (ละครเวที)

ส่วนจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กหญิงขี้อาย เคยหาข้ออ้างสารพัดกับคุณแม่ เพียงเพื่อไม่อยากไปแคสงานแสดง แต่กลับตัดสินใจก้าวเข้าแคสบทเพื่อเล่นละครเวทีให้คณะนั้น เอิร์ท เล่าว่า ตอนปี 1 มีโอกาสไปเล่นละครทีซิสให้รุ่นพี่ ปรากฏว่ามีพี่ที่คณะเห็นแวว เลยชวนให้มาลองแคสบทละครคณะดู

“ตอนแรกเอิร์ทก็กลัวนะ กลัวว่าเราจะรับผิดชอบตัวเองได้หรือเปล่า ทั้งเรียนทั้งซ้อมละคร แต่ปรากฏว่าพอเราเข้ามาทำงานตรงนี้ เราเรียนได้ดีกว่าเดิมอีก เหมือนเรากดดันตัวเองให้ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ต้องสู้มากกว่าคนอื่น เน้นตั้งใจเรียนในห้องมากๆ จะได้ไม่ต้องอ่านหนังสือเยอะ เวลาที่ความรับผิดชอบเข้ามามาก เอิร์ทจะใช้วิธีตกลงกับตัวเอง ว่าเรามีเป้าหมายแบบนี้ เราต้องสู้แบบไหน”

อีกอย่างที่สำคัญคือ เอิร์ท ยอมรับว่าเป็นพวกคิดเข้าข้างตัวเอง คือ คิดแต่ว่าถ้าเราผ่านความเหนื่อยลำบากครั้งนี้ไปได้ พอโตขึ้นมาเราจะเก่งมาก บางคนอาจจะเห็นว่าการที่เอิร์ทมาทุ่มเทให้กับงานคณะอาจทำให้เสียสุขภาพ เสียโอกาสที่จะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น แต่เอิร์ทมองว่าเอิร์ทกำลังถมโอกาสให้ตัวเองต่างหาก

“เอิร์ทไม่อยากเรียนจบออกไปแล้วเสียใจว่า ตอนที่เรียน 4 ปี เอิร์ทน่าจะทำกิจกรรมมากกว่านี้ สิ่งที่เอิร์ทได้จากการทำกิจกรรม คือ เรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่น ตอนปี 1 เอิร์ทไม่ใช่เด็กที่อินกับคณะ แต่พอมาทำงานกับเพื่อน เอิร์ทรู้สึกมีความสุขเวลาอยู่คณะมากขึ้น เรื่องความสามารถในการเล่นละคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพิ่มขึ้นแน่นอน ถึงไม่ได้เก่งที่สุด แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้เรารู้จุดด้อยของตัวเอง แล้วเอามาแก้ไขปรับใช้”

จบบทสนทนาตรงนี้ เชื่อว่าด้วยความคิดความอ่านที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัวของเธอ คงทำให้หลายๆ คนรู้แล้วใช่มั้ยว่า ทำไมความฉงนกังขาที่มีตอนตั้งต้นมลายหายไปจนหมดสิ้น

ข่าวล่าสุด

สูตรไลฟ์ขายของจาก “จูน-กษมา–เชน ธนา”ทำยังไงให้ขายได้ ไม่ใช่แค่มีคนดู