สมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระองค์ที่ 11 จากราชสกุลชมพูนุท
เมื่อผมเตรียมเสนอพระประวัติพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระองค์ที่ 11 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
โดย...สมาน สุดโต
เมื่อผมเตรียมเสนอพระประวัติพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระองค์ที่ 11 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามอีกตำแหน่งหนึ่ง ผมจึงเดินทางไปที่วัดซึ่งเป็นที่ตั้งสุสานหลวง อยู่ริมคลองหลอด ใกล้สี่กั๊กพระยาศรี เพื่อหาสิ่งที่ควรรำลึกถึงในสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นหม่อมเจ้าราชสกุลชมพูนุท และทรงพระนามว่าสมเด็จพระสังฆราชเจ้าเป็นพระองค์แรก เมื่อรัชกาลที่ 7 โปรดเลื่อนพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ใน พ.ศ. 2469
อนุสรณ์ในวัด
ที่พบในวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นวัดประจำรัชกาลเมื่อ พ.ศ. 2412 คือพระรูปหล่อแทนสมเด็จพระสังฆราชเจ้าที่ประดิษฐานในซุ้มพระเจดีย์ มีอัษรย่อพระนาม ชส ประดิษฐานด้านบน ยืนยันว่าเป็นพระรูปหล่อพระองค์ท่านแน่นอน ทั้งนี้เพราะวัดนี้มีสมเด็จพระสังฆราช 2 พระองค์ นอกจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระองค์ที่ 11 ที่ดำรงตำแหน่งในรัชกาลที่ 68 แล้ว ก็มีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์มหาเถระ) ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 18 ในรัชกาลปัจจุบันอีกพระองค์หนึ่ง
จากพระเจดีย์ มาที่ระเบียงพระอุโบสถ จะพบพระฉายาลักษณ์ประดิษฐานที่กำแพง บอกถึงลำดับเจ้าอาวาสรูปที่ 2 เมื่อออกจากระเบียงไปที่ประตูทางออก จะพบแผ่นป้ายแสดงประวัติเจ้าอาวาสตั้งแต่รูปแรก จึงมีพระประวัติสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นั้นด้วย แต่เป็นพระประวัติโดยย่อ เช่นเดียวกับเจ้าอาวาสรูปอื่น
ด้านหลังพระอุโบสถติดกับกำแพงที่กั้นระหว่างสังฆาวาสกับพุทธาวาส มีพระเจดีย์หินอ่อนขนาดย่อมบรรจุพระอัฐิ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นั้น ลักษณะเจดีย์เช่นเดียวกับพระเจดีย์บรรจุพระอัฐิ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร เจ้าอาวาสรูปแรก ที่ตั้งอยู่ด้านตรงกันข้าม
เมื่อเข้าไปในบริเวณสังฆาวาส มีแผ่นโปสเตอร์โฆษณาพระเครื่องชินวรปูชนียมงคล ที่สร้างเป็นที่ระลึก 150 ปี เมื่อ พ.ศ. 2552 ติดอยู่สีเริ่มจาง เพราะติดอยู่หลายปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อทางวัดจัดงานฉลอง 150 ปี แห่งวันประสูติ ทางวัดจัดแผ่นซีดีบรรจุพระฉายาลักษณ์และรูปอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมอบให้สื่อมวลชนเป็นการเฉพาะ ผมได้มา 1 แผ่น จึงนำภาพบางส่วนมาตีพิมพ์ เช่น พระฉายาลักษณ์และภาพหนังสือที่เป็นพระนิพนธ์แปล เป็นต้น
สรุปว่าอนุสรณ์ที่ได้เห็นคือพระรูปหล่อและพระเจดีย์บรรจุอัฐิ ส่วนของที่มีค่าอื่นๆ อาจถูกเก็บรักษาไว้ในที่ไม่เปิดเผยก็ได้
พระประวัติเบื้องต้น
หนังสือพระประวัติสมเด็จพระสังฆราช 19 พระองค์ เล่าพระประวัติว่า สมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นี้ มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าภุชงค์ ชมพูนุท ประสูติเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2402 เป็นนักเรียนนอกตั้งแต่เยาว์วัย เพราะรัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้ไปเรียนที่โรงเรียนแรฟฟัล ประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับเจ้านายอีก 20 องค์ เมื่อ พ.ศ. 2414 แต่อยู่ได้ 9 เดือนก็กลับ เมื่อมีการตั้งโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษสำหรับเจ้านายขึ้นที่กรุงเทพฯ
เมื่อถึงวัยอันสมควร ทรงผนวชเป็นสามเณรและพระภิกษุที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประทับที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้เข้าแปลพระปริยัติธรรม 2 ครั้ง ได้เป็นมหาเปรียญ 5 ประโยค
ส่วนสมณศักดิ์ได้เลื่อนเป็นเจ้าคุณเมื่ออุปสมบทได้ 8 พรรษา หรือเมื่อ พ.ศ. 2430 อีก 12 ปีต่อมา เป็นชั้นธรรม จากนั้นอีก 7 ปี เป็นเจ้าคณะรองที่พระพรหมมุนี และทรงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราชบพิธเมื่อ พ.ศ. 2444
ต่อมาได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็นพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า เมื่อ พ.ศ. 2449 อีก 4 ปีต่อมา ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ เป็นสมณศักดิ์เสมอด้วยตำแหน่ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่คณะกลาง
เมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สิ้นพระชนม์ วันที่ 2 ส.ค. 2464 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงสถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2464 นับเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 11 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2469 ในรัชกาลที่ 7 ได้โปรดสถาปนาเลื่อนพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
ผลงานทางวิชาการ ทรงพระนิพนธ์หนังสือและตำราทางพระพุทธศาสนาหลายเรื่อง ที่ควรกล่าวถึงคือ พระคัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา หรือพจนานุกรมภาษาบาลีแปลเป็นไทย มหานิบาตชาดก ต้นบัญญัติ สามเณรสิกขา เป็นต้น
พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2480 สิริพระชนมายุได้ 79 พรรษา ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเป็นเวลา 16 ปี 5 วัน นับเป็นการสูญเสียสมเด็จพระสังฆราช เชื้อพระวงศ์ที่ทรงเป็นปราชญ์ มีคุณูปการแก่พระศาสนาไปอีกพระองค์หนึ่ง


