อร่อยดี ..เมนูสาหร่ายสไปรูลินา
ไม่น่าเชื่อว่า ... บนดาดฟ้าโรงแรม 5 ดาว ใจกลางเมืองจะกลายเป็นแหล่งกำเนิดอาหารชั้นดี
โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง ภาพ : เสกสรร โรจนเมธากุล
ไม่น่าเชื่อว่า ... บนดาดฟ้าโรงแรม 5 ดาว ใจกลางเมืองจะกลายเป็นแหล่งกำเนิดอาหารชั้นดี
“มานูเอล เรย์มองแดง” เรสิเดนต์ แมนเนเจอร์ พาเราเดินขึ้นไปสู่ชั้นสูงสุดของโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์ เมื่อประตูดาดฟ้าเปิดออก เราก็ได้พบกับบ้านของสาหร่ายสไปรูลินาจำนวนนับร้อยหลัง ทุกๆ หลังเชื่อมต่อกันด้วยท่ออากาศ
ชายผู้เรียกตัวเองว่าเป็น “อังเคิล ออฟ สไปรูลินา” เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ดาดฟ้าของโรงแรมเป็นพื้นที่ว่างเปล่า เมื่อนำอุปกรณ์การเพาะเลี้ยงสาหร่ายมาลง นำต้นกล้าสไปรูลินามาปลูก (Spirulina เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สาหร่ายเกลียวทอง เป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน มีทั้งในน้ำจืดและน้ำทะเล) พืชสีเขียวชนิดนี้ต้องการเพียงแค่อากาศและแสงอาทิตย์เพื่อเจริญเติบโต พื้นที่ว่างเปล่าก็ก่อประโยชน์ เมื่อได้ฟาร์มสาหร่ายแห่งนี้ให้ผลผลิตจำนวนมากพอ สามารถนำไปใช้ปรุงอาหารนานาเมนู นับเป็นการลงทุนที่ถูก ให้ทั้งคุณค่าและความอร่อย
แต่เมื่อคิดถึงสาหร่ายในฐานะอาหาร หลายคนอาจจะร้องยี้!? แม้จะรู้ดีว่า พืชชนิดนี้อุดมด้วยสารอาหาร แต่รสชาติล่ะ!?
ย้อนกลับลงมาที่ห้องอาหารนานาชาติเดอะสแควร์ของโรงแรมโนโวเทลฯ เราได้พบกับชายผู้ที่มายืนยันว่า สาหร่ายสไปรูลินาสามารถนำมาสร้างสรรค์อาหารได้หลากหลายเมนู แต่ละเมนูรับประทานหรือดื่มได้อย่างเอร็ดอร่อย และลืมกลิ่นสีแบบผักๆ หรือพืชๆ ของสาหร่ายไปเลย ชายคนนี้คือ “อดิพงศ์ เดชสุภา” ซูส์เชฟของโนโวเทลฯ ผู้ได้รับโจทย์ท้าทายให้คิดเมนูจากสาหร่ายสไปรูลินาหลังฟาร์มบนดาดฟ้าดำเนินไปได้ราวครึ่งปีและให้ผลผลิตที่มากพอสำหรับการจำหน่าย
หลังผ่านกระบวนการทดลองมาระยะหนึ่ง เชฟอดิพงศ์ สรุปให้ฟังว่า สาหร่ายสไปรูลินาแบบสดๆ สามารถนำไปสร้างสรรค์เมนูอาหารเครื่องดื่มคาวหวานได้ เพียงแต่มีข้อพึงระวังบางประการเช่น
ไม่ปรุงสาหร่ายในอุณหภูมิสูงหรือร้อนจัด เพราะรสชาติจะเปลี่ยนเป็นขม
ใช้ผลไม้รสเปรี้ยวหรือเครื่องปรุงที่มีรสเปรี้ยว เช่น มายองเนสหรือน้ำส้ม เป็นส่วนผสม เพราะจะช่วยดับกลิ่นรสเขียวๆ ของสาหร่ายได้อย่างดี
ปัญหาของสาหร่ายคือ สี เพราะว่าสีเขียวเป็นสีสลด ไม่กระตุ้นทำให้เกิดความอยากอาหาร เมนูสาหร่ายจึงควรประดับตกแต่งด้วยสีแดง เช่น มะเขือเทศ พริก เป็นต้น
สาหร่ายสดควรเก็บในที่เย็น มีอายุอยู่ได้ราว 2 อาทิตย์
เมนูที่เชฟนำมาคอนเฟิร์มว่า สาหร่ายอร่อยจริงๆ ก็คือ แกะย่างกับซอสเกรวีสไปรูลินา (ขาแกะหมักกับเครื่องเทศข้ามคืนทำให้นุ่มขึ้น ส่วนน้ำสต๊อกเกรวีทำจากโครงกระดูกแกะเคี่ยว 2 วัน ใส่สาหร่ายลงในน้ำเกรวีตอนปรุง เครื่องเคียงเมนูนี้เป็นอัลมอนด์อบแห้ง โรสแมรี ไทม์ และสาหร่าย) บูเกการ์นีพาร์มาแฮมสลัดกับน้ำสลัดสไปรูลินา (สาหร่ายผสมลงในน้ำสลัดแล้วไปกันได้ดี โดยสามารถทำเดรสซิงได้ 2 แบบ ทั้งแบบครีมที่ปรุงจากโยเกิร์ต น้ำผึ้ง น้ำมะนาวและสาหร่าย หรือจะเป็นน้ำใสที่ปรุงจากโอลีฟออยล์กับสาหร่าย)
ซุปเห็ดคาปูชิโนสไปรูลินา ข้าวปั้นหน้าสาหร่ายสไปรูลินา (ไส้ของข้าวปั้นเป็นยำสาหร่ายญี่ปุ่น ใส่สาหร่ายสไปรูลินา น้ำมันงา ราดด้วยน้ำสลัดสาหร่าย) ของหวานเป็นพันนาคอตตาและทาร์คคุกกี้สไปรูลินา (พันนาคอตตาแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ โยเกิร์ต สาหร่าย และ สตรอเบอร์รีประดับด้วยช็อกโกแลตที่มีสาหร่ายเป็นส่วนผสม) ส่วนเครื่องดื่มเป็นสไปรูลินาแมงโกเชก (มะม่วง น้ำมะนาว และสาหร่าย ปั่นเข้าด้วยกัน รสเปรี้ยวนำหน้ารสของสาหร่าย) เมนูเหล่านี้มีให้ไปลองชิมที่ห้องอาหารนานาชาติเดอะสแควร์หรือเอาต์เลตอื่นๆ ภายในโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์ รวมทั้งมีสาหร่ายสไปรูลินาสดพร้อมบริโภคบรรจุขวด ซึ่งสามารถซื้อไปปรุงเป็นอาหารเมนูต่างๆ เองที่บ้าน ผู้เขียนลองชิมแบบสดๆ ดูแล้วพบว่า กลิ่นรสรับประทานได้ แม้ยังไม่ปรุง
สาหร่ายสไปรูลินาอาจเรียกได้ว่าเป็นอาหารแห่งอนาคต เพราะเพาะปลูกได้ไม่อยาก สามารถทดแทนอาหารชนิดอื่นๆ ซึ่งอาจเกิดขาดแคลนได้ แถมยังเป็นอาหารที่อร่อยซะด้วย ...


