posttoday

ฮอร์โมน (วัยว้าวุ่น) พลุ่งพล่านโดนใจ

13 กรกฎาคม 2556

ฮอตฮิตที่สุดวินาทีคงหนีไม่พ้นซีรี่ส์จากค่ายจีทีเอชและนาดาวบางกอก “Hormones วัยว้าวุ่น” ที่ออกอากาศทางช่องจีเอ็มเอ็ม วัน ทุกคืนวันเสาร์

โดย...นกขุนทอง – ลีโอ เคน

ฮอตฮิตที่สุดวินาทีคงหนีไม่พ้นซีรี่ส์จากค่ายจีทีเอชและนาดาวบางกอก “Hormones วัยว้าวุ่น” ที่ออกอากาศทางช่องจีเอ็มเอ็ม วัน ทุกคืนวันเสาร์ หรือชมสดผ่านทาง www.gmmone.tv ด้วยกระแสความนิยมทำให้เว็บล่มถึงกับล่มในวันออกอากาศ และกลายเป็นประเด็นพูดคุยกันแพร่หลายในโซเชียลเน็ตเวิร์ก

Hormones วัยว้าวุ่น เป็นซีรี่ส์เรื่องแรกของค่ายจีทีเอช เป็นงานฟอร์มไม่ใหญ่โต งบโปรโมตมีไม่มาก แถมยังออกอากาศทางเคเบิ้ลทีวี ถ้าจะรับชมได้ต้องมีกล่อง GMM Z แต่หลังจากออกฉายไปได้ไม่นาน กระแสตอบรับกลับเหนือความคาดหมาย เสน่ห์ที่สามารถมัดใจวัยรุ่นและอีกหลายรุ่นได้อยู่หมัด เพราะนักแสดงที่โดดเด่น รวมถึงบทที่จริง และเติมแต่งได้เหมาะเจาะกับยุคสมัยและจริงจนไม่รู้สึกว่านั่งดูละคร ขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองก็อาจจะตกอกตกใจกับโลกของวัยรุ่นที่เห็นจากซีรี่ส์เรื่องนี้

ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น สะท้อนชีวิตวัยรุ่นอย่างตรงไปตรงมาผ่านเรื่องราวของวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน นำโดย 9 ตัวละครหลัก คือ พีชพชร จิราธิวัฒน์ รับบท วิน หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ประจำโรงเรียน มีนิสัยชอบบงการ และทำตัวเป็นศูนย์กลางของทุกเรื่อง แพทตี้อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา รับบท ของขวัญ ผู้แสนเพอร์เฟกต์ แต่โชคชะตาพลิกผันเมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับความไม่สมบูรณ์แบบ ปันปันสุทัตตา อุดมศิลป์ รับบท เต้ย ผู้หญิงที่ไม่เข้าใจนิสัยเพื่อนผู้หญิง และสบายใจมากกว่าเมื่ออยู่กับเพื่อนผู้ชาย จนทำให้โดนเม้าท์

ไมเคิลศิรชัช เจียรถาวร รับบท หมอก ชอบใช้ชีวิตในโลกส่วนตัว มากกว่าโลกแห่งความเป็นจริง กันต์ ชุณหวัตร รับบท ต้า ผู้มีกีต้าร์เป็นความฝัน และใช้ความรักเป็นแรงผลักดัน มาร์ชจุฑาวุธ ภัทรกำพล รับบท ภู เด็กหนุ่มน่ารัก เฟรนด์ลี่ มีอารมณ์ขัน แต่กำลังสับสน ฝนศนันทฉัตร ธนพัฒน์พิศาล รับบท ดาว มองโลกสวย จนเมื่อเจอเหตุการณ์บางอย่าง โลกของเธอก็เปลี่ยนไป ต่อณัฐนันท์ ลีรัตนขจร รับบท ไผ่ เด็กหนุ่มเลือดร้อนที่คิดว่าการใช้กำลังคือการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด เก้าสุภัสสรา ธนชาต รับบท สไปร์ท เด็กสาวที่มองว่าความรักและเซ็กซ์คือสิ่งสวยงาม

ปั้นบทดี เรื่องดัง โดนใจ ย้ง ทรงยศ

Hormones วัยว้าวุ่น เป็นผลงานของผู้กำกับฝีมือดี “ย้งทรงยศ สุขมากอนันต์” ที่เคยแสดงความสามารถใน แฟนฉัน เด็กหอ ปิดเทอมใหญ่ ฯลฯ ซีรี่ส์เรื่องนี้นับเป็นงานถนัด เพราะชอบเล่าเรื่องราวของวัยรุ่นอยู่แล้ว แต่ ...

“ตอนนี้ผมกดดันมาก เพราะตัดต่อวีกบายวีก แต่เราถ่ายทำเสร็จตั้งแต่เดือน เม.ย.แล้ว เราทำโปรดักชั่นแบบหนัง ทำให้ใช้เวลาในห้องตัดตัดนานขึ้น ยิ่งฟีดแบ็กดีมาก ผมยิ่งกดดัน ปัญหาของเราอยู่ที่การเล่าเรื่องมากกว่า เพราะตอนเราถ่ายยาวมาก แต่ต้องมาตัดต่อให้ได้ 45 นาที และอาจมีถ่ายอินเสิร์ตเพิ่มบ้าง”

ซีรี่ส์เรื่องนี้ยาว 13 ตอน ออกอากาศตอนแรกเมื่อปลายเดือน พ.ค. และจะจบในปลายเดือน ส.ค. ถึงกระแสตอบรับจะดีมากแค่ไหนก็ตาม แต่ผู้กำกับก็ยืนยันว่า ไม่มีการเพิ่มตอน ถ้าเป็นภาคต่อก็ไม่แน่

“เรื่องหลักเป็นของ วิน กับ ขวัญ ตอนหลังๆ จะเห็นบทของคู่นี้เยอะขึ้น แต่เรื่องราวทั้งหมดดำเนินต่อเนื่องกัน ในตอนย่อยๆ นักแสดงหลักทั้ง 9 คน จะได้เป็นพระเอกนางเอกในตอนของตัวเอง เราไม่สามารถยืดได้เหมือนละคร เพราะเรื่องราวแบบฮอร์โมนไม่สามารถเขียนเพิ่มเติมได้ง่ายๆ เราต้องรีเสิร์ช ต้องใช้เวลาในการทำงาน ซึ่งกว่าจะได้บทนี้เราทำงานกันอยู่เป็นปี”

คาแรกเตอร์ละครพัฒนามาจากนักแสดงผสมผสานปรุงแต่งกับชีวิตวัยรุ่นในปัจจุบัน “เราเริ่มต้นด้วยการเอานักแสดงที่มีอยู่บางส่วนมาคุยกันทุกเรื่อง ดูบุคลิกเขา รวมกับที่เรารู้จักตัวตนของน้องประมาณหนึ่ง อย่างพีช ในชีวิตจริงบ้านเขามีฐานะ พีชเป็นคนสนุกร่าเริง มั่นใจตัวเอง เราก็พัฒนาจากตรงนั้นให้เขาเป็นหนุ่มป๊อปปูล่าร์ ทำอะไรทุกคนต้องสนใจ ทำให้วินมั่นใจตัวเองมาก จนไปเล่นสนุกกับความสัมพันธ์จนมันเลยเถิด ซึ่งจุดนี้เราแต่งฟิกชั่นเข้าไป เราคิดคาแรกเตอร์จากตัวตนของความเป็นวัยรุ่น แต่ไม่ใช่แบบนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์”

“อย่างมาร์ชที่เล่นเป็นภู เขาก็ไม่ได้เป็นเกย์ แต่ด้วยบุคลิกเขาเป็นขวัญใจเก้งกวางอยู่แล้ว เราก็พัฒนาบทมาจากตรงนั้น อย่างฝนที่รับบทเป็นดาว เขาก็ไม่ใช่คนที่มองโลกสวย แต่ลุคเขาที่เราเห็นดูน่ารัก น่าทะนุถนอม มีบทไผ่ที่ต่อเล่น 80 เปอร์เซ็นต์ ใกล้เคียงชีวิตจริง เขาเคยเป็นเด็กต่อยตีมาก่อน แต่ตอนนี้เขาได้เรียนรู้เติบโต และไม่เป็นแบบนั้น เราก็มาเติมสีสันเข้าไปอีก มีแค่บทสไปร์ท ที่เราเขียนขึ้นก่อนที่จะได้นักแสดง คือ เราสนใจประเด็นที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีอิสระเรื่องความรักเรื่องเซ็กซ์ เป็นโจทย์ของเรา ตอนแคสติ้งหานักแสดงยากมาก เด็กใหม่จะกล้าเล่นไหม แต่เราชวนใครก็จะบอกก่อนว่าเราทำงานมีรสนิยม จนมาลงตัวที่น้องเก้า คนนี้ใช่ บอกเป็นคำพูดไม่ได้เหมือนกันว่าใช่ยังไง แต่เรามองแล้วเขาใช่”

การที่ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ย้ง มองว่า “ผมมองว่าต่อให้โปรโมตดีแค่ไหน ถ้าเนื้อหาไม่ดี ดังมาก็หายไป แต่สำหรับฮอร์โมน เราให้เวลาทำบทยาวนานมาก เราเชื่อว่างานที่ดีบทต้องดี ตอนเราทำบท เราไม่ได้คาดหวังเรื่องความดัง เราแค่ต้องการงานที่มีคุณภาพ และพอฮอร์โมนออกอากาศ ด้วยทีมงานน้องๆ พีอาร์ช่วยการประชาสัมพันธ์ เพราะเราไม่มีงบโปรโมตมากเหมือนหนัง และตอนนี้กระแสโซเชียลเน็ตเวิร์กไวมาก คนดูแล้วก็บอกกันปากต่อปาก ดูตอนนี้แล้วชอบ ก็ไปหาดูครบทุกตอน ผมว่าเป็นจังหวะที่โชคดี เราทำได้ตอบโจทย์คนดู เราทำเรื่องที่เขาก็รู้ๆ กันอยู่แล้วให้มันชัดขึ้น ถ้าออกอากาศทางฟรีทีวี เราคงบอกตรงๆ แบบนี้ไม่ได้ แต่เราแค่ทำให้ดู เราไม่ได้ชี้ว่าอันนี้ผิด ต้องแก้ไขยังไง เราให้คนดูเขาได้มีวิธีแก้ปัญหาตามแนวทางของแต่ละคนเอง”

เรื่องนี้ย้งพยายามนำเสนอเรื่องราวที่สะท้อนชีวิตวัยรุ่นไทยยุคใหม่อย่างตรงไปตรงมาที่สุด แบบที่ไม่มีใครกล้าพูดถึง ทั้งเรื่องเพื่อน ครอบครัว ชีวิตในโรงเรียน โดยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านชีวิตวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ที่มีความคิดที่ต่างกันไป และกำลังอยู่ในวัยของการเปลี่ยนแปลง และการทดลอง ซึ่งอาจมีทั้งผิดพลาด และ การเรียนรู้

แจ้งเกิดนักเลงนักเรียน ต่อ ธนภพ

แม้ว่าในเรื่องจะมีดาราหน้าใสทั้งชายหญิงให้บรรดาแฟนคลับเลือกกรี๊ดได้ตามใจ แต่ดูเหมือนว่า เสียงกรี๊ดที่เทมาทางนักแสดงหน้าใหม่ อย่าง "ต่อธนภพ ลีรัตนขจร" ที่รับบทเป็นไผ่ นักเรียนนักเลง

ในเรื่องต่อรับบทเป็นเด็กนักเรียนชั้น ม.5 แต่ในชีวิตจริง ต่อโตเป็นหนุ่มศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะอุตสาหกรรมการเกษตร (ภาคพิเศษ) ชั้นปีที่ 2 ความโด่งดังที่เข้ามาในชั่วเวลาไม่กี่คืนก็สร้างความประหลาดใจและดีใจให้กับเจ้าตัวมิใช่น้อย “ตั้งแต่ได้มาเล่นฮอร์โมน ผมยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย ทุกวันนี้มีคนรู้จักเยอะขึ้น มีงานให้ทำทั้ง 7 วัน ทั้งงานถ่ายแบบ อีเวนต์ต่างๆ โฆษณาก็มีติดต่อเข้ามาประมาณหนึ่ง ก็ดีใจที่คนยอมรับและเข้ามาทักทาย แต่ผมก็ยังเป็นคนเดิมยินดีพูดคุยกับทุกคน”

จากประสบการณ์ตรงที่เป็นวัยรุ่นเลือดร้อน มีเรื่องชกต่อยในวัยเรียน ต่อได้ฝากข้อคิดถึงวัยรุ่นว่า “มีช่วงชีวิตหนึ่งที่ผมเคยหลงผิดไป เคยติดเพื่อน รักเพื่อนมาก อารมณ์ร้อน แต่ตอนนี้ผมกลับตัวแล้ว เพราะผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมา เรื่องราวก็คล้ายกับตอน 7 แต่ไม่เหมือนทั้งหมด เพราะตอนที่ผมบวชเรื่องจริงจิตใจสงบกว่าในซีรีส์ การยกพวกตีกันมันไม่ได้เท่เลย มีแต่ทำให้ร่างกายบอบช้ำ ก็อยากให้เรื่องนี้เป็นตัวอย่างให้ทุกคนได้เรียนรู้นะครับ ว่าการใช้ความรุนแรง บางทีก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ถ้าเลือกได้แต่ต้นผมคงไม่ทำ แต่นี้มันผ่านมาแล้ว มันก็เป็นบทเรียนสำหรับผม และสำหรับวัยรุ่นที่ยังไม่หลงผิด ก็ได้เห็นตัวอย่าง ไม่จำเป็นต้องไปทำไปลอง”

ต่อ ฝากถึงผู้ปกครองที่คิดว่าฉากต่อยตีในซีรีส์เรื่องนี้อาจนำความรุนแรงมาสู่บุตรหลานว่า “ในซีรีส์ก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่าการต่อยตีกันไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย ผมอยากให้ผู้ปกครองได้นั่งดูกับลูกๆ อันนี้ผมไม่ได้แอนตี้ผู้ใหญ่นะครับ แต่ผมว่ามีหลายเรื่องที่เรายังถูกปิดหูปิดตากันอยู่ บอกว่าไม่มีแต่ในชีวิตจริงมันมี ในฐานะที่ผมก็เป็นวัยรุ่น เรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีรีส์ผมก็เคยเจอในชีวิตจริง อยากจะบอกว่าฮอร์โมนไม่ได้ทำพิษให้ใคร เราไม่ได้สอน ไม่ได้สื่อภาพความรุนแรง แต่ทุกครั้งที่แต่ละตอนออกมาสื่อการกระทำอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่เด็กทำถูกหรือผิด เราไม่ได้ชี้นำ อย่างฉากสูบบุหรี่ ก็จะมีตัวมาขัดตลอดว่ามันไม่ดี”

ใครๆบอกว่าเธอ ... !? ปันปัน สุทัตตา

เธอไม่เข้าใจนิสัยเพื่อนผู้หญิง เธอสบายใจเมื่ออยู่กับเพื่อนผู้ชาย แต่นั่นทำให้บางคนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ วันหนึ่งจึงมีคนเขียนด่าบนโต๊ะเรียนว่า “แรด”!!

นี่คือ คาแรคตอร์ของสาวน้อยหน้าใสนักเรียนเกรด 7 โรงเรียนร่วมฤดีอินเตอร์ ปันปันสุทัตตา อุดมศิลป์ ที่สวมบทบาทเป็น เต้ย ได้อินเสียเหลือเกินจนมีแฟนเพจเข้าไปทั้งชมและต่อว่าเธอเป็นล้าน

"เวลาดูก็จะโดนใจ เอ้ย... นี่มันฉันนี่ นี่ฉันเคยโดนมาอย่างเต้ยจะโดนผู้หญิงเยอะ ปันว่าเต้ยน่าสงสาร และจะเป็นเรื่องที่เกิดกับผู้หญิงบ่อยๆ เราจะไม่สนใจ เราไม่ได้ทำอะไรผิด ในชีวิตจริงก็เจอ คือปันจะไม่ได้สนิทกับผู้ชายแบบเต้ย คือสนิททั้งสองเพศ แต่ก็จะมีบางคนมองว่าเราไปอ่อยกับผู้ชาย มันเป็นธรรมดาของผู้หญิงที่จะมองเราแบบนั้น ชีวิตผู้หญิงมัธยมต้องเจอแบบเต้ย คือเราเป็นเพื่อนกันก็หาว่าไปอ่อย เราก็ไม่ต้องสนใจเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป ถ้าเราไปแก้ว่าเราไม่ใช่อย่างนั้นนะ ไม่ใช่อย่างนี้นะมันจะไม่จบมันจะไปกันใหญ่ พวกเขาก็จะเลิกยุ่งกับเราไป ถ้าปันเจอจริงๆ แบบเต้ยปันก็จะต้องไปหาเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งคุย คงไม่เด็ดเดี่ยวแบบเต้ย คือโดนตบยังไม่ร้องไห้เลย หนูโดนอย่างนั้นคงร้องไห้"

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"