ซุป’ตาร์สายฟ้าแลบ
คนจะดังให้เอาช้างมาฉุดรั้งไว้ก็เห็นท่าจะยาก!!!
โดย...โจ เกียรติอาจิณ
คนจะดังให้เอาช้างมาฉุดรั้งไว้ก็เห็นท่าจะยาก!!!
ไม่เชื่อก็ดูอย่าง “เจมส์” หรือ “จิรายุ ตั้งศรีสุข” แห่งละครชุด “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” นั่นปะไร ดังแซงหน้าใครๆ ไปหลายสิบก้าว ยิ่งตอนละครออนแอร์ ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนพูดถึงในความน่ารัก น่ากัด และน่ากอด (อูย!!!)
วันก่อนเจมส์พาความสูง 184 เซนติเมตร ใบหน้าใสๆ รอยยิ้มหวานๆ มาฝากชาวโพสต์ ขนาดหนุ่มแท้ทั้งแท่งบางรายยังออกปากชม “น้องน่ารักอ่ะ” ส่วนสาวๆ ไม่ต้องบรรยายภาพ ก็คงเดาได้ว่าเสียงกรี๊ดดดดดดแปดหลอดของพวกนางนั้นเกินระดับเดซิเบลที่หูจะรับไหว
พระเอกวัยขบเผาะนิ่งครู่เล็กๆ เมื่อเจอคำถาม ดังใหญ่แล้วนะตอนนี้ เจมส์ยิ้มหวาน ก่อนจะบอกแบบถ่อมตัว ไม่รู้จริงๆ ครับว่าตัวเองดัง
เจมส์ไม่รู้ ไม่เป็นไร พี่ให้อภัย แต่แฟนๆ ของเจมส์รู้แหละว่า เจมส์ดังจริง อะไรจริง เข้าขั้นก่อกระแส “เจมส์ จิ ฟีเวอร์” ระบาดไปทั่วทุกหัวระแหง ก็ไม่ธรรมดาแล้ว (ล่ะ) จนมีคนเขาเมาท์ว่า “เจมส์ จิ” นั้นหนา คือ “ซุป’ตาร์สายฟ้าแลบ” ณ ปัจจุบัน
ทั้งๆ ที่เป็นเด็กใหม่ ทั้งๆ ที่เพิ่งประเดิมงานแสดงเรื่องแรก อะไรและทำไม เจมส์ถึงได้เปรี้ยงปร้างไวปานนี้
ในมุมผู้จัดละคร “แหม่ม” ธิติมา สังขพิทักษ์” จากค่ายโนพลอบเบลม ผู้เลือกเจมส์ให้มารับบท “คุณชายพุฒิภัทร” มองว่ามีหลายองค์ประกอบ ตั้งแต่ตัวเจมส์เอง ที่มีรูปเป็นทรัพย์ คุณสมบัติเพอร์เฟกต์ ความสามารถบวกกับความกล้า ความสดใสบวกกับความใหม่ซิง ขาดไม่ได้คือ จังหวะของชีวิต ที่เจมส์มาถูกที่และถูกจังหวะ
“ส่วนตัวพี่นะ พี่ว่าน้องมาถูกจังหวะ เมื่อได้รับโอกาสแล้ว น้องก็ทำอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่มัวพะวงกับจุดอ่อนของตัวเอง ซึ่งก็คือไม่มีประสบการณ์ด้านการแสดงกับเรื่องอายุที่อาจจะน้อยไปหน่อยกับคาแรกเตอร์ที่เล่น ขณะที่คุณสมบัติ หรือรูปลักษณ์ น้องก็โอเคเชียวแหละ พี่มองว่าน้องไม่ได้หล่อมาก แต่เป็นคนมีเสน่ห์ ทั้งการพูดจา เสียงพูดที่เพราะ พูดรู้เรื่อง สื่อสารกับเราได้ พูดชัดถ้อยชัดคำ อันนี้สำคัญ (หัวเราะ) น้องกล้าสบตา ยิ้มแล้วสบายใจ บุคลิกดี พี่กับป้าแจ๋วชอบตั้งแต่แรกเห็น ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าน้องจะแสดงได้มั้ย จนวันที่มาออดิชั่นนั่นแหละ ซึ่งดูเหมือนจะออดิชั่น 5 หนมั้งคะ กว่าที่พี่กับป้าแจ๋วจะตกลงเลือกน้อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พี่ก็ขอยกเครดิตให้ทีมงานละครทุกส่วนทุกฝ่ายล้วนมีส่วนช่วยและผลักดันน้อง บทก็ด้วย มันส่งให้น้องเด่นและทำให้คนดูเชื่อว่าน้องเป็นคุณชายหมอจริงๆ ผู้กำกับอย่างป้าแจ๋ว (ยุทธนา ล.พันธุ์ไพบูลย์) ก็ด้วย แล้วพี่ก็เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะดังแบบนี้ได้ แม้จะหล่อ ถ้าไม่มีของ ถ้าไม่มีสมอง ถ้าบทไม่ส่ง ถ้าทีมงานไม่ช่วย ก็ใช่ว่าจะดังได้นะ”
ละครตอน “คุณชายพุฒิภัทร” อวสานไปแล้ว แต่กระแส “เจมส์ จิ” ในบทบาท “ชายภัทร” ยังฮิตไม่เลิก แน่นอน ผู้จัดแหม่มก็พลอยยิ้มหน้าบานไปด้วย เพราะละครโกยเรตติ้งและคำชมเพียบ
“ดีใจค่ะ ในเวลาเดียวกันก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าละครจะดัง เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงเลยค่ะ ยิ่งเป็นละครชุดด้วยแล้ว มันยากที่จะเดาใจคนดูออกว่าตอนไหนจะโดน แต่พอแจ็กพอตออกที่ตอนของพี่ ก็ขอบคุณมากๆ กับฟีดแบ็ก ละครพี่ไม่ห่วงละ เพราะมันจบแล้ว ห่วงก็แต่พระเอกของเรา เพราะนี่คือปฐมบทอาชีพนักแสดงของน้อง มันแค่จุดเริ่มต้นค่ะ ที่น้องจะต้องรับมือกับมันให้ได้ พี่จะบอกน้องเสมอว่า ต้องตั้งรับกับมันให้ดีๆ นะ มันมาไว ก็อย่าให้มันจากไปไว ต้องรักษาการเป็นซุป’ตาร์สายฟ้าแลบนี้เอาไว้นานๆ เพราะไม่ใช่มันจะเกิดได้กับทุกคน”
ฟากผู้จัดการส่วนตัว “ปิ๊ก ชาญฉลาด” หรือ “ฌานฉลาด ทวีทรัพย์” ที่เจมส์เรียก “พ่อปิ๊ก” จนติดปาก ก็ให้ความเห็นว่าเกินคาดกับกระแสฮิต ไม่ว่าจะละคร หรือตัวเจมส์ มาได้ถึงขั้นนี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว
“ตอนนี้เขายังเด็กครับ อย่าเพิ่งรักแล้วรีบทิ้งเขาไป เวลาคุณรักใครชอบใคร เราก็เอามือพยุงใส่พาน แต่พอเวลาไม่ได้ดั่งใจ ด้วยมือพยุงนี่แหละก็พร้อมกระชากเขาลงมา ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย ผมกลัวในมุมรักแรง เกลียดแรง ซึ่งเราก็ต่างเห็นกันเยอะแล้วในวงการบันเทิง”
คงต้องจับตาดูกันยาวๆ ว่า เจมส์ จิ ของพ่อแม่พี่น้องชาวไทย จะเปลี่ยนสถานะจาก ซุป’ตาร์สายฟ้าแลบ สู่ตำแหน่ง ซุป’ตาร์ค้างฟ้า ได้หรือเปล่า (น้า) ไม่นานเกินรอคงได้รู้กัน แต่ที่แน่ๆ ละครเรื่องใหม่ “รักสุดฤทธิ์” เตรียมจ่อฉายเรียบร้อย แฟนๆ เจมส์ จิ อย่าได้พลาด
รวมพลคนดังชั่วข้ามคืน
“หนูนาหนึ่งธิดา โสภณ” คว้าบทนางเอก ในหนังกระตุกต่อมฮา “กวน มึน โฮ” เปรี้ยงเดียวก็ดังเป็นพลุแตก พร้อมฉายานางเอก 100 ล้าน งานเข้าจนบัดนี้ มีละครซิตคอม โฆษณา วิ่งใส่ รวมถึงยังได้โชว์เสียงร้องคู่ “บี้ เดอะสตาร์” ซะด้วย
“พีชพชร จิราธิวัฒน์” ลูกหลานตระกูลเครือเซ็นทรัล ที่หันมาเอาดีกับงานบันเทิงจนรุ่ง จาก Suck Seed ห่วยขั้นเทพ Top Secret วัยรุ่นพันล้าน เดอะ เคาท์ดาวน์ จนถึงซิทคอม My Melody 360 องศารัก คืองานแสดงที่น่าจดจำของเขา
ตอนที่หนัง “รักแห่งสยาม” เข้าฉาย ใครๆ ก็หลงเลิฟหนุ่มน้อย “โต้ง” ที่มากับความใสน่ารัก และนั่นก็เป็นใบเบิกทางให้ “มาริโอ้ เมาเร่อ” แจ้งเกิดและสง่างามในวงการ กระทั่งครองใจในฐานะพระเอก 500 ล้าน จากหนัง “พี่มาก...พระโขนง”
คงจำกันได้ดี “ดากานดา” กับ “ไข่ย้อย” ในหนัง “เพื่อนสนิท” ที่รับบทโดย “นุ่นศิรพันธ์ วัฒนจินดา” กับ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” ดังมากกกกก ทั้งคู่แจ้งเกิดเต็มๆ หนังจบ แต่ 2 นักแสดงนำ ยังไม่จบ มีงานให้แสดงอยู่ไม่ขาด แม้จะไม่ถี่แต่คุณภาพนำหน้าเสมอ
เพื่อนซี้คู่หู “เจี๊ยบโสภิตนภา ชุ่มภาณี” กับ “อ้อมพิยดา จุฑารัตนกุล” ก็ดังชั่วข้ามคืน ฝ่ายแรกดังจากหนัง “กุมภาพันธ์” แถมพ่วงทรงผมเจี๊ยบกุมภาพันธ์ให้ได้ฮิตกันในหมู่สาวๆ ฝ่ายหลังเกิดจากละคร “ทอฝันกับมาวิน” และดังสุดๆ ก็คือซิตคอม “บางรักซอย 9”
เล่นกีตาร์ก็ว่าเท่แล้ว แต่ยังสามารถเล่นหนังได้ ก็ยิ่งเท่ไปใหญ่ “เป้อารักษ์ อมรศุภศิริ” แจ้งเกิดเต็มๆ จากหนังหลอนสยองจิตๆ “บอดี้..ศพ#19” ก่อนจะมีหนังดีๆ อีกเพียบ แล้วไหนจะละครและโฆษณา
พระเอกรักษ์โลก “ติ๊กเจษฎาภรณ์ ผลดี” ก็แจ้งเกิดจากบท “แดง ไบเลย์” หนังแก๊งสเตอร์ “2499 อันธพาลครองเมือง” ฮิตคักๆ เท่ระเบิด หนุ่มๆ ไปดูหนัง ก็อยากเป็นพี่แดง ขณะที่สาวๆ ก็อยากเป็นแฟนพี่แดง แม้จะต้องอดทนคอยวิ่งหนีหลบกระห่าสุน ก็ยอม (อิอิ)
เรื่องเดียวก็เปรี้ยงได้ ฉบับออริจินัล
“ใหม่ เจริญปุระ” เปรี้ยงจากหนัง “ขอแค่คิดถึง” ในปี 2527 ด้วยวัยเพียง 15 ปี โดยใช้ชื่อในการแสดงว่า “ใหม่ สิริวิมล” ถัดมาปีเดียว เธอก็กลายเป็นนางเอกที่มีงานชุก ได้เล่นหนัง 8 เรื่องติด
นี่เปรี้ยงเดียวแล้วก็เกิดเจิดจรัส “โอวรุฒ วรธรรม” จากหนังอมตะความรัก “คู่กรรม” ที่ส่งให้เขาเป็นพระเอกขวัญใจประชาชีที่สาวๆ กรี๊ดดดดสลบ (ยุคนั้นอ่ะนะ)
นางเอกมากฝีมือ “แหม่มจินตหรา สุขพัฒน์” มีวันนี้ได้ในฐานะนักแสดงคุณภาพ ก็เพราะหนังฮาน้ำดี “ผู้ใหญ่ลีกับนางมา” ที่เธอรับบท “มาลินี”


