posttoday

ไข่มุกอัญมณีแห่งความบริสุทธิ์ที่สตรีทั่วโลกหลงใหล

29 พฤษภาคม 2556

โดย...สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)/ภาพ นิตยสารวิโอโร ฉบับที่ 125

โดย...สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)/ภาพ นิตยสารวิโอโร ฉบับที่ 125

เครื่องประดับมุกกลับมาทวงบัลลังก์ความนิยมกันอีกครั้ง จากการสังเกตในตลาดยุโรปและเอเชีย ซึ่งมีการค้าขายเครื่องประดับมุกมากขึ้น รวมทั้งรูปแบบของเครื่องประดับมุกที่มากขึ้น

ย้อนกลับไปไข่มุกมักออกแบบในลักษณะที่เรียบง่าย อาจเป็นการร้อยเป็นสร้อยเส้นยาว หรือทำเป็นหัวแหวนเท่านั้น และมีสีที่ให้เลือกค่อนข้างน้อย แต่ในปัจจุบันดีไซเนอร์ได้หันมาใช้สีสันและรูปร่างของมุกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมุกทรงบาโรค มุกทะเลใต้ หรือมุกอะโกย่า ผสมผสานกับทองคำ ทองคำขาว และเพชร ทำให้ได้เครื่องประดับหรูหราแบบต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะมุกที่มีขนาดใหญ่และหลากสี ซึ่งได้รับความนิยมมาก

การกำเนิดของไข่มุกตามตำนานในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า เกิดจากฟันของอสูรวลาที่ร่วงหล่นลงมาบนโลกมนุษย์ แล้วหลุดเข้าไปอยู่ในเปลือกหอย

แท้จริงแล้วไข่มุกเกิดจากการที่มีเม็ดทรายหรือสิ่งแปลกปลอม หลุดเข้าไปในตัวหอยมุกทำให้หอยมุกเกิดความระคายเคืองจึงต้องขับ “น้ำมุก” (Narce) ซึ่งประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ออกมาเคลือบสิ่งปลอม ทำให้มีความแวววาวและงดงาม

ปัจจุบันมุกเลี้ยงซึ่งเกิดขึ้นโดยการเลียนแบบการเกิดมุกธรรมชาติ คือใส่แกนของไข่มุกเข้าไปในตัวหอยมุก แล้วนำกลับไปในทะเล และหอยมุกก็จะขับน้ำมุกออกมาเคลือบไปเรื่อยๆ ประมาณครึ่งปี วิธีการนี้พัฒนาขึ้นโดย โคคิจิ มิกิโมโตะ

มนุษย์เรารู้จักไข่มุกมาเป็นเวลานานแล้วเชื่อกันว่ามีการค้นพบไข่มุกครั้งแรกในบริเวณตะวันออกกลาง ว่ากันว่าพระนางคลีโอพัตราทรงใช้ต่างหูมุกเป็นเครื่องประดับและมักจะจุ่มต่างหูมุกลงไปในเหล้าองุ่นก่อนดื่มเพราะเชื่อว่าไข่มุกมีพลังช่วยคงความหนุ่มสาวเอาไว้ได้

กวีชาวกรีกนามว่า โฮเมอร์ซึ่งเป็นกวีในยุคเมื่อ 1,200 – 850 ปีก่อนคริสตศักราชได้กล่าวถึงการใช้ไข่มุกเป็นเครื่องประดับของเทพธิดายูโนไว้ในวรรณกรรมของเขาด้วยหญิงสาวชาวโรมันก็นิยมสวมใส่ไข่มุกเช่นเดียวกัน

ส่วนชาวจีนในสมัยก่อนใช้ไข่มุกเป็นเครื่องบอกยศถาบรรดาศักดิ์อีกด้วย

นอกจากนี้ ไข่มุกเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ด้วยสีอันนุ่มนวลงดงามของอัญมณีชนิดนี้เมื่อหญิงสาวนำมาใส่จึงช่วยกระตุ้นให้ความเป็นกุลสตรีเด่นชัดขึ้นทำให้เกิดความนุ่มนวลอ่อนหวาน นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าหากวางไข่มุกไว้ใต้หมอนจะช่วยให้คู่สามีภรรยาที่ไม่มีบุตรได้มีบุตรสมหวังทางด้านการบำบัดรักษา ไข่มุกเป็นอัญมณีธาตุน้ำจึงเชื่อกันว่าไข่มุกมีพลังช่วยลดไข้หรือโรคที่เกิดจากความร้อนช่วยบำบัดอาการของคนที่เป็นโรคไต หอบหืด เสมหะ และระบบทางเดินหายใจไม่ปกติ

การดูแลรักษาเครื่องประดับมุก เวลาใช้เราต้องให้ความทะนุถนอมมากกว่าเครื่องประดับชนิดอื่นๆ เนื่องจากมุกเป็นอินทรีย์สาร มีความบอบบางและชำรุดได้ง่ายมาก จึงต้องอาศัยการดูแลเป็นพิเศษ ไม่ควรสวมเครื่องประดับมุกก่อนการแต่งหน้าหรือฉีดน้ำหอม ถอดเครื่องประดับมุกทุกครั้งก่อนทาโลชั่น เช็ดเครื่องประดับมุกด้วยผ้านิ่มๆ ที่ไม่มีขน โดยอาจเป็นผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาดๆ ก็ได้ ถ้าใช้ผ้าชุบน้ำควรผึ่งเครื่องประดับให้แห้งก่อนเก็บ

หากมุกมีคราบสกปรก ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ชนิดอ่อนโยน ห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย หรือผงซักฟอก และไม่ควรใช้เครื่องอัลตราโซนิคในการทำความสะอาดเครื่องประดับมุก

การเก็บรักษาเครื่องประดับมุก ควรแยกเก็บไม่ให้ปะปนกับเครื่องประดับชนิดอื่นๆ เพื่อลดโอกาสในการเสียดสี ซึ่งจะทำให้ผิวมุกเป็นรอยหรือกะเทาะได้

ข่าวล่าสุด

จ่อตั้ง 1 จังหวัด 1 คลินิก 'การแพทย์แม่นยำ' ถอดรหัสพันธุกรรมโรคมะเร็ง-โรคหายาก