ผีเสื้อแสนสวย
คนไทยปลูกดอกไม้นาม “ผีเสื้อ” มานานแล้วก็จริงแต่น้อยคนที่จะรู้ถึงความเป็นไป
โดย...ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม
คนไทยปลูกดอกไม้นาม “ผีเสื้อ” มานานแล้วก็จริงแต่น้อยคนที่จะรู้ถึงความเป็นไปของไม้ดอกชนิดนี้ ดังนั้นในวันนี้จะเล่าเรื่องของผีเสื้อให้มีข้อมูลสำหรับการปลูกเลี้ยงรวมทั้งประวัติความเป็นไปของผีเสื้อในสวนของเรา
ผีเสื้อมีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า พิ้งค์ (Pink) แต่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dianthus chinensis หมายถึง ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของไม้ดอกล้มลุกฤดูเดียวชนิดนี้มาจากรากฐานในประเทศจีน และอีกหลายประเทศในโลก แต่ความที่มันถูกผู้คนนำไปปลูกกันแพร่หลาย ในหลายทวีปหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาเหนือซึ่งพวกมันได้ถูกผสมพันธุ์จนเกิดลูกผสมอันหลากหลายล้วนแต่สวยสดงดงามเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้คนทั่วโลก
ผีเสื้อมักถูกปลูกรวมกันเป็นหมู่ เบียดติดกันในแปลง คล้ายถูกฝีมือแปรงของจิตรกรมือดีป้ายให้เกิดสีชมพูแปร๊ดสลับสีแดงสดสลับกันไปจนสุดลูกตา สีของดอกไม้ชนิดนี้สร้างภาพทะเลสีต่างๆ ขึ้นในสวนงานแสดงดอกไม้ขนาดใหญ่หลายแห่งในโลกไม่ว่าจะเป็นฮอลแลนด์ ญี่ปุ่น หรือสาธารณะรัฐประชาชนจีนก็ตาม ดอกของผีเสื้อเป็นเสมือนตัวแทนแห่งความร่าเริงเบิกบานที่คงอยู่ไปตลอดฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาวอันออกร้อนในเมืองไทย
เป็นเรื่องแปลกแต่จริง ที่พิ้งค์หรือผีเสื้อโดยธรรมชาติจัดเป็นพืชถาวร หรือพืชหลายฤดู (Perennials) แต่สมัยนี้เรายกให้มันอยู่ในกลุ่มของไม้ดอกฤดูเดียว (Annual) เสียแล้ว ทั้งนี้เพราะความที่เลือดเนื้อเชื้อไขของมันมาจากเมืองจีน สมชื่อชนิด (Species) ว่า Chinensis ดังนั้น ชนิดพันธุ์ดังกล่าวจึงให้เลือกที่บานอยู่ทนทาน แข็งแรง เติบโตได้ดีและมีชีวิตที่เกือบจะปลอดโรคแมลง
ไม้ดอกนาม “ผีเสื้อ” นี้ถูกปลูกกันแพร่หลายจนชินตา ค่าที่มันสามารถเพาะเมล็ดงอกกล้าได้ดี ไม่เฉพาะแต่ในถิ่นปลูกในอเมริกาเหนือเท่านั้น ในเมืองไทยมีผู้เพาะกล้าปลูกลงถุงพลาสติกดำขายเป็นจำนวนมหาศาล เพื่อใช้ปลูกลงประดับสถานที่เพื่อเพิ่มสีสันแสบตาในช่วงปลายฝนต้นหนาว (น้อย) และเนื่องด้วยสีสันฉูดฉาดของผีเสื้อจึงทำให้มันถูกปลูกลงสวนทั่วไปในเขตร้อนและเขตอบอุ่น กล่าวกันว่าเป็นเพราะฝีมือนักปรับปรุงพันธุ์พืชเท่านั้นที่ผสมพันธุ์ คัดพันธุ์จนได้ต้นที่แข็งแรง ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและย้ายจากเขตหนาวมาอยู่โซนที่มีอากาศร้อนได้ในปัจจุบัน พันธุ์ลูกผสมรุ่นใหม่จากญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา เพิ่มความหลากหลายในสีสันลวดลายของพันธุ์ปลูกชื่อใหม่ๆ ออกมามากมาย เช่น พิโคตี (Picotee F1 hybrid) ลูกผสมชื่อที่ 1 มีขอบจักละเอียดสีขาวบนพื้นสีแดงเลือดนก ดูราวกับปลายปีกผีเสื้อบางชนิด ลูกผสมพันธุ์นี้แม้ออกตลาดหลายปีแล้ว แต่ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายมันทนร้อน ทนฝนได้ดีระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงประกันได้ว่าจะให้สีสันสดใสในแปลงปลูกขนาดใหญ่ ใบของมันมีรูปร่างคล้ายใบหอก สีเขียวสดใสให้ความสดชื่นแก่สวนเขตร้อน และทำให้มันเป็นไม้ตัดดอกได้อีกด้วย
ผีเสื้อพันธุ์ลูกผสมชื่อที่ 1 ชื่อ “บลัชคิมสัน” (Blush Crimson) ให้กลีบแตกเป็นแฉกคล้ายฝูงผีเสื้อสีชมพูสดกำลังกระพือปีกอยู่กลางสนามหญ้า มันดูราวกับปูด้วยพรมสีชมพูอมแดง ตัดกับแปลงปลูกพันธุ์ดอกสีแดงสด เช่น พันธุ์ ซิงเกิ้ลโรส ผีเสื้อลูกผสมดอกแดงล้วนนี้มักปลูกลงกระถาง นำไปประดับในบ้านซึ่งสวยงามได้เกือบตลอดปี
ผีเสื้อลูกผสมดังกล่าวถูกปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมาเพื่อคนรักดอกไม้โดยแท้ยิ่งกว่าอะไร นักผสมพันธุ์พยายามเพิ่มยีนกลิ่นหอมเข้าไปและคัดเลือกพันธุ์ที่มีใบสวยงามอีกส่วนหนึ่ง ลูกผสมใหม่จะต้องคงคุณภาพสีรุนแรงเอาไว้ โดยรักษาลักษณะรูปร่างทรงต้นที่แข็งแรง ล่ำสัน แตกกอดีจนดูเป็นพุ่ม คุณสมบัติการเป็นพุ่มนี้ ทำให้นักทำสวนใช้มันปลูกเป็นขอบแปลงหรือปลูกเป็นกลุ่มในสวนหิน ซึ่งการปลูกประดับในสวนหินนี้เหมาะกับผีเสื้อซึ่งมีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย และทนทาน การคัดเลือกพันธุ์จนได้ผีเสื้อต้นแคระออกมาทำให้ปลูกตามขอบแปลงไม้ดอกฤดูเดียวอื่นๆ ได้อย่างกว้างขวาง ยิ่งกว่านั้นผีเสื้อลูกผสมพันธุ์ล่าสุดสีไวน์แดง (แดงคล้ำ–แดงอมม่วง) ยังกลายเป็นสีคลาสสิกสำหรับปลูกในกระถางทรงกลมขนาดใหญ่อีกด้วย
ผีเสื้อไชนีสพิ้งค์ชอบขึ้นในดินทรายระบายน้ำดี ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นกลาง (พีเอชประมาณ7.0) หรืออาจมีพีเอชสูงกว่านี้เล็กน้อยก็ได้ เราทำได้โดยการใช้ปูนขาว หรือปูนมารัล เติมลงไปเล็กน้อยในดินผสม การดูแลตัดแต่งดอกที่หมดอายุแล้วออก ช่วยให้ฤดูบานดอกยืนยาวขึ้น แม้ลูกผสมรุ่นใหม่ๆ อาจไม่ต้องการการดูแลมากมายเช่นนั้นก็ได้
ฤดูบานดอกผีเสื้อน่าจะอยู่ในช่วงเดือน ก.พ. มี.ค แต่ในบางวาระอาจร่นขึ้นไปในเดือน ม.ค.ก็ได้ ลูกผสมผีเสื้อชอบพื้นที่เปิดโล่ง แสงแดดจัด และหากมีระดับความสูงพื้นที่ 700–850 เมตร จะเหมาะสมมาก พื้นที่ผลิตไม้ดอกดังกล่าวจึงมีช่วงเวลาให้ดอกนานหลายเดือน ดอกจะทยอยผลิบานในแต่ละช่อ และสร้างช่อดอกใหม่ขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าต้นจะหมดอายุลง บางคนจัดให้ผีเสื้ออยู่ในกลุ่มพืช 2 ปี (Biennials) ซึ่งดูจะไม่ถูกต้องนัก ความจริงควรจะถือว่าเป็นพืชฤดูเดียว (Annual) จะเหมาะสมกว่า
ลองซื้อผีเสื้อพันธุ์ใหม่ๆ ในกระถางไปตั้งประดับบ้านของคุณดูสิครับ แล้วคุณจะรักไม้ดอกชนิดนี้


