posttoday

"เขียนแบบชีวิตที่คิดฝัน ”ภฤศธร สกุลไทย”

21 มีนาคม 2556

เราพบเขาครั้งแรกในงานจัดเลี้ยงอาหารกลางวันที่เกรย์ฮาวด์ คาเฟ่ สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นที่ที่เขาออกแบบตกแต่งภายใน

โดย...ณัฐพล ช่วงประยูร / ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข

เราพบเขาครั้งแรกในงานจัดเลี้ยงอาหารกลางวันที่เกรย์ฮาวด์ คาเฟ่ สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นที่ที่เขาออกแบบตกแต่งภายใน

เสน่ห์เบื้องต้นของ “ภฤศธร สกุลไทย” หรือ “อู๋” อาจทำให้เรานึกอยากค้นหาทำความรู้จัก ก็ไม่แปลกเพราะเขาเต็มเปี่ยมความสุภาพ เรียบนิ่ง และลุคเท่ เหมือนหีบห่อของมัณฑนากรที่คนมักคาดเดาฐานะศิลปิน แต่ใช่ว่าการประเมินครั้งนี้จะถูกต้องสมบูรณ์ แท้จริงเขาไม่ใช่สูตรสำเร็จของอาชีพหรือแนวคนที่เราเคยรู้จัก และสรุปไม่ได้ในทันที

ผลงานการออกแบบตกแต่งภายในที่เกรย์ฮาวด์ คาเฟ่ สาขาสยามสแควร์ เป็นความภาคภูมิใจอันหนึ่งของเขา ด้วยความสามารถ ทักษะ และโอกาสที่ศิลปินนักออกแบบคนหนึ่งจะได้รับจากลูกค้า ในที่นี้คือ แบรนด์เกรย์ฮาวด์ โดย ภาณุ อิงคะวัต ผู้ก่อตั้ง ที่เลือกใช้ บริษัท ระดับท็อปไฟว์ อย่าง พี อินทีเรียร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ หรือ PIA นำโดยดีไซน์ ไดเรกเตอร์คนนี้ อู๋ ภฤศธร

“โปรเจกต์ล่าสุดในเมืองไทยที่เสร็จ โซฟิเทล โซ แบงค็อก ผมทำเอลิเมนต์ที่เป็นไฟ คือ กลุ่มพับบลิก สเปซทั้งหมด แต่ผมอยู่ในร่างทรงของ พีไอเอ ไม่ได้ทำคนเดียว และคุณภาณุ ของเกรย์ฮาวด์ชอบที่นั่น เลยเปิดโอกาสให้มาออกแบบตกแต่งทำที่สาขาสยามนี้

จริงๆ ผมชอบแบรนด์เกรย์ฮาวด์มาตั้งแต่เด็ก แต่ตัวเราเองไม่ใช่แนวเขา ถ้าเราทำ ก็จะทำในแนวของเรา และคุณภาณุเปิดโอกาสอย่างมากว่าเมื่อเขาจ้างผมก็ให้ผมทำ ซึ่งปกติทั่วไป งานระหว่างเรากับลูกค้าจะครึ่งครึ่ง แต่งานนี้ผม เต็มที่ได้ 90/10% ส่วนใหญ่นั้นได้เสนออะไรที่แปลกใหม่สำหรับเขา เขาก็บอกว่าพอออกมาที่นี่ มันไม่ใช่ตัวเขา ไม่ใช่เกรย์ฮาวด์ แต่ผมก็มองว่ามันต้องมีชาเลนจ์บางอย่างเป็นประเด็นให้คนคุยถึง อันนี้ ตอบโจทย์ว่ามันทำให้คนสงสัย อยากรู้ และเกิดคำถาม”

อู๋ทำงานให้กับบริษัทรับออกแบบตกแต่ง ในฐานะดีไซเนอร์มานานนับ 10 ปี นับตั้งแต่เรียนจบ ใช่...นี่คืองานแรก ในที่ชั้นนำของกลุ่มธุรกิจเดียวกัน จากนักศึกษาคนหนึ่ง สู่มืออาชีพวันนี้ที่เพิ่งได้รับโปรโมตเป็น ดีไซน์ ไดเรกเตอร์

“เมื่อก่อนคือดูแลตัวเอง ดูแลงาน รับเงินเดือนจบ แต่ตอนนี้มีความรับผิดชอบ ต้องดูแลคนประมาณ 20 คน รับผิดชอบชีวิตเขา ในเวลาเดียวกันผมต้องดูแลองค์กรด้วย การขับเคลื่อนขององค์กรจะเป็นยังไง โปรเจกต์แต่ละอันขององค์กรจะเป็นยังไง เจเนอเรชันต่อไปจะเป็นยังไง

รูปแบบงานของผม ผมคิดว่าผมไม่มีแนวทางชัดเจน ผมทำงานที่นี่มาตั้งแต่เรียนจบ ตอนนั้นเลือกเองเพราะใกล้บ้านดี อยู่แค่อโศกนั่งรถไฟฟ้าถึงเลย มาสมัคร พรีเซนต์ แล้วก็ได้ พอเข้ามามีคนที่มีหน้าที่การงานแบบผม 6 คน ผมเด็กสุด จากสต๊าฟธรรมดาคนหนึ่ง ผมไม่ได้สนเรื่องตำแหน่งแต่ผมตั้งเป้าไว้ว่า ผมจะทำอาชีพนี้ให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ จนคุณรุจิราภรณ์ หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัทให้โอกาส ปลูกฝังผมทุกอย่างจนผมมีวันนี้”

ภายใต้ฝีมือการออกแบบสร้างสรรค์ให้โฮเทล มิวส์ พาร์คเวนเจอร์ โอคุระ เพรสทีจ และมีบาร์เล็กๆ อย่าง อะ ลิตเทิล บิทส์ ทองหล่อ 13 หรือแม้แต่โรงแรมในกลุ่ม ทัจ ที่อินเดีย และที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างที่จีน และอีกหลายแห่ง

“ปกติแบ่งตามโจทย์และตามใจเรา ประมาณ 50/50 เมื่อก่อนเราให้ลูกค้า 70/30 แต่พอเราโตขึ้น เรารู้สึกว่าต้องบาลานซ์ให้ได้ ลูกค้าแฮปปี้ ทุกคนแฮปปี้” เขาเองก็คงหวังลึกๆ ว่าวันหนึ่งจะเป็นเหมือนโทนี่ ชี ไอดอลด้านการออกแบบตกแต่ง ที่ไปเตะงานได้ 100 เต็ม โดยที่ลูกค้าเชื่อมั่นในไอเดีย และแนวทางของเขา

วันนี้อู๋อายุ 33 ปี เป็นหนุ่มหน้าใส เหมือนจะติสต์แตก แต่เขาเดินทางมาทางสายนี้ ด้วยพื้นฐานทางบ้าน คือหลายๆ คน ก็ทำด้านดีไซน์อยู่แล้ว บางคนเป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมของการออกแบบก็รับการซึมซับมาโดยไม่รู้ตัว

“เรารู้สึกชอบมัน เด็กๆ เราไม่รู้หรอกว่ามันมีกี่ประเภท ทำอะไรได้บ้าง มันเป็นอย่างไร เราเลือกเรียนมันทุกอย่างที่เกี่ยวกับดีไซน์ ลองดูว่าเราชอบแบบไหนกันแน่ เรียนในห้องไม่พอไปลงเรียนเพิ่ม หรือไปหมกตัวอยู่ในห้องสมุดศิลปะของป้า มีหนังสือดีๆ สร้างแรงบันดาลใจ ผมสนใจมากๆ”

หลังจากศึกษาจบกรุงเทพคริสเตียน อู๋ก็ไปศึกษาต่อด้านการออกแบบตกแต่งภายในที่คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และก้าวมาสู่เส้นทางอาชีพนี้ ด้วยความเป็นคนช่างคิดช่างถาม ใฝ่รู้ และเข้มข้นในมาตรฐานของตัวเอง ผสานกับธงที่ตั้งไว้ว่าเขาจะสมบูรณ์พร้อมที่สุด ไม่ดี...ไม่ทำ

“นิสัยผม กึ่งๆ เพอร์เฟกต์ชันนิสต์ ทำอะไรต้องดีที่สุด ต้องวางแผนว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ อย่างนั้น บางทีเป็นข้อดี บางทีเสีย มันก็ทำให้เราคาดหวังในสิ่งที่เราเจอพอมันไม่เป็นอย่างที่เราแพลน ก็แย่ โดยสิ่งที่ดำเนินชีวิตก็พยายามตั้งธงกับทุกๆ อย่าง

เริ่มต้นจาก ชีวิตผมไม่ได้เรียบง่าย พ่อแม่แยกทางกันตอนเรียนมัธยมปลาย ตอนเด็กเราเองก็ไม่ได้มีทุกอย่างนะ แต่เรา โอเค ประหยัด อดออม เวลาเล่นของเล่น คนอื่นเขาเล่นอย่างอื่นกัน แต่แม่ผมจะซื้อของเล่นฝึกทักษะตรรกะ เขาคิดว่าเสียตังค์แล้วต้องได้ประโยชน์กับลูกที่สุด สมัยนั้นผมต่อกันดั้ม ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์เอามาชนกันแต่มันคือส่วนที่ต้องประกอบขึ้นเป็นหุ่น อยากเล่นก็ต้องต่อมันก่อน

ผมมองว่าคุณแม่ใช้เงินเป็น เขาจะซื้อของให้ลูกเขาต้องเลือกที่จะใช้จ่าย และเราซึมซับตรงนั้นมา วันหนึ่งถ้าผมมีครอบครัวมันเป็นแรงผลักดันให้ผมต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ผมเป็นลูกคนเดียว เอาแต่ใจแน่นอน คุณแม่เองก็ตามใจไม่กล้าดุ แต่ในทางบวกผมจะไม่ยอมลดมาตรฐานหรือเป้าหมายที่ตั้งไว้ เราเคยตั้งไว้ว่าเราต้องทำแบบนี้ แบบนั้น เราต้องทำให้ได้ จะต้องไฟต์ให้ได้ทุกวิถีทาง

บ่อยครั้ง คนรอบข้างจะมองว่าผม 1.เจ้าปัญหา ชอบที่จะมีคำถามตลอดเวลา ถามคำถามที่คนอื่นไม่คิดตอนนี้ก็ยังเป็น เราไม่รู้จริงๆ เราอาจสงสัยในเวลาที่คนอื่นไม่สงสัย 2.ใจร้อน ถ้าเราสนใจเราจะใจร้อนที่จะทำ ผมขวนขวายหามันเองตลอดแม้กระทั่งกับแฟน มีปัญหาสงสัยก็ถามเลย พยายามจะเคลียร์ บางทีในชีวิตประจำวันอาจจะใช้ไม่ได้กับทุกคน แต่ชีวิตงานอาจจะดี แต่อย่างกับงานมันต้องเร็วรอไม่ได้ครับ

ผมว่าหัวใจของอาชีพนี้ มันต้องอยู่กับมันเหมือนเพื่อน เหมือนแฟน เหมือนครอบครัว ต้องอยู่กับมันได้ ไม่ใช่วันนี้เราจะมารู้สึกว่าการต้องไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วมันเหนื่อย จริงๆ มันคืออยากไป นั่นแหละเหมือนกัน เราอยากไปทำงานสนุกกับมัน มันเป็นชีวิตประจำวัน ที่ที่ผมเลือกไปแต่ละที่เราสนุกกับมัน บางคนมองอาจจะคิดว่า เอ้ย ไปทำงานอีกแล้ว เพราะผมชอบไปนอนโรงแรม สวยๆ แปลกๆ ใหม่ๆ บางคนคิดว่าทำไมไปถ่ายรูปอีกแล้ว แต่เราถ่ายมุมที่เราชอบเก็บ เราสนุกอยู่ต่างหาก

ผมว่าเราจะไปได้ดี ถ้าเรามีความปรารถนาแรงกล้า มีความอดทน และต้องมีคำถามตลอดเวลา อยากรู้อยากเห็นต้องรักการท่องเที่ยว เงินที่เราใช้จ่ายต้องจ่ายไปกับสิ่งพวกนี้ ยอมพักโรงแรมพาร์ค ไฮแอท เพื่อจะไปดูงานของ โทนี่ ชี อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง วันหนึ่งคุณไม่รู้อะไรเลย ทุกวันคือการเรียนรู้ และยังต้องมีความกล้าอย่ากลัวผิด ผมโดนด่าตลอดโดน หัวหน้าตีตลอดเวลา แต่ผมว่าถ้ามันไม่ผิดในอดีตวันนี้เราจะมีหลอดไฟใช้กันไหม ถ้ามันไม่มีความสร้างสรรค์มันจะมีอะไรให้ใช้กันทุกวันนี้เหรอ”

ในมุมหนึ่งแม้เขานั่งลงสังสรรค์กับเพื่อน อู๋ไม่ใช่คนที่จับแก้วเครื่องดื่มกระดก หรือคีบบุหรี่เลย เขาขีดเขียนชีวิตในทุกนาทีอย่างสร้างสรรค์ เขาจัดแจงมันด้วยด้วยความตรงไปตรงมา ขณะเดียวกันผ่อนปรนกับผู้อื่นแต่เข้มงวดกับตัวเอง

ภฤศธร สกุลไทย (อู๋)

ลูกชายคนเดียวของบ้าน เกิดและเติบโตในย่านสุขุมวิท เอกมัย ทองหล่อ กับฝ่ายแม่ หลังจากพ่อแยกครอบครัวไป

สนใจพาราด็อก ศิลปะลวงตา และขลุกอยู่ในห้องสมุดของป้า จุดประกายเริ่มต้นเข้าสู่การฝึกหัดเรียนขีดเขียนวาดรูป

จบมัธยมจากกรุงเทพคริสเตียน และศึกษาต่อด้านการออกแบบตกต่างภายใน คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

ทำงานที่แรก และที่เดียวนานนับ 10 ปี ที่ “พี อินทีเรียร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์” หรือ PIA บริษัทออกแบบฯ ชั้นแนวหน้า

สมัยอยู่ที่ศิลปากร เขาแทบไม่ร่วมกิจกรรมกลุ่มใดๆ ด้วยโปรเจกต์ของสาขาที่ล้นมือ รวมถึงไม่ได้ชอบเข้าสังคมสักเท่าไร ฉะนั้นเพื่อนซี้ที่ปึ้กจะมีไม่มากแต่คุณภาพคับแก้ว ทั้งจากกลุ่มที่มหาวิทยาลัย และสมัยเรียนมัธยม

แม้ว่าหน้าตาหล่อเซอร์ แต่เขาไม่ถนัดการดื่ม ทว่ายังคงนั่งลงสังสรรค์ แลกเปลี่ยน พูดคุย และตั้งคำถามกับทุกเรื่องที่สนใจ และพัฒนาชีวิตอยู่เสมอ

สิ่งที่เขาหมายมั่นอย่างหนึ่งคือการมีชีวิตครอบครัวที่ดี ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ตั้งธงว่าจะต้องเดี๋ยวนี้ ต้องดีขนาดนี้ และเขากำลังรอให้มันค่อยๆ เป็นไปตามธรรมชาติ

สิ่งที่คุณแม่เป็นแบบอย่างคือใส่ใจดูแลรายละเอียดทุกอย่าง โดยเฉพาะชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเขา รวมถึงแม่ยังใช้เงินอย่างคุ้มค่า ขณะเดียวกันสิ่งที่แยกอู๋กับแม่ไม่ออกเลย คือ เป็นคนอ่อนไหวจริงๆ

นอกจากโซฟิเทล โซ แบงค็อก โฮเทล มิวส์ โอคุระ เพรสทีจ และเกรย์ฮาวด์ คาเฟ่ สยามเซ็นเตอร์แล้ว ผลงานในระดับเอเชียของเขาคือ ทัช วิวองต้า และโอโบรอยด์ ที่ อินเดีย รวมถึง อนันตรา ที่ ฉงชิ่ง ประเทศจีน

แนวทางความคิดของเขาก็คือ ต้องมีแพสชันล้วนๆ ไม่งั้นอยู่ไม่ได้ ต้องมีคอมเมอร์เชียล สเกลอยู่ในหัว คนเราเป็นโซโล อาร์ติสต์อย่างเดียวไม่ได้ เวลาทำงาน ไม่ใช่จะอีโก้ หรือไม่ยอม

บางคนคิดว่า ชีวิตเราจะไม่เปลี่ยนตัวตนของเราเลย พี่คนหนึ่งทำให้ผมตาสว่างขึ้น เขาบอกว่า วันหนึ่งที่คุณยกระดับความคิดตัวเองขึ้น มันคือวันที่คุณเสียสละให้คนอื่นได้ ไม่ใช่เสียสละโดยโง่ๆ นะ เสียสละในเรื่องที่สำคัญ อย่ามองแค่ว่าเราต้องเสียอะไร แต่เราได้ยกระดับตัวเราขึ้นแล้วต่างหาก

แบบที่ทำยากที่สุด และไม่เสร็จสักทีคือบ้านของแม่ที่เขาอยู่ด้วย แม้ว่าจะเขียนม

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์