Jade : The Holy Gem
โดย...สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
โดย...สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
หยก หรือ Jade รู้จักกันเป็นอย่างดีในหมู่คนไทย โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีน ที่เห็นว่าหยกเป็นอัญมณีที่มีความหมายมงคล โดยเชื่อว่าหยกคือหินจากสวรรค์ ช่วยรักษาความสมดุลของหยินและหยาง ระหว่างสรวงสวรรค์กับโลกมนุษย์ เป็นอัญมณีชั้นสูงสำหรับองค์จักรพรรดิและราชวงศ์เท่านั้น
หยก (Jade) ในทางสากลยอมรับให้ใช้เรียกหินสองกลุ่มนี้เท่านั้น คือ หยกเนไฟรต์ (NephriteJade) และหยกเจไดต์ (JadeiteJade) หยกทั้งสองชนิดนี้สามารถแยกออกจากกันได้ไม่ยากนัก โดยให้สังเกตจากความวาว โดยหยกเนไฟรต์จะมีความวาวแบบเทียน ส่วนหยกเจไดต์จะมีความวาวแบบแก้ว
โดยทั่วไปหยกเจไดต์จะได้รับความนิยมและมีมูลค่าสูงกว่า เนื่องจากมีความหลากหลายของสีสัน มีแหล่งสำคัญในรัฐแน ประเทศเมียนมาร์ ถูกนำไปใช้ในประเทศจีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ส่วนหยกเนไฟรต์ มีการใช้ในประวัติศาสตร์จีนมาอย่างยาวนานนับพันปี ตั้งแต่ยังไม่มีการรวมชาติ โดยนำมาทำเป็นเครื่องมือ อาวุธ และของใช้ชนิดต่างๆ มากมาย แต่ในปัจจุบันนิยมเฉพาะเนไฟรต์ขาว ซึ่งมีแหล่งสำคัญในมณฑลซินเจียง ประเทศจีน ส่วนเนไฟรต์สีอื่นๆ นั้นที่นิยมคือสีเขียว ซึ่งมีแหล่งสำคัญในประเทศแคนาดา
หยกที่ค้าขายกันโดยทั่วไปในท้องตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยกเจไดต์นั้น จะมีการแบ่งคุณภาพออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ที่เป็นที่ยอมรับในตลาดเอเชีย คือ หยกเอ หยกบี และหยกซี ตามชนิดของการปรับปรุงคุณภาพ โดยหยกที่ไม่มีการปรับปรุงคุณภาพ เรียกว่า หยกเอ (AJade) หยกที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพด้วยการใส่สารโพลิเมอร์เพื่อเพิ่มความใสและความวาว เรียกว่า หยกบี (BJade) ส่วนหยกที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพด้วยการย้อมสีเรียกว่า หยกซี (CJade)
หยกเจไดต์ที่คุณภาพดีนั้นจะต้องมีเนื้อที่โปร่งไม่ทึบจนเกินไป มีสีที่สวยสม่ำเสมอ สีที่นิยมคือ สีเขียวสด ไม่มีสีอื่นปน มีโทนสีปานกลาง และสีมีความสด ไม่เข้ม หรืออ่อนจนเกินไป หยกเจไดต์คุณภาพที่ดีที่สุดเรียกว่า หยกจักรพรรดิ หรือ Imperial Jade เป็นหยกสีเขียวมรกต เนื้อค่อนข้างใส สีสม่ำเสมอทั่วทั้งเม็ด ราคาขายสูงมาก อาจสูงถึงหลายล้านบาททีเดียว
ส่วนหยกเนไฟรต์นั้นที่นิยม คือ สีขาวและสีเขียว สีต้องสม่ำเสมอ เนื้อโปร่งไม่ทึบ ดังนั้นในการเลือกซื้อหยกนอกจากเรื่องการปรับปรุงคุณภาพแล้ว ยังต้องคำนึงถึงเรื่องการซื้อผิดประเภท
สำหรับการดูแลรักษานั้น ไม่ยุ่งยากนัก ไม่ควรเก็บไว้รวมกับอัญมณีชนิดอื่นๆ เพราะจะเกิดรอยขูดขีด เนื่องจากหยกเป็นอัญมณีที่มีความแข็งไม่มาก ส่วนการทำความสะอาด ให้ใช้น้ำยาล้างเครื่องประดับ หรือสบู่เหลวอ่อนๆ ผสมน้ำให้เจือจาง เช็ดทำความสะอาด จากนั้นใช้ผ้านุ่มสะอาดซับให้แห้งต่อไป


