นพ.ชัชพล เกียรติขจรธาดา นักเขียนสไตล์ Pop Science
โดย...อณุศรา ทองอุไร ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
โดย...อณุศรา ทองอุไร ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
วันนี้มีนัดกับคุณหมอหน้าใส นพ.ชัชพล เกียรติขจรธาดา ที่รักงานเขียนเป็นชีวิตจิตใจ ถึงขนาดพักงานประจำกับการเป็นแพทย์ทางด้านรังสีรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช มาเขียนหนังสือถึง 2 ปีเต็มๆ เพื่อขับเคลื่อนความฝันให้เป็นจริงกับงานเขียน 2 เล่มแรก ร่างกายของเราและเหตุผลของธรรมชาติ
คุณหมอบอกว่า เพิ่งมาค้นพบตัวเองว่าชอบเขียนหนังสือแนว Pop Science ตอนที่ไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา เพราะไปอ่านหนังสือแนววิทยาศาสตร์สนุกๆ ที่นั่นหลายเล่มแล้วเกิดแรงบันดาลใจอยากจะเขียนหนังสือแนวนี้ดูบ้าง จึงเริ่มรวบรวมเก็บข้อมูล พอกลับมาประเทศไทยก็เริ่มงานเขียนอย่างจริงจัง และขณะนี้คุณหมอกำลังเตรียมงานเล่มที่ 3 อยู่ ซึ่งคาดว่าจะออกได้ราวต้นปีหน้า และคาดว่าจะมีแนวนี้อีก 2-3 เรื่องตามกันมาติดๆ
“ตอนนี้หนังสือแนวป๊อปไซน์ บ้านเราที่สนุกๆ อ่านแล้วเข้าใจง่ายๆ มันมีน้อย ผมอยากให้เด็กๆ มีหนังสือวิทยาศาตร์สนุกๆ อ่าน พออ่านแล้วได้แรงบันดาลใจ อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์หรืออยากมีงานเขียนออกมา เพราะคนไทยยังรู้เรื่องวิทยาศาสตร์กันน้อย โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับความป่วยไข้ในร่างกายของเรา ถ้ารู้ไว้ก็ได้เปรียบ เพราะหากเจ็บป่วยค่ารักษาก็สูงมาก ถ้าเรารู้และป้องกันเอาไว้ดีกว่าที่จะไปแก้ไขภายหลังที่อาจจะสายเกินแก้” เขากล่าวอย่างห่วงใย
หนังสือที่คุณหมอจะเขียนนั้น ไม่ได้เป็นแนววิทยาศาสตร์ล้วนๆ แต่จะพาดเกี่ยวไปกับวัฒนธรรม สังคม การกินอยู่ ย้อนไปตั้งแต่ในยุคปู่ย่าตายายของเราจนมาถึงวันนี้ อะไรทำให้เราคิดอย่างนี้ กินแบบนี้ แล้วทำไมจึงเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคแบบนี้ ที่สำคัญต้องนำเสนอให้เห็นภาพแล้วเข้าใจง่าย อ่านง่าย ไม่ซับซ้อนเต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคเยอะๆ จนอ่านแล้วมึน ไม่ใช่หนังสือแนววิชาการหนักๆ
“โชคดีผมชอบเล่า มีอะไรมักจะเล่าให้เพื่อน ให้ครอบครัวฟัง ก็จะพยายามเขียนหนังสือแบบเล่า จะได้อ่านเข้าใจง่าย จะได้ช่วยให้คนอ่านหนังสือแนววิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น เพราะตลาดตรงนี้ยังแคบมาก เราน่าจะช่วยกันขยายตลาดตรงนี้ให้มากขึ้น”
ปัจจุบันนี้ คุณหมอก็ยังคงต้องค้นคว้าหาข้อมูล อ่านหนังสือแนวนี้อยู่เสมอ เนื่องจากมีเรื่องใหม่ๆ เข้ามาทุกวัน หนังสือภาษาอังกฤษดีๆ แบบนี้มีอีกเยอะ ซึ่งตัวเขาเองก็ต้องทำการบ้านอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ตกกระแสที่ออกมาทุกวัน เพราะเขาเองก็มุ่งมั่นตั้งใจกับงานเขียนที่รักไม่แพ้งานแพทย์
5 ชิ้น ที่มีคุณค่าทางใจ...
1.หูฟังของคุณพ่อ... เนื่องจากคุณพ่อ (นพ.ณรงค์ศักดิ์ เกียรติขจรธาดา) ก็เป็นคุณหมอทางด้านมะเร็งเหมือนกัน ตอนผมจบหมอ คุณพ่อก็เลยยกหูฟังแพทย์อันนี้ให้เป็นที่ระลึก ซึ่งคุณพ่อใช้มานานหลายปี ตอนไปเรียนต่างประเทศผมก็เอาหูฟังนี้ไปด้วย เหมือนมีคุณพ่ออุ่นใจอยู่ใกล้ๆ ตัว ผมภูมิใจในตัวคุณพ่อมาก ท่านเป็นไอดอลของผมทุกเรื่องเลย แล้วท่านก็เป็นกำลังใจที่สำคัญให้กับผมเสมอ เรื่องงานเขียนก็ถือว่าคุณพ่อเป็นแรงผลักดันที่สำคัญของผมให้มีงานเขียนมาถึง 2 เล่ม
2.หูฟังและโทรศัพท์... เนื่องจากข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์มันเยอะ ถ้าจะให้อ่านอย่างเดียวผมอ่านไม่ทัน ก็เลยใช้วิธีดาวน์โหลดหนังสือมาไว้ในไอโฟน แล้วก็ฟังแทนการอ่านเวลานั่งรถไปไหนมาไหน ถ้าอยู่บ้านก็อ่าน แต่ถ้าเดินทางก็ใช้ฟังแทน ไม่งั้นเก็บเกี่ยวข้อมูลไม่ทัน ข้อมูลล้นทะลักมากครับ
3.หนังสือแนววิทยาศาสตร์... เรื่อง In Search of Memory ของ Eric R. Kandel ซึ่งเขาก็เป็นหมอและเป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาเป็นจิตแพทย์ที่ได้รับรางวัลโนเบลด้านความจำ เขานำเสนอว่าสมองจำได้อย่างไร ตอนเด็กๆ ผมไม่ชอบวิทยาศาสตร์เท่าไหร่ พอไปเรียนเมืองนอกอ่านงานของเขาแล้ว ผมรู้สึกรักงานเขียนแนววิทยาศาสตร์ขึ้นมาทันที เกิดแรงกระตุ้นอยากเขียนขึ้นมาจริงๆ จังๆ เขากระตุ้นต่อมเขียนของผมขึ้นมา
4.นาฬิกา... เรือนนี้พี่สาวฝาแฝดของผมซื้อให้ แม้จะเป็นพี่สาว แต่ก็สนิทกันมาก เขาเรียนจบทำงานก่อนแล้วก็เก็บเงินซื้อให้ เขาซื้อนาฬิกาให้ผมหลายเรือนแล้ว แต่ชอบเรือนนี้มากที่สุด ผูกพันสนิทกันมาก แม้พี่สาวแต่งงานไปแล้ว แต่เราก็ยังคุยกันบ่อยๆ
5.เครื่องมือออกกำลังกายฉบับพกพา... ตอนนี้มีงานเขียนหนังสือกับบางทีต้องไปพูดเรื่องวิทยาศาสตร์ให้นักเรียนฟังบ่อยๆ ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย ก็เลยต้องมีอันนี้คอยไว้บีบ จะได้ออกกำลังกายบ้าง ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย การออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญในการช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ถ้ามีเวลาผมพยายามจะเข้าฟิตเนสให้ได้อาทิตย์ละ 3 ครั้ง


