วัดไทย ออกแบบตามพุทธปรัชญาหรือไม่?
“วัดพุทธ” จำนวนมากทั้งในประเทศ ต่างๆ เช่น ไทย พม่า จีน ฯลฯ จะออกแบบตกแต่งอาคารอย่างหรูหราวิจิตร ประดับประดาด้วยวัสดุมีค่าต่างๆ ที่ดูคล้ายคลึงพระราชวัง เพราะต้องการแสดงถึงศรัทธาอันแรงกล้าที่ทุ่มเทในการ สร้างวัด และวัดจำนวนมากก็สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์ต่างๆ จึงไม่น่าแปลกใจ ผลจะเป็นไปในหลักลักษณะดังกล่าว
โบสถ์คริสต์ในนิกายโรมันคาทอลิก ก็มีลักษณะวิธีคิดที่ประดับประดาอย่างสวยงามวิจิตรคล้ายคลึงกัน
ส่วนโบสถ์คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ วัดพุทธในลังกา ญี่ปุ่น จะมีลักษณะที่เรียบง่ายกว่า
ถ้าเรามาพินิจพิเคราะห์ให้ดีว่า วิธีการออกแบบ “วัดไทย” ถูกต้องและเหมาะสมกับ “พุทธ ปรัชญา” หรือแนวคิดตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ก็จะพบว่า :
(ตาราง 1)ตัวอย่างการวางผังออกแบบพุทธสถาปัตยกรรม
1.อาคารอเนกประสงค์วัดเบญจมบพิตร ผมได้มีโอกาสออกแบบอาคารอเนกประสงค์ให้วัดเบญจมบพิตร โดยเริ่มจากท่านเจ้าคุณพระปริยัติธรรมธาดา ได้ให้ผมช่วยดูแบบที่มีอยู่แล้ว ผมดูแล้วพบว่าถ้าแก้ไขต้องแก้มาก จึงอาสาออกแบบให้ โดยมีหลักการ ดังนี้คือ :
(รูปประกอบ 1)1.1 เน้นประโยชน์ใช้สอย เช่น
n เปลี่ยนจากห้องจอดรถใต้ดิน เป็นจอดบนดิน ทำให้จอดรถได้เพิ่มขึ้น ประหยัดค่าก่อสร้างผนังโดยรอบ ประหยัดค่าปั๊มน้ำในระยะยาว ทั้งยัง โล่ง โปร่ง ระบายอากาศเสียได้ดีกว่า เป็นต้น
n ห้องประชุมไม่ให้มีเสาเกะกะภายใน
n ออกแบบกุฏิพระผู้ใหญ่ ให้มีห้องอาบน้ำที่มีม้านั่งในตัว และกั้นห้องอาบน้ำด้วยกระจกบานเลื่อนนิรภัย ทำให้ห้องน้ำส่วนอื่นพื้นไม่เปียก
n เน้นการกันแดดฝน
n ใช้วัสดุทดแทนที่ดูแลรักษาง่าย
1.2 ความงามที่สงบเป็นระเบียบ
n การจัดช่วงเสา โครงสร้างอาคาร จังหวะ ประตูหน้าต่าง ฯลฯ ให้เป็นระเบียบ เสมือนจิตใจที่มีสมาธิ
1.3 ความงามที่สว่างเบิกบาน
n แสงสว่างขับไล่ความเขลาเบาปัญญา เปลวไฟเทียนช่วยเผาผลาญกิเลส อาคารได้ออกแบบให้มีช่องแสงหลังคาที่ทำให้รู้สึกเบิกบาน จากแสงธรรมชาติ ทั้งยังประหยัดพลังงานด้วย
1.4 ความงามที่เป็นสัจจะ
n เลือกใช้วัสดุธรรมชาติที่มีความงามของลายและสีสันในตัว โดยไม่ต้องทาสีทับ เช่น หินแกรนิต หินทราย ไม้สัก ไม้มะค่า กระจก สีคอนกรีต ไม่ฉาบปูน ไม่ทาสี
n บางส่วนที่จำเป็นต้องทาสี เช่น เพดานยิปซัมบอร์ดจะทาสีขาว
1.5 สัญลักษณ์ หรือความหมายทางพุทธศาสนา
n มีสระบัวหน้าอาคาร
n บันไดเวียน หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิด
n ระยะความกว้างยาว, จำนวนชั้น, จำนวนช่วงเสา, ขั้นบันได ฯลฯ
แสดงถึงความหมายทางพุทธศาสนา เช่น
3 หมายถึง รัตนตรัย, ไตรสิกขา
4 หมายถึง อริยสัจ 4, อิทธิบาท 4, พรหมวิหาร 4
5 หมายถึง เบญจศีล, เบญจมบพิตร
8 หมายถึง มรรค 8 ฯลฯ
1.6.ความงามที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม
n ขนาดความกว้าง ยาว สูง ของตัวอาคารใกล้เคียงกับอาคารแวดล้อมไม่ออกแบบให้อาคารใหม่โดดเด่นเกินไป ที่จะไปข่มอาคารข้างเคียง วัสดุก่อสร้าง เช่น กระเบื้องหลังคาใช้เหมือนอาคารข้างเคียง สีสันอาคารเลือกให้บางส่วนเหมือน, คล้ายคลึง หรือกลมกลืนกับอาคารข้างเคียง
2.วางผังวัดไทยเชตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี ประเทศอินเดีย
(รูปประกอบ 2)เดือนที่แล้ว ผมมีโอกาสเยือนแดนพุทธภูมิ ในประเทศอินเดีย จึงได้มีโอกาสเสนอความเห็นแนะนำปรับผังของวัดไทยเชตวันมหาวิหาร ที่เมืองสาวัตถี เช่น
n ให้เลื่อนอาคารอุโบสถถอยห่างจากถนนใหญ่หน้าวัด เพราะที่อินเดีย รถบีบแตรเสียงดัง ฝุ่นควันมาก อีกทั้งการถอยร่นห่างจากมลพิษ จะทำให้อาคารดูสง่างามขึ้นอีกด้วย
n เสนอให้มีสระบัว และลานโพธิ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพุทธศาสนา
n แสดงความคารวะโบราณสถาน (ฐานสถูปพระสารีบุตร) ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของวัดทางด้านข้าง โดยการสร้างแนวแกนในการวางผังตั้งฉากกับโบราณสถาน และทำเป็นลานโพธิ์
n แนวแกนอีกด้านหนึ่ง (ตามยาว) จะผ่านศูนย์กลางของสระบัว (หน้าหลัง) อุโบสถและกุฏิเจ้าอาวาส
n แบ่งเขตพุทธาวาส และสังฆาวาสอย่างชัดเจน โดยมีลานโพธิ์เป็นศูนย์กลาง
n เสนอให้เปลี่ยนกุฏิพระ ที่จะออกแบบเป็นอาคารหลังเดี่ยวชั้นเดียวเป็นหลังๆ แบบบังกะโลเป็นเรือนแถว เพราะประโยชน์ใช้สอยดีกว่า สะดวกกว่า และประหยัดค่าก่อสร้างกว่า โดยระเบียงทางเดินกุฏิ จะเป็นแนวยาวอยู่สองข้างขนานกับสระบัว
n กุฏิเจ้าอาวาสต้องอยู่ในเขตสังฆาวาส จึงจัดไว้ในสระบัวด้านหลังลานโพธิ์ แต่เนื่องจากความเชื่อถือที่ว่ากุฏิเจ้าอาวาส ควรจะอยู่ด้านทิศใต้ของอุโบสถ จึงได้เสนอสร้างศาลาเจ้าอาวาสอีกหลังหนึ่งอยู่ในสระบัวด้านหน้าด้วย
3.วัดเล่งเน่ยยี่ บางบัวทอง
ตัวอาคารได้วางผังออกแบบอย่างวิจิตรพิสดาร ตามแบบอย่างสถาปัตยกรรมจีนโบราณ โดยมีพระราชวังโบราณในปักกิ่งเป็นต้นแบบ มีการสลักหินและระบายสีคานเสาอาคารอย่างวิจิตร อาคารวัดเล่งเน่ยยี่ มีความสูงใหญ่กว่าอาคารพระราชวังโบราณจึงดูงามสง่าโอ่โถงกว่า แต่ที่น่าเสียดายที่วัดตั้งอยู่ในเขตบางบัวทอง แต่ไม่พบ สระบัว และไม่มีลานโพธิ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาจึงได้เสนอให้ทำทั้งสระบัว และลานโพธิ์เพิ่ม
4.วัดส่วนใหญ่มีแต่ลานจอดรถคอนกรีตและศาลา สวดศพ
ทำให้วัดดูแห้งแล้ง ไม่ร่มรื่น ได้เสนอแนะให้วัดต่างๆ ปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มในลานจอดรถ ทำลานโพธิ์ สระบัว ม้านั่ง สนามหญ้า ฯลฯ ที่ผ่านมา บริษัท ศุภาลัย ที่ผมทำงานอยู่ได้มีโอกาสช่วยพัฒนาภูมิทัศน์ในศาสนสถาน ทั้งวัดไทยและมัสยิดหลายแห่ง
5.อาคารอุโบสถส่วนใหญ่เป็นสี่เหลี่ยมผืน ผ้าหลังคาจั่ว
ปัจจุบันวิวัฒนาการการออกแบบของอาคารหอ ประชุม โรงละคร และโบสถ์คริสต์รุ่นใหม่ๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้จุผู้คนได้มากขึ้น โดยผู้ฟังธรรมยังคงสามารถเห็นแท่นเวทีแสดงธรรมได้ไม่บังกัน และได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
“วัดพุทธ” รุ่นใหม่ก็เช่นเดียวกัน ควรจะมีการพัฒนา โดยอาศัยวิทยาการ การออกแบบใหม่ๆ ให้ประโยชน์ใช้สอยดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้ได้
6.วัดหลายแห่งเน้นความยิ่งใหญ่อลังการ หรูหราเพื่อประโยชน์ในเชิงพุทธพาณิชย์
ลักษณะดังกล่าวดีในด้านของการเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ทำให้คนประทับใจและจูงใจให้บริจาคเงิน แต่ไม่ตรงตามพุทธปรัชญาที่สอนให้มีน้อยใช้น้อย เช่น พระควรมีเพียงอัฐบริขาร เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า “วัดไทย” ที่ ผ่านมา ส่วนใหญ่ยังคงยึดหลักประเพณีนิยมที่ทำต่อๆ กันมา ในการวางผังออกแบบ โดยไม่ได้ใช้ปัญญาพินิจพิเคราะห์ว่า ถูกต้องตาม “พุทธปรัชญา” หรือ ไม่
“คุณค่า” ของ “คน” ไม่ได้วัดกันที่ “ความร่ำรวย” ฉันใด
“คุณค่า” ของ “สถาปัตยกรรม” ก็ไม่ได้วัดกันที่ “ค่าก่อสร้าง” ฉันนั้น
หากแต่เป็น “คุณค่า” ที่ แสดงถึง “ภูมิปัญญา” มากกว่า ว่าถูกต้องตรงตาม “พุทธ ปรัชญา” หรือไม่เพียงไร


