posttoday

คุยกันชิลชิล กับ ผู้ว่า ฯ ธปท. “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล”

08 ธันวาคม 2555

เสาวรส / ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข

เสาวรส / ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข

คุยกันชิลชิล กับผู้ว่าการ ธปท. ‘ประสาร ไตรรัตน์วรกุล’

“ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” หรือ ผู้ว่าประสาร ของนักข่าว เปิดห้องทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อพูดคุยเรื่องเบาๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานในฐานะผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

หลังจากรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2553 ผู้ว่าประสารยอมรับว่าเวลาว่างน้อยลง เมื่อเทียบกับงานอื่นๆ ที่เคยทำมาก่อน เพราะงานผู้ว่าการ ธปท. นอกจากจะบริหารงานภายในแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับงานภายนอกทั้งในและต่างประเทศ และระยะหลังมีการประชุมระหว่างผู้บริหารในต่างประเทศค่อนข้างมาก โดยนิยมใช้วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เพราะรู้ว่าวันธรรมดาผู้ว่าการธนาคารกลางแต่ละประเทศจะไม่ค่อยว่าง

นอกจากนี้ เมื่อต้องไปพูดในเวทีสาธารณะ (Public Speech) แม้จะมีเจ้าหน้าที่เตรียมการให้ แต่ตัวผู้ว่าประสารเองก็จะเรียบเรียงความคิดเองด้วย โดยใช้เวลากลางคืนที่ว่างจากงาน บางสัปดาห์เจอไป 45 งาน

เวลาว่างที่เหลืออยู่บ้างผู้ว่าประสารจึงไม่ต้องคิดอะไรมาก หรือแตกต่างจากคนอื่น เพราะส่วนใหญ่จะอยู่กับสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะการใช้เวลากับลูกชาย 2 คน “ตรัยวัชร์ และประวรรตน์ ไตรรัตน์วรกุล”

“ช่วงนี้ผมจะใช้เวลามากกับลูกชาย 2 คน เพราะอยู่ในช่วงพัฒนาการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา โดยคนโตกำลังเรียนมหาวิทยาลัย (Imperial College ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ) มาได้ 2 ปีกว่าแล้ว ส่วนคนเล็กเรียนโรงเรียนนานาชาติ อีกปีเศษก็จะเข้ามหาวิทยาลัย

คุยกันชิลชิล กับ ผู้ว่า ฯ ธปท. “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล”

 

ช่วงนี้ก็จะมีเรื่องการให้คำปรึกษาด้านการศึกษากับลูกด้วยความสนใจ

คือความสัมพันธ์ในครอบครัวผมตอนนี้มักจะเป็นแนวราบมากกว่าแนวดิ่ง สมัยก่อนจะเป็นแนวดิ่งตามวิชาความรู้ แต่ปัจจุบันจะเป็นแนวราบ เพราะเขามีวิชาความรู้ที่หลากหลาย มีการรับข้อมูล และมีช่องทางรับข้อมูลที่แปลกใหม่

ทำให้กลายเป็นว่าผมเรียนรู้จากลูกมากกว่าที่ลูกจะเรียนรู้จากผมด้วยซ้ำ เช่น พัฒนาการทางไอที โซเชียลมีเดีย ผมจะเรียนรู้จากเขา โดยเฉพาะลูกคนเล็กที่เรียนหลักสูตรนานาชาติที่น่าสนใจ มีความหลากหลายน่าเรียนกว่าแต่ก่อน

ทำให้เรามีความสัมพันธ์แนวราบมากขึ้น คือมีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันมากขึ้น แทนที่จะสอนแล้วเขาฟัง

บางครั้งการมองในปัญหาเดียวกันจะเป็นการถกกันมากกว่า ทั้งกับลูกชายคนโตและคนเล็ก ยิ่งตอนเขาอายุ 16 ปี การจะหยิบยกประเด็นข่าวมาถกมาแลกเปลี่ยน”

ผู้ว่าประสาร เล่าว่า แม้จะอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. แต่ไม่เคยแลกเปลี่ยนกับลูกเรื่องหน้าที่การงาน หรืออัตราดอกเบี้ยที่มักจะเป็นข่าวคราวบ่อยครั้ง เพราะเป็นเรื่องเทคนิคเกินไป แต่แม้กระนั้นข่าวที่พ่อลูกสนใจก็ยังไม่พ้นเรื่องระดับนโยบายของรัฐ อย่างนโยบายจำนำข้าว นโยบายรถยนต์คันแรก กรณีนี้สำหรับลูกชายคนโต ส่วนคนเล็กเรื่องที่คุยกันจะเน้นไปที่ข่าวเทคโนโลยี เช่น กรณีบริษัท แอปเปิล มีการไล่ผู้บริหารที่ไม่รับผิดชอบเรื่องซอฟต์แวร์ สองพ่อลูกก็ถกมุมมองกันว่า การไล่ออกดีไหม

และแน่นอน ในวัยที่ลูกเริ่มโตและอยู่ในสังคมโซเชียลมีเดีย ก็ได้รู้ได้เห็นข่าวคราวที่พ่อถูกวิจารณ์ทางการเมือง เรื่องนี้ผู้ว่าประสารยอมรับว่ามีการแลกเปลี่ยนกับลูกเหมือนกัน

“เพราะเขาได้ข้อมูลที่หลากหลาย ส่วนใหญ่เขาจะมีเพื่อนในวงการโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะคนโตจะมีเพื่อนเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ และมักจะให้ความเห็นในโซเชียลมีเดีย เขาก็มาเล่าให้ฟัง”

ถามว่าถือเป็นการเช็กเรตติ้งให้พ่อไปในตัวหรือเปล่า ผู้ว่าประสารปฏิเสธ บอกว่า

คุยกันชิลชิล กับ ผู้ว่า ฯ ธปท. “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล”

 

“ไม่เชิงอย่างนั้น แค่หาข้อมูลพูดคุยกัน เหมือนความสัมพันธ์แนวราบ ที่ไม่ใช่การสั่งสอนโดยตรง เพราะการศึกษาของเขาทำให้มีการฟังคำวิจารณ์ ใช้เหตุผลเยอะกว่าสมัยที่เราเคยเรียนเยอะ เพราะหลักสูตรสมัยใหม่ตั้งแต่มัธยมเลย ทำให้เขามองประเด็นเหล่านี้ในเชิงวิพากษ์วิจารณ์แบบใช้เหตุผลมากกว่าจะบอกให้เชื่อหรือไม่เชื่อ”

ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก นอกเหนือจากการพูดคุยกันมากขึ้นในวัยที่ลูกชายทั้งสองเติบโตจนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้แล้ว ทั้งครอบครัวคือพ่อแม่ลูก ยังมีกิจกรรมพื้นฐานทั่วไปที่ทำร่วมกัน เช่น ไปเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศร่วมกัน กินข้าวนอกบ้าน และยังมีกิจกรรมพิเศษที่ทุกคนชอบเหมือนกันคือ “ดูหนัง”

“เวลาว่างก็ไปดูหนังด้วยกัน ทั้งหนังไทย หนังต่างประเทศ เป็นกิจกรรมที่ทุกคนในบ้านชอบแม้เวลาจะน้อยลง

หนังที่ไปดู ก็อย่างเช่น รัก 7 ปี ดี 7 หน ซึ่งเป็นหนังครอบครัว หนังเรื่องเอทีเอ็มฯ หรือแฟนฉัน นี่ก็ดี

ละครทีวีก็ดู แต่ส่วนใหญ่จะดูละครของค่ายเอ็กแซ็กท์ ทางช่อง 5 ผมชอบดูแนวดรามา แม้เรื่องจะไม่มีอะไรมาก แต่ดรามาดี อย่าง “สายฟ้ากับสมหวัง” ก็ดูดี นักแสดงมีความสามารถ หรือ “สาวน้อย” ทางช่อง 9 ก็ดู เพราะติดใจการทำละครของเอ็กแซ็กท์ แม้ว่าบางเรื่องจะดีบางเรื่องจะไม่ดี

ส่วนช่อง 3 ช่อง 7 ไม่ค่อยได้ดู ดูแล้วไม่ค่อยชอบ คนละสไตล์”

นับถึงวันนี้แล้วผู้ว่าประสารดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรที่เป็นหนึ่งในเสาหลักเศรษฐกิจขึ้นเป็นปีที่ 3 แล้ว ด้วยวัยที่ย่างขึ้นปีที่ 61 ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา บุคคลที่ดูเหมือนจะมีอิทธิพลต่อความคิด และการทำงานของผู้ว่าประสาร มีอยู่ 2 คน คนแรกคือ “กาลิเลโอ”

“ผมชอบอ่านหนังสือของกาลิเลโอ ถามว่าทำไมถึงชอบ ก็เพราะว่ากาลิเลโอเขาชอบความจริง เขาเกิดในยุคที่ศาสนจักรมีอำนาจมากและมักจะปิดกั้น เช่น บอกว่าโลกแบน แต่กาลิเลโออยู่กับความจริง พิสูจน์ว่าโลกไม่ได้แบน

นี่คือคุณสมบัติของกาลิเลโอ อยู่กับความจริง ค้นหาความจริง และกล้าหาญที่จะต่อสู้

ผมคิดว่าเป็นคุณสมบัติที่ดี และเข้าใจว่า วิธีคิดแบบนี้อาจจะมีส่วนติดตัวมาเรื่อย”

อีกบุคคลที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ อ.อัมมาร สยามวาลา

“อ.อัมมาร นี่แหละที่แนะนำให้ผมกลับเมืองไทย มาทำงานที่ ธปท. ด้วยการเขียนจดหมายมาสมัครงานที่ ธปท.”

ผู้ว่าประสาร บอกว่า ถ้าไม่ได้รับคำแนะนำนี้ ปัจจุบันนี้อาจจะไปปรากฏตัวในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัยใดสักแห่งตามความตั้งใจเดิม

บทส่งท้ายครั้งนี้ คงเป็นคำพูดที่เหมือนบทสรุปช่วงชีวิตของผู้ว่าการ ธปท. ที่บอกว่า

“ผมถือว่าเป็นคนโชคดีพอสมควร เพราะในแต่ละช่วงชีวิต และในแต่ละเวลาที่ผ่านมา มักจะได้พบคนดี มีหลักการ

และหลักการทำงานของผมก็ง่ายๆ คือ ต้องรู้ถึงความจริง แต่ก็ต้องไม่ทิ้งความหวัง ความฝัน

อย่างนโยบายสาธารณะ ผมเชื่อว่าการเมืองคงไม่คิดร้ายไปเสียหมด แต่ในส่วนที่เป็นความเสี่ยงของประเทศ เราก็ต้องดูว่าจะพอท้วงติงได้หรือไม่ ในรูปแบบไหนที่เหมาะสม

ผู้นำองค์กรจึงต้องคำนึงถึงภาวะความเป็นจริง และมีแรงบันดาลใจ มีความฝันในการทำงาน

ต้องหาจุดสมดุลให้ได้”

ผู้ว่าประสาร ทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68