ดาร์ก-สุข-คลาสสิก Frankenweenie
ขณะเขียนบทความนี้อยู่ที่ออฟฟิศ แหนงดู ก็ได้รับข่าวร้ายจากทางบ้านว่า เจ้าเป๊ปซี่ ได้จากเราไปแล้ว เวลา 12 ปี
โดย...แหนง-ดู
ขณะเขียนบทความนี้อยู่ที่ออฟฟิศ แหนง-ดู ก็ได้รับข่าวร้ายจากทางบ้านว่า เจ้าเป๊ปซี่ ได้จากเราไปแล้ว เวลา 12 ปีนั้นยาวนานเกินพอที่จะทำให้ลาบราดอร์ตัวนี้เป็นเหมือนเพื่อน พี่น้อง หรือลูกหลาน ไม่ต่างกับเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวเรา
จากนี้ไปคงจะเป็นเรื่องแปลกและเศร้า ถ้าหากเรากลับถึงบ้านโดยไม่มีเสียงเห่าต้อนรับจากเป๊ปซี่ ไม่มีเจ้าตัวนักวิ่งกะเผลกๆ (ขาหลังเสียเพราะโดนรถทับ) มาเลียแข้งเลียขาและฝากน้ำลายกองใหญ่ไว้ที่ขากางเกงของเรา ด้วยความเศร้าเสียใจ พวกเราก็จะพูดเหมือนทุกครั้งที่เสียเจ้าตูบแสนรักว่า ต่อไปนี้จะไม่เลี้ยงหมาแล้ว แต่ก็ไม่แคล้วต้องหาตัวใหม่มาเลี้ยงทดแทนตัวเก่าอยู่ดี
ขณะที่เขียนบทความนี้ แหนง-ดู จึงเข้าใจความรู้สึกของหนุ่มน้อยวิกเตอร์อย่างยิ่ง เมื่อเขาต้องสูญเสียหมาน้อยสปาร์กกี้ไปอย่างปัจจุบันทันด่วน คนอื่นๆ อาจจะเพียงแค่โศกเศร้าเสียใจด้วยความคิดถึงสัตว์เลี้ยงแสนรัก แต่ไม่ใช่วิกเตอร์ เขาได้ใช้ความรู้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เพื่อนซี้สี่ขาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ต่อมาเมื่อความลับที่พยายามซ่อนไว้หลุดออกไปถึงหูของเพื่อนๆ รวมไปถึงครูและชาวเมือง การฟื้นคืนชีพที่น่ายินดีกลับกลายเป็นเรื่องสยองขวัญ
สำหรับผลงานล่าสุดของ ทิม เบอร์ตัน ผู้กำกับชาวอเมริกันวัย 54 ปี ซึ่งมีแนวทางเฉพาะตัว คนที่ทำให้นักดูหนังตกหลุมรักในความแปลกจนสร้างกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่น จากงานเรื่องต่างๆ รวมถึง Edward Scissorhands, The Nightmare Before Christmas, Ed Wood, Sleepy Hollow, Corpse Bride, Charlie and the Chocolate Factory, Alice in Wonderland ฯลฯ
เรื่องได้รับแรงบันดาลใจตรงๆ มาจาก Frankenstein หนังปี 1931 (แถมมี Godzilla แพลมๆ เข้ามาด้วย) โดย ทิม เบอร์ตัน เคยสร้าง Frankenweenie มาแล้วเมื่อปี 1984 ตอนนั้นตั้งใจจะทำสต็อปโมชันขนาดยาว แต่ว่าทุนไม่ถึงเลยเปลี่ยนไปนำเสนอในรูปแบบหนังสั้นที่มีคนแสดงออกมาแทน (หนังของเขาได้เรต PG ทำให้เด็กๆ ดูไม่ได้ ทิม เบอร์ตัน เลยต้องออกจากดิสนีย์ ชีวิตผู้กำกับของเขาเลยถึงจุดเปลี่ยน) แต่ก็ยังไม่ถึงใจ ยี่สิบกว่าปีถัดมาก็เลยต้องซ้ำด้วยเวอร์ชันนี้ ซึ่งออกมาภายใต้ค่ายดิสนีย์
Frankenweenie ปีด้วยเทคนิคสต็อปโมชัน (เช่นเดียวกับเรื่อง Corpse Bride กับ The Nightmare Before Christmas ซึ่งล้วนถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์) และถ่ายทำแบบขาวดำ ก่อนจะนำเสนอในแบบ 3 มิติ เป็นหนังขาวดำและสต็อปโมชันเรื่องแรกที่ทำเป็น 3 มิติ นี่จึงเป็นจุดที่ศิลปะแอนิเมชันแบบคลาสสิกและโมเดิร์นมาบรรจบพบกันเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง
ชื่อของตัวละครในเรื่องอย่างเช่น วิกเตอร์, เอลซา แวน เฮลซิง, เอ็ดการ์ อี กอร์ รวมทั้ง มร.เบอร์เกอร์ไมส์เตอร์ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสยองขวัญชั้นคลาสสิคหลายๆ เรื่อง นักแสดงหลากหลายมาให้เสียงพากย์ โดยเฉพาะ วิโนนา ไรเดอร์, แคทรีน โอ’ฮาร่า, มาร์ติน ชอร์ท และมาร์ติน แลนเดา ที่เคยทำงานร่วมกับทิม เบอร์ตัน มาก่อน
แม้จะเป็นเรื่องราวของผีดิบและความตาย แต่ขอบอกว่า Frankenweenie เป็นหนังที่มีชีวิตชีวาเหมาะกับผู้ใหญ่และเด็กโต ทั้งน่ารัก สยอง และชวนลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ ภาพน่ารัก แสงสวย เรื่องคมมีประเด็นให้คิด (ชีวิต ความรัก และความตาย) ดนตรีเยี่ยม (ตบมือให้ เดวิด นิวแมน และไมเคิล คอนเวอร์ติโน) นับเป็นหนังที่ดีที่สุดของทิม เบอร์ตัน (ในทัศนะของข้าพเจ้า) นับตั้งแต่ Edward Scissorhands เป็นต้นมา ใครที่ชอบแอนิเมชันและหนังสยองขวัญแบบย้อนยุคต้องไม่พลาด
หนัง Frankenweenie จบอย่างแฮปปี้ (ขออนุญาตสปอยล์) แต่ ณ วินาทีนี้ แหนง-ดู ยังเศร้า เพราะทุกคนคงจะไม่โชคดีเหมือนวิกเตอร์ที่สามารถทำให้เจ้าสปาร์กกี้ฟื้นคืนชีพมาอยู่กับเขาได้อีกครั้ง ถึงจะจากไปโดยไม่กลับมาอีก แต่เพื่อนซี้สี่ขาจะยังคงอยู่ในหัวใจของเราตลอดไป หลับให้สบายนะ เป๊ปซี่


