เหินฟ้า มาอุบลฯ ยลเสน่ห์อีสานใต้
จังหวัดอุบลราชธานี ดินแดนแห่งพื้นที่ราบสูงมากด้วยมนต์เสน่ห์อีกแห่งของภาคอีสาน
จังหวัดอุบลราชธานี ดินแดนแห่งพื้นที่ราบสูงมากด้วยมนต์เสน่ห์อีกแห่งของภาคอีสาน
เรื่องและภาพ/วัชราวุธ ลีภาคภูมิภาคพานิชย์
“ขอมอบประกาศนียบัตรฉบับนี้ เพื่อแสดงว่าท่านคือ ผู้โดยสารที่เดินทางในเที่ยวบินปฐมฤกษ์” ข้อความที่ถูกบันทึกไว้บนกระดาษสีเหลืองสดใส ถูกส่งมอบให้ผู้โดยสารทุกคนที่กำลังร่วมเดินทางไปกับสายการบินนกแอร์เที่ยวบิน DD9310 กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-อุบลราชธานีของวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยพนักงานตอนรับสาวสวยและรอยยิ้มพิมพ์ใจ ทำให้การเดินทางครั้งนี้อบอุ่นตั้งแต่ต้น
เพียง 1 ชั่วโมง เราก็มาสัมผัสพระอาทิตย์ดวงใหญ่ก่อนใครในประเทศกันที่จังหวัดอุบลราชธานี ดินแดนแห่งพื้นที่ราบสูงมากด้วยมนต์เสน่ห์อีกแห่งของภาคอีสาน และเป็นศูนย์กลางของอีสานใต้ บ่อเกิดแห่งวิถีชีวิตของผู้คนริมสายน้ำ และแหล่งอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์หลายพันปีที่ยังปรากฏร่องรอย
แต่งแต้ม “ผาแต้ม”
หนึ่งในอารยธรรมชิ้นสำคัญกว่า 3000 ปีของจังหวัดอุบลราชธานี คือภาพเขียนสีโบราณก่อนประวัติศาสตร์ ที่เรียงรายไปตามแนวหน้าผาตลอดลำน้ำโขง รวม 4 กลุ่ม คือ ผาขาม ผาแต้ม ผาหมอนน้อย และผาหมอน แต่กลุ่มที่มีภาพจำนวนมาก และเข้าถึงสะดวกคือ กลุ่มผาแต้ม ซึ่งมีภาพเขียนสีกว่า 300 ภาพ ทั้งภาพสัตว์ เครื่องมือเครื่องใช้ สัญลักษณ์ และคน ด้านตรงข้ามผาแต้มคือ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดนทำให้ผาแต้ม เป็นจุดชมวิวที่สวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนที่แห่งใดในประเทศไทย
นอกจากนั้นแล้วก่อนถึงผาแต้มประมาณ 3 กิโลเมตร จะเป็นที่ตั้งของเสาเฉลียง เสาหินธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมนับล้านปี มีลักษณะคล้ายดอกเห็ดเรียงรายกันอยู่มากมาย ซึ่งหินดังกล่าวจะปรากฏเห็นซากเปลือกหอย กรวด ทราย อยู่ในเนื้อหิน ซึ่งนักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า เมื่อประมาณล้านกว่าปีมาแล้ว บริเวณนี้คงจะเป็นทะเลมาก่อน ชาวบ้านบริเวณนี้เรียกเสาหินที่คล้ายดอกเห็ดนี้ว่า “เสาเฉลียง ซึ่งแผลงมาจากคำว่า “สะเลียง”
โขงเจียม จุดบรรจบของแม่น้ำสองสาย
ไม่ไกลนักจากอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เรามุ่งหน้าสู่อำเภอโขงเจียม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกสุดของประเทศไทย ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 75 กิโลเมตร ถือได้ว่าเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาชมความงดงามของแม่น้ำโขง ที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศ เพราะเป็นบริเวณที่แม่น้ำโขงไหลออกจากประเทศไทยมาบรรจบกับแม่น้ำมูล ทำให้เกิดเป็นภาพแม่น้ำสองสี คือ โขงสีปูนและมูลสีคราม
จึงไม่น่าแปลกใจที่อ.โขงเจียมวันนี้ถูกจับจองสร้างเป็นโรงแรม รีสอร์ท และเกสเฮ้าท์หลายระดับ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน บริเวณนี้ยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยสะดวกต่างๆ เช่น แพอาหารริมแม่น้ำโขง เรือเล็กนำชมแม่น้ำสองสี และเรือสำราญล่องลำน้ำโขง โขงเจียมจึงเป็นจุดท่องเที่ยวชมบรรยากาศแม่น้ำโขงที่สมบูรณ์ครบครัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นจุดแวะพักก่อนหรือหลังการท่องเที่ยวใน สปป.ลาว เนื่องจากอยู่ไม่ไกลกับด่านชายแดน
เปิดประตูสู่อินโดจีน
ระยะทางเพียง 30 กิโลเมตรจากอ.โขงเจียม เราก็มาถึงด่านช่องเม็ก ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว ตั้งอยู่ที่อำเภอสิรินธร มีถนนเชื่อมต่อสู่แขวงจำปาสัก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทางภาคใต้ของ สปป.ลาว ในบริเวณด่าน นอกจากจะเป็นที่ตั้งของหน่วยราชการแล้ว ยังมีตลาดสินค้าชายแดน ร้านค้าปลอดภาษีในเขต สปป.ลาว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวชมและจับจ่ายสินค้าได้
หากมีเวลาเหลือสัก 1- 2 วัน นักท่องเที่ยวสามารถข้ามไปเที่ยวแขวงจำปาสัก ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ เมืองปากเซ เมืองหลวงเก่าของแขวงเมืองจำปาสัก ที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์และน้ำตกที่สำคัญอย่างน้ำตกคอนพะเพ็ง ซึ่งเป็นธารน้ำตกขนาดมหึมา ที่เกิดจากแม่น้ำโขงถูกกั้นด้วยแก่งหินขนาดใหญ่ก่อนไหลลงสู่ประเทศกัมพูชา ความสวยงามของน้ำแห่งนี้ได้รับสมญานามว่าเป็น “ไนแองการาแห่งเอเชียอาคเนย์” ด้วย
สำหรับการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวใน สปป.ลาว บริเวณด่านช่องเม็กนั้น นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ต้องขอวีซ่า ใช้เพียงหนังสือเดินทางสามารถอยู่ได้ 30 วัน หรือขอใบอนุญาตผ่านแดนจากสำนักงานจังหวัดอุบลราชธานี ก็สามารถอยู่ได้ไม่เกิน 3 วัน
**ขอขอบคุณ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานีที่เอื้อเฟื่อข้อมูลเและสายการบินนกแอร์ที่พาเหินฟ้าสู่จังหวัดอุบลราชธานีในครั้งนี้ สำรองที่นั่งโทร.1318**


