posttoday

สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะที่เสม็ดรีสอร์ทกรุ๊ป

10 สิงหาคม 2555

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์


บทสรุปหนึ่งที่ชัดเจนเกี่ยวกับสภาวะสิ่งแวดล้อม ก็คือ ไม่มีใครที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกคนบนโลกมีส่วนมากน้อยต่อการทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นหรือแย่ลงด้วยกันทั้งสิ้น หากมุมหนึ่งของการทำลายล้างก็คือด้านของการสร้างสรรค์ แม้ที่ผ่านมาเราปล่อยผ่านโอกาสมากมายให้ผ่านไป แต่ ณ นาทีนี้ที่ภาวะสิ่งแวดล้อมกำลังเผชิญกับความเลวร้ายสุดขั้ว ก็น่าจะเป็นนาทีที่เราทุกคนมีบทสรุปเดียวกัน นั่นคือการไม่ยอมปล่อยให้โอกาสในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมผ่านเลยไปอีก

วิภาค ปุณหวันลี้ตระกูล ผู้จัดการกลุ่มรีสอร์ต ในเครือเสม็ด รีสอร์ท กรุ๊ป ซึ่งล่าสุด 2 ใน 8 ของรีสอร์ตในเครือ ได้แก่ อ่าวพร้าว รีสอร์ท และเลอวิมาน คอทเทจ แอนด์ สปา ได้รับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย Clean, Safe, Healthy Environments And Lively 2012 ผลลัพธ์แห่งความภาคภูมิใจ และความมุมานะพยายามเพื่อสิ่งแวดล้อม

เสม็ด รีสอร์ท กรุ๊ป มีโรงแรมและรีสอร์ตในเครือ 8 แห่ง ตั้งอยู่บนเกาะเสม็ด จ.ระยอง โดยทั้งหมดมีนโยบายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในเรื่องสิ่งแวดล้อม นั่นคือการเป็นกรีนโฮเต็ล ซึ่งเป็นที่มาของโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมมากมายบนเกาะ รวมทั้งการสร้างจิตสำนึกรักษ์ชายหาดและทรัพยากรชายฝั่งของชุมชน ซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างโครงการที่เกิดขึ้น หลายแนวคิดมีที่มาจากชาวชุมชนเอง

“เรามุ่งที่ผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็เป็นผลดีต่อชาวชุมชนเอง ชุมชนเข้มแข็ง สิ่งแวดล้อมก็เข้มแข็ง ขณะเดียวกันก็ได้รับความเคารพจากนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน” วิภาค กล่าว

โครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่เสม็ด รีสอร์ท กรุ๊ป ดำเนินไปอย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับขนาดและพื้นที่ ความเหมาะสมและความพร้อม สิ่งแวดล้อมสะอาด คือหัวใจสำคัญ รองลงมาคือนโยบายที่ชัดเจน มีการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ตั้งแต่ผู้บริหารระดับบนจนถึงพนักงานระดับปฏิบัติการ ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ทุกภาคส่วนยึดโยงถึงกันอย่างแยกไม่ออก

สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะที่เสม็ดรีสอร์ทกรุ๊ป

 

แผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อม สำเร็จได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจ โดยเฉพาะจากหัวหน้าทีมปฏิบัติการ วิชาญ รัตนรังสี หรือ “ช่างโต” เจ้าของแนวคิดริเริ่มของหลายโครงการที่อ่าวพร้าว รีสอร์ท และเลอ วิมานฯ โครงการประยุกต์ตามปัจจัยขนาดพื้นที่ และความเหมาะสมของรีสอร์ตแต่ละแห่ง โครงการที่อ่าวพร้าวฯ และเลอวิมานฯ ซึ่งได้รางวัลสิ่งแวดล้อมอย่างเช่น

โครงการบำบัดน้ำเสีย : สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเกาะคือน้ำจืด การบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ จึงถือเป็นความจำเป็นสูงสุด จัดทำโครงการบำบัดน้ำเสีย นำน้ำที่ถูกใช้ไปแล้ว ผ่านบ่อบำบัดตามจุดต่างๆ ก่อนจะนำกลับมาใช้ใหม่ มีการลดการใช้ทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับเกาะ

การบริหารจัดการขยะ : จัดทำ “บันทึกขยะ” ทุกแผนกต้องลงบันทึกขยะที่ออกจากพื้นที่ของตัวเองในทุกๆ วัน ส่งใบรายงานทุกสิ้นเดือน ทำให้มีความชัดเจนในสถานการณ์ของเหลือทิ้ง ขยะทุกชนิดนำไปคัดแยก ขยะอีกประเภท คือ ขยะจากทะเล ซึ่งจัดเก็บสม่ำเสมอ หน้าหาดสะอาด ส่งผลต่อทัศนียภาพ ผลพลอยได้คือการได้ช่วยสัตว์น้ำ ทุกครั้งที่คลื่นลมแรง จะมีสัตว์น้ำที่บาดเจ็บจากการถูกคลื่นซัดเกยฝั่ง พนักงานมีหน้าที่นำสัตว์น้ำบาดเจ็บไปอภิบาล คลื่นลมสงบจึงปล่อยกลับลงทะเล การคัดแยกขยะ สร้างรายได้เป็นเงินสวัสดิการพนักงาน 853 บาท/เดือน หรือ 10,236 บาท/ปี

โครงการปุ๋ยหมักชีวภาพ : การตัดแต่งต้นไม้ในรีสอร์ต โดยเศษของกิ่งไม้และใบไม้ต่างๆ จะนำไปสับด้วยเครื่องย่อยปุ๋ยพืชสด แล้วนำมาหมักผสมกับน้ำหมักชีวภาพ ใช้ประโยชน์กับพืชและสวนในรีสอร์ตเอง ประหยัดค่าปุ๋ยได้ 2,450 บาท/เดือน หรือ 29,400 บาท/ปี

โครงการน้ำหมักชีวภาพ : นำเศษผลไม้จากครัวและบาร์ มาผสมกับกากน้ำตาล หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 วัน ใช้ฉีดไล่แมลง ใส่ท่อน้ำทิ้งและโถส้วม เพื่อกำจัดกลิ่นและละลายไขมันในบ่อดัก การทำน้ำหมักผลิตเอง ประหยัดได้ 1,800 บาท/เดือน หรือ 21,600 บาท/ปี

โครงการปลูกผักสวนครัว : ปลูกผักปลอดสารพิษสำหรับครัวรีสอร์ต และห้องอาหารสำหรับพนักงานด้วย

โครงการโซลาร์เซลล์ : เป็นโครงการที่ใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อทำน้ำร้อน ประหยัดค่าไฟฟ้า 67,392 บาท/เดือน หรือ 808,704 บาท/ปี

โครงการไบโอดีเซล : ได้จากน้ำมันพืชใช้แล้ว และไขมันสัตว์จากครัว ไบโอดีเซลย่อยสลายได้เองตามกระบวนการชีวภาพในธรรมชาติ ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม นำมาใช้กับรถของพนักงาน เครื่องตัดหญ้า เครื่องปั่นน้ำ เป็นต้น ประหยัดค่าน้ำมัน 8,939 บาท/เดือน หรือ 107,268 บาท/ปี

โครงการอีเอ็มบอล : ใช้บำบัดน้ำเสียในรีสอร์ต ทำให้ไขมันตกตะกอนก่อนที่จะลงบ่อบำบัด น้ำใสขึ้น ลดกลิ่นเหม็น

โครงการถ่านไม้ : ท่อนไม้และกิ่งไม้ขนาดใหญ่จากการตัดแต่งสวน นำมาเผาในเตาที่ก่อขึ้น (จากวัสดุเหลือทิ้ง) ตัวเตาเป็นถัง 200 ลิตร อาศัยความร้อนไล่ความชื้นในเนื้อไม้ เกิดเป็นคาร์บอนไนเซซัน ทำให้ไม้กลายเป็นถ่าน ผลผลิตที่ได้เป็นถ่านคุณภาพ สารก่อมะเร็งต่ำ ขี้เถ้าน้อย นำมาใช้กับเตาย่างบาร์บีคิวของรีสอร์ต ประหยัดค่าถ่านหุงต้ม 3,400 บาท/เดือน หรือ 40,800 บาท/ปี

โครงการถ่านผลไม้ : ผลไม้ที่ไม่สามารถนำไปบริโภคได้แล้ว นำมาเผาพร้อมถ่านไม้ พบว่าถ่านผลไม้มีความพรุนมากกว่าถ่านไม้ ดูดกลิ่นอับได้ดีกว่า รูปลักษณ์สวยงาม จึงนำไปใส่ไว้ในห้องพัก เพื่อลดกลิ่นอับของไม้และหญ้าคาในห้อง ประหยัดค่าสเปรย์ปรับอากาศ 1,105 บาท/เดือน หรือ 13,260 บาท/ปี

โครงการน้ำส้มควันไม้ : น้ำส้มควันไม้เป็นสารเกษตรอินทรีย์ ผลพลอยได้จากการเผาถ่านไม้ในเตาเผาภายใต้ภาวะจำกัดอากาศ ทำให้เกิดการกำจัดน้ำ สลายตัวของเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และลิกนินออกจากเนื้อไม้ในรูปของควัน ทำการควบแน่นควันไม้เป็นน้ำส้มควันไม้ ซึ่งมีสรรพคุณรักษาแผลสด เจือจางน้ำใช้เป็นน้ำยาป้องกันปลวกมด ราดโคนต้นไม้รักษารา เร่งการเติบโต ประหยัดค่าปุ๋ยเคมี 1,100 บาท/เดือน หรือ 13,200 บาท/ปี

“สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของทุกคน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย ทำได้มากหรือน้อยก็ตาม แต่ที่สำคัญคือเราไม่ปล่อยผ่านโอกาสในการช่วยสิ่งแวดล้อมให้ผ่านเลยไปอีก การผลักดันนโยบายให้เกิดผล มาจากความเข้าใจต่อภาวะสิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นปัญหา ทุกคนตระหนักและรักในหน้าที่ที่มีต่อโลก คีย์เวิร์ดที่ทำให้เราเดินหน้าสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน” วิภาค กล่าว

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"