วรรณกรรม 7 เรื่อง สู่รางวัลซีไรต์ 2555
นับตั้งแต่คณะกรรมการคัดเลือกหนังสือรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี 2555
โดย...จตุรภัทร หาญจริง
นับตั้งแต่คณะกรรมการคัดเลือกหนังสือรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี 2555 ได้ลงมติและประกาศผลรายชื่อหนังสือนวนิยายจำนวน 15 เรื่อง ที่ผ่านเข้ารอบแรก (Long List) จากจำนวนนวนิยายที่ส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น 75 เรื่อง เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา
คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี 2555 มีมติเอกฉันท์ให้เสนอนวนิยายจำนวน 7 เรื่อง ผ่านเข้ารอบสุดท้าย โดยมีรายชื่อเรียงลำดับตามตัวอักษรของชื่อเรื่องดังต่อไปนี้ 1.คนแคระ ของ วิภาส ศรีทอง 2.เดียวดายใต้ฟ้าคลั่ง ของ แดนอรัญ แสงทอง 3.ในรูปเงา ของ เงาจันทร์ 4.รอยแผลของสายพิณ ของ สาคร พูลสุข 5.เรื่องเล่าในโลกลวงตา ของ พิเชษฐ์ศักดิ์ โพธิ์พยัคฆ์ 6.ลักษณ์อาลัย ของ อุทิศ เหมะมูล และ 7.โลกประหลาดในประวัติศาสตร์ความเศร้า ของ ศิริวร แก้วกาญจน์
สกุล บุณยทัต ประธานกรรมการคัดเลือก กล่าวว่า วรรณกรรม 7 เรื่องที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ประจำปี 2555 เป็น 7 เรื่องที่เข้มข้นและทรงพลังมาก ในแง่ของวาทกรรม วรรณศิลป์ เนื้อหาสาระ และคุณค่า “คณะกรรมการก็พยายามวิเคราะห์ให้เห็นเนื้อแท้ของประเด็นที่ผู้เขียนได้หยิบยกมานำเสนอ รวมทั้งกลวิธีการเขียนที่ได้สร้างความโดดเด่นให้กับงานเขียน
วรรณกรรม 7 เรื่องนี้จะทำให้เราเห็นว่า โดยเนื้อแท้งานเขียนที่เป็นสากล ที่เป็นมิติของโลก ที่กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปจากวรรณกรรมบ้านเรามานานหลายปี เป็นการกลับมาโดยเนื้อหา โดยพลังของการเขียนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่า ความเป็นศิลปะ มโนทัศน์ และวิธีคิดที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ
ในฐานะประธานกรรมการคัดเลือก บอกได้เลยว่ากรรมการทุกท่านต่างปะทะบางสิ่งบางอย่าง ที่เราต้องค่อยๆ พินิจพิเคราะห์รายละเอียดมากกว่าจะอ่านผ่านๆ การจะแกะรอยแนวคิด แกะรอยเนื้อหาสาระ และแกะรอยความคิดที่ผู้เขียนต้องการจะบอกกับโลก จึงเป็นเรื่องที่เราต้องพินิจพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งวรรณกรรม 7 เรื่องนี้ คณะกรรมการมั่นใจว่าเราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดของงานวรรณกรรมประจำปีนี้แล้วครับ”
จากผลการคัดเลือกทำให้ใครหลายคนอยากรู้ว่า ผู้ที่เข้ารอบ 7 เรื่องสุดท้ายซีไรต์ปี 2547 เรื่องประเทศที่สาบสูญ เข้ารอบ 8 เรื่องสุดท้ายซีไรต์ปี 2548 เรื่องเรื่องเล่าของคนบันทึกเรื่องเล่าที่นักเล่าเรื่องคนหนึ่งเล่าให้เขาฟัง เข้ารอบ 10 เรื่องสุดท้ายซีไรต์ปี 2549 เรื่องกรณีฆาตกรรมโต๊ะอิหม่ามสะตอปา การ์เด เข้ารอบ 8 เรื่องสุดท้ายซีไรต์ปี 2550 เรื่องเก็บความเศร้าไว้ให้พ้นมือเด็ก และเรื่องลงเรือมาเมื่อวาน เข้ารอบ 9 เรื่องสุดท้ายซีไรต์ปี 2551 เรื่องข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่นๆ เข้ารอบ 7 เรื่องสุดท้ายซีไรต์ปี 2553 เรื่องฉันอยากร้องเพลงสักเพลง และล่าสุดเข้ารอบ 7 เรื่องสุดท้ายซีไรต์ปี 2555 เรื่อง โลกประหลาดในประวัติศาสตร์ความเศร้า จะได้รับรางวัลซีไรต์ประจำปีนี้ไปครองหรือเปล่า
ศิริวร แก้วกาญจน์ เจ้าของผลงานที่เข้ารอบสุดท้ายมาแล้วถึง 8 เรื่องใน 7 ปี บอกเล่าความรู้สึกและทัศนะต่อความอยากรู้ของใครหลายคน... “ยอมรับตามตรงว่า ผมไม่คาดหวังเรื่องจะได้หรือไม่ได้รางวัล หน้าที่ของคนเขียน นอกจากเขียนหนังสือ ก็ต้องรับผิดชอบความสะเทือนที่มันจะส่งผลตามมา ส่วนหน้าที่ของงานเขียน คือ การได้ปะทะสังสรรค์กับคนอ่าน หากงานเขียนมีพลัง มันจะส่งพลังไปถึงคนอ่านเอง”
ศิริวร เลือกที่จะไม่โยนตัวเองลงไปในความคาดหวัง เพราะหากไม่ได้ตามที่ตัวเองคาดหวัง ความรู้สึกแย่ก็จะเกิดตามมา “เป็นเรื่องดีนะครับ ถ้างานเขียนของตัวเองได้รางวัล แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้ว่าสิ่งเดียวที่ผมควรจะหวัง คือ หวังให้มีคนอ่านหนังสือให้มากที่สุด ให้ทัศนะของหนังสือมันขยายตัวออกไปให้มากที่สุดครับ”
หากปีนี้เขาจะต้องพบเจอเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก “ยังไงผมก็มีความสุขกับการเขียนหนังสือต่อไปครับ เพราะนี่คือสิ่งที่ผมปฏิบัติมาโดยตลอด ตอนนี้ผมกำลังเตรียมนิยายเรื่องใหม่ คาดว่าน่าจะวางแผงในช่วงเดือน ต.ค.นี้”
หากเอ่ยชื่อ อุทิศ เหมะมูล คอวรรณกรรมคงทราบว่า เขาคือผู้ที่ได้รับรางวัลซีไรต์ประจำปี 2552 จากเรื่องลับแล แก่งคอย และเขาก็มีผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ในปีล่าสุดนี้จากเรื่อง ลักษณ์อาลัย
อุทิศ ว่า สิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุด คือ เมื่อมีหนังสือออกใหม่ เขาก็เหมือนนักเขียนทั่วไปที่อยากให้มีคนอ่านงานเขียนของตัวเองให้มากที่สุด “นอกจากอยากให้มีคนอ่านงานเขียนของผมมากขึ้น ผมอยากรู้ว่าเมื่อคนอ่านอ่านงานเขียนของผมแล้ว เขารู้สึกอย่างไรกับงานของผมครับ”
กับหนังสือเรื่องลักษณ์อาลัย เขาภูมิใจกับหนังสือเล่มนี้ ในแง่ที่เขารู้สึกว่าตัวเองได้ทำงานก้าวหน้ามากขึ้น “ก้าวหน้าทั้งประเด็นที่อยากพูด รวมทั้งวิธีการเขียนที่มีการทดลอง วิธีการผสมผสาน ซึ่งผมคิดว่าเป็นงานเขียนที่คนอ่านอ่านแล้วจะเข้าใจตั้งแต่ต้นเรื่องไปจนจบ ไม่รู้สึกว่าเป็นหนังสือที่อ่านยาก”
ท้ายที่สุด อุทิศ เพิ่มเติมว่า วรรณกรรมที่ได้รับรางวัลมักได้รับความสนใจในวงกว้าง สื่อมวลชนต่างให้ความสนใจ แต่มันก็มีระยะเวลาที่คนจะให้ความสนใจเพียงไม่นาน สักพักความสนใจก็เลือนหาย
“ในฐานะคนเขียน ต้องยืนระยะการเขียนให้ได้อย่างสม่ำเสมอ ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานตลอดเวลา แม้ว่าผลงานจะได้หรือไม่ได้รางวัลก็ตาม ผมคิดว่าการเขียนหนังสืออย่างต่อเนื่อง เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เขียนกับผู้อ่านในลักษณะที่เหนียวแน่นมากกว่าที่ได้รางวัลมา ถ้านักเขียนยืนระยะและสร้างสรรค์ผลงานต่อไปได้เรื่อยๆ จะทำให้คนอ่านได้เห็นถึงศักยภาพ การพัฒนา วิธีคิด รวมทั้งได้เห็นการเติบโตร่วมกันระหว่างนักเขียนกับผู้อ่านครับ”
สำหรับงานพระราชทานรางวัลซีไรต์ประจำปี 2555 (ปีที่ 34) โดย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จแทนพระองค์ จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 9 พ.ย.นี้ ณ ห้องรอยัลบอลรูม โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เวลา 19.30 น.


