ฝรั่งปุจฉา อาตมาเฉลย 5 พุทธศาสนาไม่เน้นศรัทธา จะเข้าถึงความจริงสูงสุดได้อย่างไร
ศรัทธา คือ องค์ประกอบสำคัญของทุกศาสนา แม้แต่พุทธศาสนาเองก็ไม่ปฏิเสธความสำคัญของศรัทธา
โดย...ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย
ศรัทธา คือ องค์ประกอบสำคัญของทุกศาสนา แม้แต่พุทธศาสนาเองก็ไม่ปฏิเสธความสำคัญของศรัทธา ถ้าจะกล่าวให้ถูกต้อง กล่าวว่า พุทธศาสนาก็ยอมรับความสำคัญของศรัทธาเหมือนกัน
เพียงแต่เป็นการยอมรับความสำคัญของศรัทธาในเบื้องต้นเท่านั้น แต่ไม่ยอมรับว่า ศรัทธาสำคัญที่สุด
เหตุที่พุทธศาสนาไม่ยอมรับความสำคัญของศรัทธาว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเชื่อมโยงระหว่างคนกับความจริงสูงสุด ก็เพราะตัวศรัทธาเองยังมีความบกพร่องอยู่มาก
ศรัทธาบางอย่างหากปราศจากปัญญากำกับ อาจนำไปสู่ความงมงาย ความยึดติดถือมั่น ความคลั่งไคล้ใหลหลง ความมืดบอดได้
ปลายทางของศรัทธา ทำได้อย่างดีก็เพียงนำคนให้ไปยืนอยู่ตรงธรณีประตูของความจริง หรือในทางกลับกันอาจนำคนไปหยุดอยู่กับความเท็จที่เชื่อว่าจริงอย่างยาวนาน ยังไม่อาจนำคนเข้าถึงความจริงได้อย่างถึงที่สุด
จะเข้าถึงความจริงสุดๆ หรือความจริงสุดท้าย ต้องใช้ปัญญา ศรัทธาที่พุทธศาสนายอมรับ จึงเป็นศรัทธาที่เกิดขึ้นมาหลังจากการใช้เหตุผลอย่างรอบคอบแล้ว (อาการวตีสัทธา หรือสัทธาญาณสัมปยุต) หรือเป็นศรัทธาที่ผ่านการพิสูจน์ด้วยปัญญาแล้ว หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า ศรัทธาในปัญญา คือ หลักศรัทธาของชาวพุทธ (ตถาคตโพธิสัทธา)
เพราะตระหนักรู้ว่า ศรัทธายังมีผลข้างเคียงในหลักธรรมที่ทรงสอนเรื่องศรัทธา พระพุทธองค์จึงทรงสอนปัญญากำกับเอาไว้ด้วยเสมอ (เท่ากับทรงกำชับว่า ต้องใช้ศรัทธาที่ประกอบด้วยเหตุผลเสมอไป) เช่น
1.หลักประโยชน์ด้านในของชีวิต สัทธาสัมปทา-สีลสัมปทา-จาคสัมปทา-ปัญญาสัมปทา
2.หลักธรรมเพื่อความเจริญปัญญา สัทธา-สีล-สุตะ-จาคะ-ปัญญา
3.หลักธรรมที่เป็นพลัง สัทธา-วิริยะ-สติ-สมาธิ-ปัญญา
4.หลักทรัพย์อันประเสริฐ สัทธา-สีล-หิริโอตตัปปะ-พาหุสัจจะ-จาคะ--ปัญญา
5.หลักธรรมที่ทำให้องอาจ สัทธา-สีล-พาหุสัจจะ-วิริยา-รัมภะ-ปัญญา
การสอนให้มีศรัทธาภายใต้กำกับของปัญญา จึงเป็นลักษณะพิเศษของพุทธศาสนา และในเมื่อไม่เน้นศรัทธา แต่เน้นไปที่ปัญญา
ดังนั้น พุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาที่ยอมให้มีการพิสูจน์ได้ตั้งแต่ตัวพระบรมศาสดาเอง (ที่อนุญาตให้พระสาวกวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ และทรงทรงเสริมให้มีการตรวจสอบซึ่งกันและกันทุกวันขึ้น หรือแรม 15 ค่ำ เดือนละสองครั้ง รวมทั้งให้ทำเป็นกิจสำคัญในวันมหาปวารณาออกพรรษา)
ตัวพระธรรม (ที่ทรงท้าทายไว้ว่า เอหิปสฺสิโก = Come and See คือ ใครสนใจอยากพิสูจน์ความมีอยู่ของพระธรรม หรือความมีประโยชน์ของพระธรรม ว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่ ก็ทรงเชื้อเชิญไว้ว่า ผู้นั้นสามารถกระทำได้ด้วยตนเอง)
และตัวพระสงฆ์สาวก (ที่ทรงสอนว่า อย่าหวั่นไหวกับการวิพากษ์วิจารณ์ แต่จงรับฟังเสียงที่เห็นต่างอย่างลึกซึ้ง สิ่งไหนเราทำไว้ดี หากเขาชมก็อย่าหลง สิ่งที่ไหนที่ทำได้ไม่ดี หากเขาเตือนก็นำมาปรับปรุง สิ่งไหนที่เราทำดีอยู่แล้ว แต่เขาเข้าใจผิดไป ก็หาโอกาสชี้แจงเสียให้เขาเข้าใจถูกต้อง)


