posttoday

ไทยไฟท์ฟ้องค่ายป.ประมุขเรียก200ล้าน

23 พฤษภาคม 2555

สปอร์ตอาร์ตผู้จัดมวยไทยไฟท์ฟ้องแพ่งค่ายป.ประมุขเรียกค่าเสียหาย200ล้านบาทฐานหมิ่นประมาท

สปอร์ตอาร์ตผู้จัดมวยไทยไฟท์ฟ้องแพ่งค่ายป.ประมุขเรียกค่าเสียหาย200ล้านบาทฐานหมิ่นประมาท

วันนี้(23พ.ค.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก บริษัท สปอร์ต อาร์ต จำกัด โดยนาย นพรัตน์ พุทธรัตนมณี   ผู้จัดรายการแข่งขันชกมวย Thai Fight เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นาย ธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่ายมวย ป.ประมุข เป็นจำเลย เรื่อง ละเมิดเรียกค่าเสียหาย 200 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง สืบเนื่องจากกรณีที่จำเลยให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทโจทก์ที่มีการจัดแข่งขันชกมวย Thai Fight ระหว่างนาย สมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว ป.ประมุข กับ คู่ชกชาวต่างประเทศ

โดยคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 55 จำเลยและทนายความตัวแทนได้ยื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวหาโจทก์ว่าการที่จัดรายการแข่งขันชกมวยThai Fight โดยมีบัวขาว ป.ประมุข ซึ่งเป็นนักมวยในสังกัดของจำเลยและขึ้นชกในวันที่ 17 เม.ย. นั้นบัวขาว ป.ประมุขกระทำการตกลงแข่งขันโดยพลการเองโดยไม่ได้รับการยินยอมจากค่ายจึงเป็นการละเมิดต่อระเบียบคณะกรรมการกีฬามวยว่าด้วยการสังกัดและย้ายสังกัดค่ายมวย พ.ศ.2544 และกล่าวหาว่าการแข่งขันชกมวย Thai Fight ที่ทำสัญญาเป็นหนังสือระหว่างบริษัทโจทก์กับบัวขาว ป.ประมุข ไม่ใช่ค่ายมวย ป.ประมุข จึงเป็นสัญญาที่ไม่ถูกต้องเพราะการทำสัญญาคู่สัญญาต้องเป็นค่ายมวย ซึ่งการแข่งขันมวย Thai Fight ในปี 2554 ที่ผ่านมา บริษัทโจทก์ได้ขออนุญาตและจะต้องได้รับการยินยอมจากค่ายของจำเลยก่อนจึงจัดแข่งขันได้ แต่การแข่งขันชกมวย Thai Fight ในวันที่ 17 เม.ย. 55 บริษัท โจทก์ไม่ได้ขออนุญาตจากค่ายของจำเลยแต่อย่างใด 

ไทยไฟท์ฟ้องค่ายป.ประมุขเรียก200ล้าน ผู้จัดไทยไฟท์ฟ้องแพ่งค่ายป.ประมุข

ซึ่งข้อความที่จำเลยและทนายความยื่นหนังสือถึงผอ.สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยและร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนนั้นไม่เป็นความจริง โดยการจัดแข่งขันชกมวยวันที่ 17 เม.ย. 55 จัดขึ้นโดยการตกลงร่วมกันของจำเลยกับบัวขาว ป.ประมุข และผู้จัดการแข่งขันกีฬามวยที่มีการตกลงตั้งแต่เดือน ม.ค. 55 ซึ่งได้ปฎิบัติถูกต้องตาม พ.ร.บ. กีฬามวย 2542 ที่ได้ที่การตกลงค่าตัวกับบัวขาว ป.ประมุขในการขึ้นชกเป็นเงิน 750,000 บาท

หลังจากนั้นจำเลยกับบัวขาว ป.ประมุขและผู้จัดการแข่งขันกีฬามวยได้มาขออนุญาตโจทก์เพื่อให้บัวขาว ป.ประมุขขึ้นชกในวันที่ 17 เม.ย. ซึ่งโจทก์ได้อนุญาตและเตรียมงานเพื่อถ่ายทอดสดที่ใช้เวลาจองนานถึง 4 เดือน โดยเหตุที่จำเลยมาขออนุญาตโจทก์ในการขึ้นชก เพราะบัวขาว ป.ประมุข ทำสัญญาเข้าสังกัดกับบริษัทโจทก์ลงวันที่ 31 ต.ค. 53 ซึ่งมีสาระสำคัญว่าตลอดอายุสัญญาบัวขาว ป.ประมุขห้ามขึ้นชกไม่ว่ารายการใดๆ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากโจทก์ ซึ่งจำเลยทราบเป็นอย่างดี เพราะให้ความยินยอมและรู้เห็นการทำสัญญาระหว่างโจทก์กับบัวขาว ป.ประมุข ซึ่งนอกจากการขึ้นชกในวันที่ 17 เม.ย. 55 แล้วจำเลยยังเคยมีหนังสือขออนุญาตโจทก์จัดชกมวยของบัวขาว ป.ประมุขในวันที่ 4 พ.ค. 55 ในรายการของบริษัท ป.ประมุข บ๊อกซิ่ง โปรโมชั่นด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
 
ศาลแพ่งได้รับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ 2048/2555 และนัดชี้ 2 สถานพร้อมกำหนดแนวทางจากพิจารณาคดีในวันที่ 27 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

ข่าวล่าสุด

การปรับบุคลิกของ ChatGPT สู่รูปแบบคำตอบที่ตรงใจยิ่งขึ้น