‘อยู่กับดิน’ ประสบการณ์และชีวิต ‘โจน จันได’
โดย...โจ เกียรติอาจิณ
โดย...โจ เกียรติอาจิณ
ฟังดูออกจะห่างไกลเหลือเกินกับชีวิตคนเมืองกรุง “บ้านดิน” อยู่เมืองกรุงก็ต้องนอนบ้านตึก บ้านอิฐ บ้านปูน บ้านไม้ บ้านกล่อง ห้องแถว นั่นละดูจะเป็นจริงกว่า
แต่สำหรับ “โจน จันได” ชายกลางคนจาก จ.ยโสธร ปัจจุบันย้ายไปพำนักอยู่ จ.เชียงใหม่ ใกล้กันนิดเดียว เพราะเขามีบ้านดิน นอนบ้านดิน กินอาหารในบ้านดิน ที่เขาบอกว่าปลูกเอง เลี้ยงเอง จนเป็นที่รู้จักในฉายา “โจน บ้านดิน” ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็น “กูรูบ้านดิน” เบอร์ต้นๆ ของประเทศไทย
นอกจากจะเข้าขั้นตัวพ่อบ้านดินแล้ว ล่าสุดเขาเพิ่งมีหนังสือเกี่ยวกับบ้านดินซะด้วย ชื่อสั้นๆ ง่ายๆ “อยู่กับดิน” ซึ่งว่าถึงประสบการณ์และชีวิตของเขาที่มีบ้านและดินเป็นส่วนผสม
หนังสือเล่มนี้มีหลากอารมณ์ดี ให้ความรู้สึกดรามาที่เข้มข้นและฟีลกู้ดในคราเดียวกัน บางตอนก็เป็นฮาวทู ลงลึกวิธีการทำและขั้นตอนแบบเน้นๆ
“เป็นงานเขียนเล่มแรกที่ผมเขียนเองกับมือ ที่ผ่านมามันจะเป็นแค่ผมเล่า หรือมีคนมาสัมภาษณ์ แล้วก็เอาไปเขียนไปถ่ายทอดกัน”
เป้าประสงค์ของการที่กูรูบ้านดินผันตัวเองมาจับปากกา เหตุผลสั้นๆ ที่เขาให้ไว้กับเรา คือ อยากจะสรุปทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับบ้านดินไว้เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้เป็นองค์ความรู้ที่สามารถจับต้องได้ และต่อยอดได้ในอนาคต ก่อนที่เขาจะขออำลาจากวงการบ้านดินในไม่ช้า
“ผมเริ่มมีความคิดว่าผมจะหยุดทำบ้านดินแล้วละครับ หลังจากที่ตัวเองค้นพบคำตอบที่แท้จริงว่าชีวิตผมก็แค่ความเข้าใจเท่านั้น ตอนนี้ผมเข้าใจบ้านดิน ผมก็เลยอยากหยุด เพื่อจะได้ไปเข้าใจชีวิตในมุมอื่นๆ บ้าง ซึ่งหลายๆ มุมก็ยังต้องค่อยๆ เรียนรู้กันต่อ แต่บ้านดินผมพอแล้ว และเมื่อใจตัวเองอยากหยุด ผมก็คิดว่าทำยังไงที่จะรวบรวมองค์ความรู้เรื่องบ้านดินไว้ให้คนที่สนใจได้เรียนรู้กัน ทางเดียวก็คือการทำเป็นหนังสือนี่ละครับ”
การเขียนหนังสือก็เหมือนกับการทำบ้านดิน กูรูบ้านดินว่าอย่างนั้น แรกที่เขาทำบ้านดินก็เริ่มจากศูนย์ ไม่มีประสบการณ์ อาศัยเรียนรู้เอง ลองผิดลองถูก จนวันหนึ่งก็จัดการมันได้ และกลายเป็นภูมิปัญญาทรงคุณค่า ขณะที่การเขียนหนังสือ เขาก็เริ่มจากศูนย์เช่นกัน จากคนไม่เคยเขียนหนังสือ ก็ต้องงัดวิชาเด็ดกลเม็ดเคล็ดลับออกมาใช้ทุกวิถีทาง เวลาร่วมหนึ่งปีนู่น กว่าที่เขาจะได้ออกหนังสือสำเร็จ
“ด้วยที่มันเป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิต ผมเลยไม่กล้าจะเดินเข้าไปหานายทุนว่าช่วยพิมพ์ให้ผมได้มั้ย เพราะเหตุปัจจัยหลายๆ อย่าง อย่างแรกคือ ผมเป็นใคร นักเขียนชื่อดังก็ไม่ใช่ สองคือ เนื้อหาที่ผมเขียนมันไม่ใช่เรื่องใหม่ ยังไงก็ไม่ขายแน่นอน ใครละจะกล้าเสี่ยง งานนี้ผมก็เลยควักทุนเอง ซึ่งจริงๆ ก็มีคนให้ยืมเงินนั่นละครับ พิมพ์หนังสือในนามสำนักพิมพ์พันพรรณของผมเอง”
เรียบเรื่อย ไม่หวือหวา ไม่สวิงสวาย แต่เต็มไปด้วยพลัง คือภาษาที่ซุกซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ ชื่อหนังสือนั้นบ่งบอกทุกอย่างแบบหมดเปลือก ไม่ว่าจะตัวตนของ โจน จันได ที่อยู่กับดินนับตั้งแต่อ้อนแต่ออก จนเมื่อเติบใหญ่ก็ได้เข้ามาสัมผัสกับดิน ริเริ่มนำภูมิปัญญาท้องถิ่นคนโบราณมาต่อยอดสร้างเป็นบ้าน ทั้งยังสอดแทรกการใช้ชีวิตให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับดินด้วยความเข้าใจและมีความสุข
สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นไฮไลต์ของหนังสือ ผู้เขียนได้ให้ภาพของการทำบ้านดินว่าเป็นเรื่องง่าย ใครก็ทำได้ ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลังอะไร เป็นเสมือนแรงบันดาลใจให้คนสนใจก้าวเข้ามาเรียนรู้และลองลงมือปฏิบัติ ผ่านภาพถ่ายสี่สีและขั้นตอนละเอียดยิบ
“สิ่งที่ผมคาดหวังก็แค่อยากให้หนังสือเป็นองค์ความรู้ที่มีประโยชน์ในอนาคต ยามที่ผมไม่ได้ทำบ้านดินแล้ว แต่องค์ความรู้เรื่องบ้านดินยังมีอยู่ในสังคมไทย หาซื้อหาอ่านกันได้ หรือจะต่อยอดเอาไปทำจริงก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะสำหรับผม ผมว่าบ้านดินเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย มันให้อะไรหลายๆ อย่าง เปลี่ยนชีวิตผม เปลี่ยนความคิดผม ทำให้ผมเข้าใจชีวิตมากขึ้น
ผมว่าชีวิตของคนเราง่ายมากๆ แต่บริบททางสังคมต่างหากที่ทำให้มันยุ่งยาก คนเรามักแสวงหาความสุขจากสิ่งที่อยู่ไกลตัว ทั้งๆ ที่ธรรมชาติก็ให้ความสุขใกล้ๆ ตัวได้เหมือนกัน อย่างเรื่องบ้าน คนเราคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ ต้องจ่ายแพง ต้องรอเงินไปดาวน์ เปล่าเลย ธรรมชาติก็ให้ดินมา สามารถสร้างเป็นบ้านได้ แต่คนเรามองข้าม ผมว่าถ้าคนเราเข้าใจชีวิต ชีวิตก็จะมีอะไรให้เพลิดเพลินอีกมากมาย โดยไม่ต้องมามัวจับจดจนกลายเป็นความทุกข์”


