posttoday

ทวาย : จุดเปลี่ยนเมียนมาร์

19 พฤษภาคม 2555

อิตัลไทย ชวนนักข่าวไทยกับนักข่าวญี่ปุ่นไปดูการลงทุนทำท่าเรือน้ำลึกที่ทวาย เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ผมคุ้นเคยมาก่อน

โดย...จำลอง บุญสอง

อิตัลไทย ชวนนักข่าวไทยกับนักข่าวญี่ปุ่นไปดูการลงทุนทำท่าเรือน้ำลึกที่ทวาย เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ผมคุ้นเคยมาก่อน ตั้งแต่สมัยกองพลที่ 4 ของ KNU มีอิทธิพลอยู่ตามแนวชายแดนพม่า-ไทย เคยไปถ่ายภาพงานแต่งงานลูกสาวผู้ว่ากะเหรี่ยงกองพลที่ 4 กับคนไทย ทั้งคู่ยืมฟิล์มไปอัดขยายเป็นที่ระลึก จนบัดนี้ผมก็ยังไม่ได้คืน (ถ้าอ่านเจอเรื่องนี้เอามาคืนก็ดีนะครับ) อีกหลายปีต่อมา ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคกลาง ดร.สิงห์ ตั้งเจริญชัยชนะ มาชวนผมไปทวาย เพื่อหาทางประสานงานกับฝ่ายพม่าเพื่อทำโครงการนี้ร่วมกัน ครั้งนั้นเราเดินทางด้วยรถโฟร์วีลตามทางลำเลียงท่อแก๊สจากพม่ามาที่อีต่อง โดยเส้นทางดังกล่าวทำเสร็จได้ไม่นาน

การเดินทางครั้งนั้นทุลักทุเลมาก เพราะฝนตกหนักตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง คณะได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพม่าหลายระดับ ซึ่งนับว่าได้ผลดีมาก ครั้นได้เวลากลับ ฝนเจ้ากรรมกระหน่ำเสียจนน้ำท่วมทาง แม่ทัพชายฝั่งพม่าต้องส่งพวกเราขึ้นรถไฟมายังที่ที่เราจอดเอาไว้ ผมถ่ายรูปคุณสิงห์และคณะเดินทางขึ้นรถไฟกลับด้วยความเชื่อมั่นว่านั่นเป็นการเริ่มต้นประวัติศาสตร์ใหม่ของพม่า เสียดายฟิล์มชุดนั้นมีคนหลอกเอาไปเก็บไว้เป็นการส่วนตัว วันนี้ผมจึงไม่มีโอกาสได้เอาภาพประวัติศาสตร์การเดินทางชุดนั้นมาให้ท่านดู

ก็เอาเป็นว่า อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ไปกินกุ้งมังกรทวาย (3 ตัว 100 บาท) อีกครั้งก็แล้วกัน

ทวาย : จุดเปลี่ยนเมียนมาร์

คณะเดินทางด้วยรถตู้จากอิตัลไทยไปบ้านเก่า หมู่บ้านที่ผมเคยใช้เป็นช่องทางข้ามไปหา KNU และนักศึกษาพม่าที่ “แม่สะมิ” บ้านเก่าอยู่ปลายแดน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้ฟังบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่สำนักงาน กินอาหารเช้า (ผมกับหน่อยช่างภาพบางกอกโพสต์แอบไปกินข้าวกะเพราเนื้อที่ร้านข้างๆ) เข้าห้องน้ำห้องท่าก่อนที่รถจะข้ามแดนไปบนทางลูกรังที่สร้างขึ้นเพื่อขนส่งอุปกรณ์ไปสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ทวาย เส้นทางเส้นนี้ทำขนานกับแม่น้ำตะเนนตายี (เดิมสะกดว่า Tenasserim) ในภาษาพม่า หรือตะนังศรี ในภาษามอญ หรือตะนาวศรี ในภาษาไทยนั่นเอง

ด้วยเพราะเป็นเส้นทางใหม่ที่ทำด้วยลูกรังผสมหินบด ดังนั้นไม่ว่ารถจะมีดีสมรรถนะขนาดไหน ก็ต้องสั่นเหมือนผีเข้าทุกคัน เส้นทางที่โค้งไปโค้งมาทำให้ผมนึกถึงแม่ฮ่องสอนปาย นึกถึงทุ่งช้าง-บ่อเกลือ ช่วงที่ทั้งสองเส้นทำเสร็จใหม่ๆ แม้จะน่ากลัว แต่งามไปด้วยธรรมชาติและป่าเขาเหลือเกิน

ป่ากาญจนบุรีและป่าทวายมีลักษณะป่าแบบเดียวกัน คือเป็นป่าเต็งรังผสมดิบแล้ง คือมีไผ่แซมไปตามผืนป่า เมื่อมีไผ่ก็มีไก่ป่า เก้ง กวาง รวมทั้งเสือโคร่ง เสือดำ แบบเดียวกับทุ่งใหญ่นเรศวร

ช่วงแรกแม้จะมีไม้ต้นใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ไม้เนื้อแข็งมีค่า ด้วยเพราะช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าพม่าจะให้สัมปทานแก่ไทยหรือไม่ ไม้แถบนี้ก็ถูกพ่อค้าไทยเข้าไปร่วมมือกับ KNU ตัดเสมอ ช่วงนั้น KNU ต้องการเงินจำนวนมากมาบำรุงกองทัพ ไม้เนื้อแข็งดีๆ ขนาดหลายคนโอบถูกตัดมาขายเมืองไทยเกือบหมด จำได้ว่าในกองพลที่ 4 ของ KNU เสียงเลื่อยไม้สนั่นป่าไปหมด นักศึกษาพม่าที่หนีการปราบของรัฐบาลยุค 8888 ก็อาศัยอยู่พื้นที่เดียวกัน

เห็นหนังเสือโคร่งกางตากแดดอยู่กลางหมู่บ้านกะเหรี่ยง KNU ทุกครั้ง ครั้งละหลายๆ ผืน งานแต่งงานที่ผมไปร่วมด้วยก็ยิงไก่ป่า เก้ง กวาง และหมีมาทำเลี้ยง ไม่ต้องบอกเลยว่าแม่น้ำตะนาวศรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “บ้านแม่น้ำ” จะมีปลาชุกชุมขนาดไหน เต่าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า 1 เมตร ขนาดผู้ใหญ่นั่งได้ก็เคยเห็นที่บ้านแม่น้ำนี่แหละ

ทวาย : จุดเปลี่ยนเมียนมาร์

หลังจากที่พม่าตีกองพลที่ 4 ทะลุจอ ผู้หนีภัยสงครามกะเหรี่ยงก็อพยพมาอยู่ที่ราชบุรี (จนกระทั่งปัจจุบัน) สหประชาชาติภายใต้การแบ็กอัพของอเมริกันและพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ยุโรปก็วิ่งเข้ามาอุ้มทันที หลายครอบครัวกะเหรี่ยงได้สัญชาติไทยไปเพราะการเมือง ด้วยเหตุนี้ ครั้งใดที่เห็นรถกระบะทะเบียนราชบุรี (แทนที่จะเป็นกาญจนบุรี) วิ่งไปตามเส้นทางบ้านเก่า-ทวาย จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องแปลกใจ

หลังจากกินข้าวอร่อยๆ ด้วยฝีมือแม่บ้านอิตัลไทยที่บ้าน Myaitta หรือที่คนไทยเรียกว่าบ้านเมตตาแล้ว รถก็ปุเลงๆ ไปตามทางลาดยางที่ทำมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้บางช่วงจะมีแรงงานพม่าเผายางมะตอยราดถนนกันด้วยมือกันสดๆ เพื่อปรับสภาพก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เส้นทางโลกพระจันทร์เส้นนี้ดีขึ้น ถนนสิบเลนของผู้มีอิทธิพลเมืองสุพรรณผุดขึ้นมาในสมองได้ไงก็ไม่รู้

อำเภอ Myaitta อำเภออยู่กึ่งกลางระหว่างทวายกับบ้านเก่าเมืองกาญจนบุรีครับ ตัวอำเภอขนาดไม่ใหญ่นัก หมู่บ้านขนาดเขื่องๆ ของไทยยังใหญ่กว่า แม่น้ำสาขาของแม่น้ำตะนาวศรีไหลผ่าน ทำให้ระลึกถึงคนขายของป่าที่สวนผึ้งพูดให้ฟังบ่อยๆ ว่า ได้ปลาไปจากแม่น้ำบ้านเมตตา โหย...รสชาติปลาแม่น้ำอร่อยอย่าบอกใคร

อิตัลไทยตั้งแคมป์แห่งที่สองเพื่อทำสะพานข้ามขนาดใหญ่ คนงานไทยที่ไปทำงานก็เลยได้กินปลากดแม่น้ำ หมูป่า เก้ง กวาง ตามชาวบ้านไปด้วย

เราจะดูความเก่าแก่หมู่บ้านใดในพม่าก็ให้ดูที่ต้นหมาก ต้นมะพร้าว และต้นยาง ยางลำต้นโตปลูกกันมาเป็นสิบๆ ปีที่เมืองไทย ตัดทำไม้เฟอร์นิเจอร์ไปหมดแล้ว แต่พม่ายังใช้กรีดกันอยู่ ที่กรีดได้ก็เพราะแผลเก่าสมานเปลือกแล้วนั่นเอง ผมเคยรู้จักกับแม่ทัพชายฝั่งพม่าที่ชื่อ สีหะตุระ ซิทหม่อง ซึ่งเป็นคนมาตีมอญที่เจดีย์สามองค์แตก เขาเคยให้ผมไปตัดเอาไม้ยางเก่าเหล่านั้นไปฟรีๆ แต่เพราะผมเป็นนักข่าว ไม่ใช่พ่อค้า จึงไม่ได้เค้กชิ้นนี้ไปกิน สีหะตุระ ซิทหม่อง อยู่บ้านเดียวกับกษัตริย์อลองพญาของพม่า เป็นคนเก่งและหัวก้าวหน้า ตีชนกลุ่มน้อยแตกหมด ไม่ว่าจะเป็นว้า ไทยใหญ่ กะเหรี่ยงหรือมอญ เคยถูกทหารมอญซุ่มโจมตี แต่พระมอญที่นั่งคู่ไปหาสถานที่สร้างวัดสามร้อยต้นกลับตายแทน จนต้องจัดงานศพใหญ่โตให้พระ ซิทหม่องตายเพราะเฮลิคอปเตอร์ตกที่ชายแดนพม่าไทย คนนี้ถ้าไม่ตายได้เป็น ผบ.พม่าแน่

ทวาย : จุดเปลี่ยนเมียนมาร์

ต้นหมากที่บ้านเมตตาสูงกะเหลนเป๋นเป็นภูเขาๆ มะพร้าวก็สูงแบบเดียวกับที่ประจวบคีรีขันธ์ ผมเชื่อว่าหมู่บ้านมีร่องรอยของการขุดแร่ดีบุกมาขายที่อีต่องแน่ๆ เสียดายที่ไม่ได้ไปเยี่ยมชม เพราะไม่มีเวลา

หลังจากบ้านเมตตาไปสภาพภูมิอากาศคล้ายๆ กับภาคใต้ตอนบนบ้านเรา รอบๆ หมู่บ้านมีต้นทุเรียนป่าและมังคุดมากมาย ผมดูต้นทุเรียนโบราณของจันทบุรีที่โฆษกเอามาโฆษณาว่าเป็นต้นทุเรียนที่เก่าแก่ในเอเชียอาคเนย์ก็อดขำไม่ได้ ป่ามาเลย์ อินโดฯ ฟิลิปปินส์ พม่า มีนับหมื่นนับแสนต้นเขายังไม่คุยเลย เราเจอแค่ไม่กี่ต้นก็เอามาคุยเสียแล้ว

แต่เดิมคนพม่ากินหมาก (แบบไทยในอดีต) กันทุกคน ไม่ว่าหญิงหรือชาย หนุ่มหรือแก่ แต่ช่วงที่คนหนุ่มคนสาวเดินทางมาทำงานในไทยที่เลิกกินหมากแล้ว คนหนุ่มสาวพม่าก็ไม่กินหมากตามไปด้วย มีแต่คนแก่กับคนหนุ่มสาวที่ไม่ไปทำงานเมืองไทยที่ยังกินอยู่ บ้านเมตตา (ซึ่งผมเข้าใจเอาเองว่าอยู่ตรงข้ามกับ จ.ราชบุรี) จึงเป็นแหล่งปลูกหมากที่สำคัญที่ส่งขายไปเมืองทวาย และส่งต่อมาขายให้ผู้อพยพในไทย

รถวิ่งไปตามเส้นทางแคบๆ หลายชั่วโมง ความมึนทำให้การหลับเป็นไปแบบมึนๆ ท้ายสุดรถตู้ก็พาคณะเราไปถึงถนนต้นตาล ถนนต้นตาลคือถนนที่มีตาลขนาบข้างหลายสิบต้น เป็นถนนประวัติศาสตร์ของที่นี่ เข้าใจว่าสร้างขึ้นตั้งแต่อังกฤษครอบครองพม่า พอถึงถนนต้นตาล ผมก็จำทันทีว่าถึงเมืองทวายแล้ว

ผมเป็นห่วงว่าการพัฒนาจะทำให้ทางเส้นนี้หายไป ได้แต่หวังลมๆ แล้งๆ ว่า รัฐบาลพม่าจะรักษาถนนซึ่งมีอัตลักษณ์ทวายไว้ให้นานเท่านาน เพราะหาไม่ได้อีกแล้ว

เห็นต้นตาลแล้วก็นึกถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ตอนสร้างใหม่ๆ แทนที่ผู้บริหารจะเอาต้นตาลซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่มาปลูกเป็นแนวริมถนน กลับไปซื้อต้นปาล์มจากต่างชาติมาปลูก เสียดายทั้งเงิน เสียดายทั้งเอกลักษณ์ที่ควรจะเป็น น้ำท่วมที่ผ่านมาจะหลงเหลือปาล์มอยู่อีกกี่ต้นก็ไม่รู้

ทวาย : จุดเปลี่ยนเมียนมาร์

ห่วงต้นตาลแล้วก็ห่วงบ้านซุ่ง เป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่งของทวายด้วย แม้จะมีการสร้างบ้านกันขึ้นมาใหม่ตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แต่บ้านเก่าที่ได้รับอิทธิพลจากอังกฤษก็ยังคงมีให้เห็น ผมก็หวังว่า “ท่าเรือน้ำลึกทวาย” ซึ่งเป็น “จุดเปลี่ยน” สำคัญของพม่า จะไม่ไปทำลาย “อัตลักษณ์” ความเป็นเมืองทวายเหล่านั้นลง เช่นเดียวกับเมืองเก่าเมืองอื่น ทางที่ดีรัฐบาลควรจะออกกฎหมายควบคุมอาคารโบราณเหล่านี้เอาไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลาน มรดกเหล่านี้แหละที่จะขายการท่องเที่ยวให้พม่าโดยไม่ต้องลงทุน หรือลงทุนน้อย แต่ได้กำไรมาก

ทวายในวันที่ไม่มีการเคลื่อนไหวแรงงานเมื่อเกือบ 15 ปีก่อน ต่างกับทวายที่มีคนทวายเข้ามาเป็นแรงงานในไทยในวันนี้มากนัก ทวายสมัยโน้นพูดภาษาไทยไม่ได้ หรือไม่อยากจะพูด แต่ทวายวันนี้มีคนทวายเข้ามาทักพวกเราด้วยสำเนียงภูเก็ต ตรัง สมุทรสาคร กาญจนบุรี ราชบุรี หลายคน ไม่นับนักศึกษาทวายที่เรียนภาษาไทยอยู่ในมหาวิทยาลัยทวาย

ในตลาดที่พวกเราได้ไปดูแค่เวลาสั้นๆ มีสินค้าทั้งจีนและไทยพอๆ กัน ส่วนกุ้งแห้งและมะม่วงหิมพานต์ซึ่งเป็นสินค้าเอกลักษณ์ของที่นี่ก็มีอยู่หลายร้าน ต้นมะม่วงหิมพานต์ของทวายมีนับหมื่นนับแสนต้น ราคาเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็ถูกมากเมื่อเทียบกับเมืองไทย เสียแต่กรรมวิธีการผลิตและแพ็กเกจจิงยังไม่ดีพอ คนไทยก็เลยไม่กล้าซื้อกลับบ้าน นี่ถ้าให้คนไทยไปตั้งโรงงานผลิตแล้วส่งกลับละก็ เกษตรกรทวายรวยเละแน่!

เสียดายที่เราไม่ได้ไปตลาดสด ที่ไม่ได้ไปก็เพราะอิตัลไทยกลัวนักข่าวจะไปคุยกับชาวบ้านที่ต่อต้านโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายเอามาทำเป็นข่าว จึงไม่ได้ภาพกุ้งมังกรตัวเป็นๆ มาให้ดู กุ้งมังกรนี้ห่อกระดาษมาถึงกรุงเทพฯ โดยไม่ตายได้อย่างสบายๆ ขอให้อุณหภูมิและความชื้นพอดีก็แล้วกัน เรียนว่าอิตัลไทยจะยุ่งยาก ไม่ได้ยุ่งยากจากนักข่าวหรอกครับ แต่จะยุ่งยากเพราะอิตัลไทยไม่ทำ Win Win กับประชาชนและรัฐบาลพม่าเสียมากกว่า ไม่เกี่ยวกับนักข่าว


 

 

ข่าวล่าสุด

เกาะติดเลือกตั้ง69 เจาะสนามกทม.เกมชี้ชะตา 4 พรรคการเมืองใหญ่