จากหนังเรื่อง Inception สู่การเรียนรู้เรื่องจิตในวิถีพุทธ (จบ)
ความรู้ระดับสัญญา (Perception) เป็นการล่วงรู้ถึงคุณลักษณะต่างๆ ของอารมณ์นั้นๆ รู้รายละเอียดต่างๆ ของอารมณ์นั้น
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
๒.ความรู้ระดับสัญญา (Perception) เป็นการล่วงรู้ถึงคุณลักษณะต่างๆ ของอารมณ์นั้นๆ รู้รายละเอียดต่างๆ ของอารมณ์นั้น ความรู้ในรายละเอียดนี้เป็นระดับ Perception ที่เรียกว่า สัญญา หรือความจำได้หมายรู้ แต่สัญญาก็เช่นเดียวกับวิญญาณ คือเกิดโดยอาศัยการประจวบเข้าระหว่างอายตนะภายในกับอายตนะภายนอก สัญญาหรือการจำได้หมายรู้ก็จะเกิดขึ้น โดยการอาศัยการระลึก (อนุสติ) จะนานจะเร็วก็ขึ้นอยู่กับอำนาจอนุสติ
๓.ความรู้ขั้นอภิญญา (Extrasensory Perception) เป็นการรับรู้อารมณ์เรื่องราวต่างๆ ได้โดยมโนหรือใจโดยตรง ไม่ต้องอาศัยประสาททางอายตนะ จึงสามารถรู้ได้เกินขอบเขตของกาละ เช่น เกิดหยั่งรู้ไปในอดีตหลายภพหลายชาติ หรือในอนาคตไกลๆ ก็ได้ หรืออาจจะรู้เห็นในพื้นที่ไกลๆ โดยใจ โดยไม่ต้องเดินทางไปด้วยตนเอง ความรู้ระดับอภิญญาเกิดจากบุญวาสนาหรือการฝึกฝนจิตให้มีคุณภาพ ที่เรียกว่า การฝึกสมาธิ จนเกิดญาณหยั่งรู้ไปได้ในทั้ง ๓ กาล
๔.ความรู้ระดับทิฐิ (Conception) หมายถึง ความจริงรวบยอดที่ตกผลึกอยู่ในใจ อันเกิดจากการเรียนรู้
๕.ความรู้ระดับวิชชุญาณ (Intuitive Insight) ซึ่งเป็นความจริงรวบยอดที่รู้แจ้ง ไม่คลุมเครือ เหมือนขั้นความรู้ระดับทิฐิ (Conception)
๖.ความรู้ระดับสัมโพธิญาณ (Supreme Enlightenment) ซึ่งเป็นความรู้ทางพระพุทธศาสนา โดยเป็นความรู้รวบยอด เข้าถึงอริยสัจ ๔ ประการ และรู้ใน ๓ ญาณ ได้แก่ สัจจญาณ กิจญาณ ผลญาณ เมื่อญาณ ๓ เกิดขึ้นสมบูรณ์ จึงจะทำให้จิตเข้าสู่พุทธะอย่างแท้จริง
นี่คือกระบวนการพัฒนาศักยภาพจิตให้เข้าถึงความรู้ขั้นสูงสุด เป็นไปตามลำดับ ไม่ติดอยู่แค่เพียง ในระดับต่ำกว่า Perception ซึ่งเป็นเพียงสภาวจิตแห่งการเกี่ยวเนื่องในความปรุงแต่งที่จิตเข้าไปยึดถืออยู่ในอารมณ์หรือวัตถุนั้นๆ (Inception) นั่นหมายถึง กระบวนการเคลื่อนไหวของจิตตามจิตที่เป็นตัวอาการที่ดำเนินวิถีไปตามแนวจินตนาการ ซึ่งบางขณะอาจจะไร้เหตุผล มีเหตุผลถูกบ้าง ผิดบ้าง ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง เป็นกุศลจิตบ้าง เป็นอกุศลจิตบ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยนั้นๆ ที่ประกอบเข้ากับจิตที่เป็นตัวอาการนั้น
เช่นเดียวกันกับสภาวธรรมที่ถูกก่อตัวสร้างรูปขึ้น อันเป็นไปตามกรรม กรรมนิมิตหรือคตินิมิต จึงทำให้เกิดสภาวธรรมได้ต่างๆ นานา การดิ่งลงไปในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งของจิตที่เป็นตัวอาการ จนก่อรูปตามมโนสัญญาขึ้น ให้คล้ายเหมือนจริงในมิติแห่งมายาจิต ที่มีลักษณะดำเนินไปตามภาวะเลื่อนไหลของจิตที่ส่งวิถีเข้าไปในอารมณ์ที่จิตยังจดจ่ออยู่ ก็สามารถให้จิตทำงานได้ตามวิถีมโนทวาร ด้วยความคิดนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ยังจดจ่อฝังใจอยู่ จนก่อรูปสร้างเรื่องได้ในทุกอิริยาบถ มิใช่เฉพาะจะเป็นการนอนหลับอย่างเดียว จะยืนฝัน เดินฝัน นั่งฝัน ก็ย่อมเป็นไปได้ จะให้ต่อเนื่องไปกี่ตอนก็ได้ จนเหมือนจิตยินดีอยู่ในอาการดังกล่าว ไหลรินไปตามวิถีความคิดอย่างต่อเนื่อง จะยาวนานหรือสั้นแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสภาพการเสวยอารมณ์ของจิตทาง มโนทวารในขณะนั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับอำนาจอุปาทานของจิตต่ออารมณ์ดังกล่าว ที่ยึดเหนี่ยวข้องติดอยู่ ซึ่งผู้บังคับจิตได้ในการเจริญสมาธิชั้นสูงสามารถจับฝันได้ ดังที่กล่าวมาในตอนต้นด้วย การฝึกทางจิตดังกล่าวเรียกว่า วิชาจับฝัน ต้องใช้อำนาจสติควบคุมจิตเพื่อเข้าสู่ธรรมวิถีดังกล่าว ซึ่งต้องเข้มแข็งพอสมควร จนสามารถดูรู้เห็นจิตตัวอาการที่ดำเนินไปตามการยึดเหนี่ยวยึดถือในอารมณ์นั้นๆ จนสร้างภาวะให้เห็นเป็นไปดุจเรื่องจริงๆ ... เสมือนติดตามนั่งดูหนังที่ตนเองแสดงจนจบ และกลับเข้าสู่ที่พักจิตอีกครั้ง ... นั่นเป็นผลของการเจริญสติจนสามารถควบคุมตัวรู้ ติดตามดูจิตที่เป็นตัวอาการ ที่ดำเนินไปตามจิตวิถีได้อย่างน่าสนใจศึกษาอย่างยิ่ง... แตกต่างจากกรณีปล่อยจิตตัวอาการให้ไหลรินไปตามอารมณ์ที่คงค้างอยู่ในจิต จึงให้มีอาการจินตนาการไปต่างๆ นานา ปล่อยให้สภาพจิตจมอยู่ในอารมณ์นั้นๆ เหมือนคนติดยาเสพติด ที่หลงเพ้อไปตามสภาวะจิตหลอนด้วยฤทธิ์ยา
แต่หากฝึกเจริญสติให้มีคุณภาพ และรู้จักวิธีการปฏิบัติในการฝึกสติอย่างแก่กล้า เชี่ยวชาญ ก็จะสามารถเข้าสู่การจับหลับ ... จับฝัน ... จับตื่น ได้ด้วย ตัวผู้รู้สามารถติดตามดูตัวรู้ในอาการนั้นๆ ที่ดำเนินไปตามวิถี ... และถึงขั้นสามารถออกมาจากภาวะนั้นๆ เพื่ออธิษฐานให้เป็นไปตามจิต และกลับเข้าสู่มิติแห่งธรรมดังกล่าว ... ผันต่อไปในเรื่องนั้นโดยเปลี่ยนแปลงให้นิมิตร้ายกลายเป็นดีได้ ตามหลักการเจริญสติ... ซึ่งเรื่องดังกล่าวสามารถกระทำได้ ดังที่กล่าวไปแล้วในตอนต้น แต่เป็นไปเฉพาะบุคคลที่ฝึกฝนจิตมาดีแล้ว หรือมีบุญวาสนามาจากกาลก่อน แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องอยู่ที่การฝึกฝนการควบคุมจิตใจเป็นสำคัญ จนสามารถติดตามดูรู้เห็นจิตที่เป็นตัวอาการได้ และสามารถปรับแต่งจิตตัวอาการดังกล่าวได้ด้วยคุณภาพของสติที่ฝึกฝนมาดีแล้ว... จึงสามารถกระทำได้ แม้กระทั่งนอนหลับอยู่ และจิตที่เป็นตัวรู้ตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงกรนของตนเองๆ ... และรู้ว่าขณะนั้นนอนหลับอยู่ แต่สามารถรู้เห็นทุกอย่างได้อย่างเป็นปกติ ... เรื่องนี้อัศจรรย์มาก คงไม่เล่าไปมากกว่านี้ เดี๋ยววงผู้อยากรู้แตก ... จึงขอสรุปพอเข้าใจเพื่อศึกษาเปรียบเทียบกับหนัง Inception กับกระบวนการพัฒนาจิตตามวิถีพุทธในระดับหนึ่งที่น่าสนใจศึกษา เพื่อเป็นทางผ่านสู่ Perception ... Conception ... Intuitive Insight และ Supreme Enlightenment ซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นไปตามลำดับ ก็ด้วยการภาวนาอบรมจิตตามหลักการเจริญสติ จนเป็นมหาสติ ... ตามหลักคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา... และเมื่อปฏิบัติจนเข้าถึงองค์ธรรมแต่ละลำดับ ก็จะรู้แจ้งเข้าใจจริงตามที่เขียนบรรยายมา... ตอนนี้ก็เข้าใจปลอมๆ ไปก่อน เพื่อฝึกฝนการประกอบการคิดพิจารณาให้ถูกต้อง ตรงธรรม เมื่อปฏิบัติจะได้มีความจำได้หมายรู้ในหลักธรรมที่ถูกต้อง อันจะนำไปสู่การปฏิบัติตรงธรรมอย่างแท้จริง...
ขอเจริญพร


