posttoday

ขโมยซีน สุดฤทธิ โชว์ม่านเดอะสตาร์ "แฟร้งค์-เอกกี้"

21 เมษายน 2555

กลายเป็นสีสันของเวที “เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว” ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับพิธีกรสุดฮอต

โดย...นกขุนทอง

กลายเป็นสีสันของเวที “เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว” ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับพิธีกรสุดฮอต “แฟร้งค์-ภคชนก์ โวอ่อนศรี” และ “เอกกี้-เอกชัย เอื้อสังคมเศรษฐ์” เพราะในแต่ละวีกมักจะมีโชว์เด็ดๆ มาเรียกเสียงกรี๊ดได้ไม่แพ้เหล่าผู้เข้าแข่งขันเดอะสตาร์กันเลยทีเดียว จนกลายเป็นที่รอคอยของเหล่าผู้ชมเดอะสตาร์ไปโดยปริยาย มิหนำซ้ำนำคลิปวิดีโอมาลงในยูทูบก็ยังมียอดวิวหลักแสน พร้อมเสียงชื่นชมว่าโชว์ได้ใจสุดมันส์ แบบนี้มันขโมยซีนเดอะสตาร์ชัดๆ...

ไม่ว่าจะโชว์ละครเวทีที่ต่างสวมบทบาทพระนางได้เนียนมากๆ ไม่ต้องบอกก็คงรู้นะว่าใครจะเป็นนางเอก มาวีกแดนซ์ก็สวมวิญญาณเท้าไฟโชว์สเต็ปแบบไม่ยอมกัน ทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งแอ็กติง สองพิธีกรผ่านฉลุยเรียกเสียงกรี๊ดเสียงปรบมือเกรียวกราว เรียกเสียงฮาจนกระทั่งคนดูส่งข้อความมาขอเงินซื้อผ้าอ้อมเพราะทำให้อาม่าฉี่ราดมาแล้ว ของแบบนี้ถ้าไม่เชื่อต้องติดตามดูย้อนหลังได้ เพราะถึงขั้นมีแฟนคลับรวบรวมทุกวีกเด็ดๆ มาไว้ให้ชม

ขโมยซีน สุดฤทธิ โชว์ม่านเดอะสตาร์ \"แฟร้งค์-เอกกี้\"

 

 

 

ในปีแรกพิธีกรเดอะสตาร์ คือ “แซน-พนมกร ตังทัตสวัสดิ์” กับ “จ๋า-ณัฐฐาวีรนุช ทองมี” ในตอนนั้น แฟร้งค์ รับหน้าที่เป็นคนเชียร์อัพคนดู แต่พอมาปี 2 เดอะสตาร์มีความเป็นเดลีมากขึ้น ออกอากาศทุกวัน จึงเปลี่ยนมาเป็น แฟร้งค์ และ เอกกี้ ตั้งแต่บัดนั้นจนถึง ณ บัดนาว

แฟร้งค์ : “ผมเรียกใช้ง่าย คิวว่างตลอด (หัวเราะ) เพราะพอมาเป็นเดลีงานมันเยอะขึ้น และผมก็สวมบทบาทครีเอทีฟด้วยในรอบคัดเลือกว่าจะสัมภาษณ์ใคร เรียกว่าเดอะสตาร์คือคิวหลักของผมอยูแล้ว เพราะผมคือ แฟร้งค์ เดอะสตาร์ ครับ (หัวเราะ) อะไรที่เป็นเดอะสตาร์ผมต้องให้คิวให้หมด ทำงาน 6 เดือนต่อปี”

กว่าจะมาถึงวันนี้สำหรับสองพิธีกรไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นรายการสด ยิ่งต้อง “เดอะ โชว์ มัสต์ โก ออน” แต่ต้องไม่ “วันแมนโชว์” เพราะการทำหน้าที่พิธีกรคู่จะต้องจับมือจูงกันไป รู้จังหวะและเวลาของกันละกัน ไม่เช่นนั้นชื่อของ แฟร้งค์ และเอกกี้ คงไม่อยู่ในใจผู้ชมเดอะสตาร์มานานจนถึงปีที่ 8

แฟร้งค์ : “ผมรู้จักกับพี่เอกมาตั้งแต่ละครเวทีวิมานเมือง 10 ปีที่แล้ว แต่ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นไปแฮงเอาต์ ในช่วงแรกที่ทำงานด้วยกัน ผมยังไม่เข้าใจความเป็นพิธีกรจริงๆ ผมกลับไปคิดว่าพิธีกรต้อง 1 2 3 4 5 เป๊ะ ความเป๊ะน่ะถูกต้อง แต่มันไม่ใช่ 1 2 3 มันต้องฟังบรรยากาศรอบข้างและพาร์ตเนอร์ของเราด้วย ผมโชคดีที่พาร์ตเนอร์เป็นพี่เอก เพราะมีประสบการณ์จากการเป็นดีเจ ผมก็อาศัยการฟังกัน พอฟังกันมากขึ้นก็เลยเริ่มมีความสัมพันธ์ของพิธีกรคู่ มีมิติมากขึ้น ความเป็น 1 2 3 4 5 ก็หายไป และช่วงแรกๆ ไม่กล้าแซวกันมาก พอสนิทก็เริ่มเป็นตัวเองมากขึ้น พอเราเริ่มรู้จักพาร์ตเนอร์เราเป็นแบบนี้ เราก็หันมามองตัวเอง เราเป็นยังไง เลยมีการโต้ตอบที่สบายๆ เกิดขึ้น”

เอกกี้ : “แฟร้งค์เก่งขึ้นเยอะ จังหวะดี เป็นพิธีกรที่พลังเยอะมาก บิวด์เก่งมาก เหมาะมากสำหรับวาไรตีแ

ขโมยซีน สุดฤทธิ โชว์ม่านเดอะสตาร์ \"แฟร้งค์-เอกกี้\"

บบนี้ เป็นคนอินเนอร์เยอะ แต่ตอนปีแรกๆ จะค่อนข้างเครียดกันหน่อย จับทางกันไม่ถูก จังหวะมุขต่างๆ ก็เหมือนท่องสคริปต์ แต่ตอนนี้เข้าขากันมากเพราะรู้จังหวะกัน การเป็นพิธีกรคู่การรู้จังหวะกันและไปพร้อมๆ กันสำคัญมาก ถ้าคุณมาแบบวันแมนโชว์ก็ไปเป็นพิธีกรเดี่ยวสิ ถ้าเจอแบบนั้นเอกไม่ทำงานด้วยเลยนะ แต่นี่เราเป็นพาร์ตเนอร์ที่เข้าขากันมาก”

พอมาปี 4 แฟร้งค์ ก็ทำการแกรนด์โอเพนนิ่ง เอก ยูเอชที ให้เป็น เอกกี้ และหลังจากตัดริบบิ้นเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว เอกกี้ ก็ดูเต็มที่กับชีวิตมากขึ้น ตั้งแต่ปี 4 จนถึงปี 8 เอกกี้ก็เจิดขึ้นเรื่อย ไม่ว่าจะจัดโชว์ไหนมาตีบทได้แตกกระจุย

แฟร้งค์ : “ผมรู้สึกดึใจที่ทุกคนมีความสุขกับสิ่งที่เราทำอยู่ และปลื้มใจที่ได้เป็นคนแกรนด์โอเพนนิ่งให้พี่เอกได้เป็นคุณแม่เอกกี้ของหลายๆ คน (หัวเราะ) เมื่อก่อนพี่เอกไม่ผ่อนคลายเท่านี้ อย่างที่ผมบอกว่าพิธีกรต้องมีความเป็นตัวเอง จะเป็นได้อย่างผ่อนคลาย ตอนเปิดตัวไม่มีการปรึกษา แต่ข้างหลังผมแซวกันตลอด แต่วีกนั้นตอนปี 4 มันถาโถมมาก ข้างล่างก็แซว ขนาดร็อกเกอร์ พี่ปู แบล็คเฮด ยังแซว ผมไม่ไหวละ เปิดตัวละกัน”

เอกกี้ : “พอเปิดทุกอย่างก็สบายมากขึ้น เล่นได้มากขึ้น เมื่อก่อนเราก็เหมือนเป็นพิธีกร เข้าออก เข้าออก ไม่กล้าเล่น พอแกรนด์ผู้ใหญ่ก็เริ่มเปิด แล้วพอเราเล่นอะไรไปคนดูก็ชอบมากขึ้นๆ เอาซี้ (เสียงสูง) เราก็ยิ่งเล่นเต็มที่ (หัวเราะ) อย่างเสื้อผ้าเราก็หยุดยั้งไม่ได้ แต่เราไม่ได้ตั้งใจนะว่าจะต้องแรง ทุกอย่างมันค่อยๆ มาเอง แต่พอแต่งแล้วคนชอบ เอาล่ะสิ (เสียงสูงอีกละ) วีกต่อๆ ไปก็ลงไม่ได้แล้วอ่ะ อย่างเสื้อผ้าของเอกจะมีสีสันนิดหนึ่ง เป็นชุดสำหรับออนสเตจ ยิ่งเราเปิดตัวจะใส่พู่ ใส่ขนนก ขนเป็ดก็ไม่น่าเกลียด”

สำหรับโชว์ในแต่ละวีกที่เห็นเพียงเวลาไม่กี่นาที สองพิธีกรเตรียมงานกันอยู่หลายชั่วโมงและตั้งใจทำเต็มที่ เพราะความสนุกของเวทีเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวไม่ใช่แค่โชว์จากผู้เข้าแข่งขันทั้ง 8 คน แต่มันคือทั้งหมด รวมถึงคอมเมนเตเตอร์ทั้ง 3 คนข้างล่างเวทีด้วย

เอกกี้ : “เราต้องทำทุกอย่างให้เนียนไปกับบนเวทีที่เกิดขึ้น ตรงนั้นไม่ใช่โชว์ของเรา แต่เป็นการส่งอารมณ์สนุก อย่างก่อนจะเข้าเพลงแดนซ์ เราก็ร้องหรือเต้นเพื่อส่งอารมณ์ให้คนดูไปถึงการแข่งขัน ในแต่ละวีกเป็นมุขของเรา บางครั้งไม่ใช่มุขคำพูด แต่เป็นโชว์ร้องเพลง เต้น ซึ่งเริ่มมาแบบชัดเจนตั้งแต่ปี 4 (แฟร้งค์-เป็นปีที่ปลดปล่อย) พอเราเต้น ฟีดแบ็กกลับมาทันทีว่าเขาชอบ ต่อมาแต่ละธีมที่แข่งขันก็มีอะไรที่มาโชว์ ซึ่งเราไปดูย้อนหลัง ตายแล้ว (เสียงสูง) ฉันทำขนาดนี้เลยหรอ ตอนแรกก็ตื่นเต้นเพราะเราซ้อมกันวันนั้นเลย แต่ก็เป็นเซอร์ไพรส์ อยากเล่นเป็นคุณหญิงกีรติ เราก็อินจริงๆ (หัวเราะ)”

ขโมยซีน สุดฤทธิ โชว์ม่านเดอะสตาร์ \"แฟร้งค์-เอกกี้\"

 

แฟร้งค์ : “เราตั้งใจเล่นจริงๆ ไม่ได้เล่นตลก แต่สถานการณ์ตรงนั้นคนฮาไง เดอะสตาร์มีหลายอารมณ์ เราต้องพาคนดูกลิ้งไปกับมัน อย่างดูสนุกแบบการแข่งขันแล้ว ก็เพิ่มความสนุกแบบโชว์ คนดูก็ตามอารมณ์ไป เราคิดถึงโมเมนต์ของความสุขของคนจะกลิ้งไปยังไง ทั้งหมดทั้งปวงมันเป็นโชว์ 1 โชว์ ก็จะอัพคนดูให้คนดูสนุก หรือตอนที่ผู้เข้าแข่งขันไม่ได้ไปต่อมันก็เศร้าจริงๆ เราไม่ได้แกล้งเศร้า เพราะเราเห็นน้องๆ กว่าจะมาเป็น 8 คนสุดท้ายมันยาก พอเขาไม่ได้ไปต่อก็ใจหายจริงๆ”

เอกกี้ : “มันสดด้วยไง คนที่อยู่ข้างหน้าส่งเสียงมา เราก็นึกในใจ เอาซี้ จะอินให้มันสุดๆ ชอบแบบนี้ใช่ไหม (หัวเราะ) ทั้งหมดทั้งปวงเราจริงจัง ที่ท่านขำอยู่เนี่ย เราจริงจัง จริงใจ มันคือโชว์ คือมุข ทุกวันนี้ทำงานมีความสุขมาก เพราะเราได้ทำอะไรมากกว่าการเป็นพิธีกรเข้าคิวออกคิว เราได้ร้องเพลง ได้แสดง เต้น เราได้ใช้ความสามารถเต็มที่สำหรับรายการนี้ เรียกว่าสเปเชียลจริงๆ ทำให้เราเก่งขึ้นด้วยนะ”

เดอะสตาร์ 8 เดินทางมาถึง 2 วีกสุดท้าย จากกระแสตอบรับล้นหลาม ส่งผลให้ยังคงมีเดอะสตาร์ปี 9 เกิดขึ้นแน่นอน และที่แน่นอนยิ่งกว่าก็คือ 2 พิธีกร เอกกี้ และแฟร้งค์ ซึ่งตอนนี้ก็มีนามสกุลเดอะสตาร์ห้อยท้ายไปด้วย จะยังคงทำหน้าที่พิธีกรสร้างโชว์สนุกๆ มาเรียกเสียงหัวเราะมอบความสุขให้กับผู้ชมอีกเช่นเคย