posttoday

Fail of the สอง Years รวมภาพขำระเบิด

06 กุมภาพันธ์ 2555

ปกสีเหลืองอ๋อยว่าสะดุดตาแล้ว แต่พอพลิกดูเนื้อหาข้างใน ก็ต้องเรียกว่าจี๊ดดดใจยิ่งกว่า

ปกสีเหลืองอ๋อยว่าสะดุดตาแล้ว แต่พอพลิกดูเนื้อหาข้างใน ก็ต้องเรียกว่าจี๊ดดดใจยิ่งกว่า

โดย...โจ เกียรติอาจิณ

ปกสีเหลืองอ๋อยว่าสะดุดตาแล้ว แต่พอพลิกดูเนื้อหาข้างใน ก็ต้องเรียกว่าจี๊ดดดใจยิ่งกว่า

หนังสือชื่อประหลาด Fail of the สอง Years หนาพอประมาณ 322 หน้า ถือนานๆ ก็เมื่อยมือได้ (ฮะฮา) เพิ่งจะคลอดจากแท่นพิมพ์ “แซลมอน บุ๊คส์” เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง

โปรยปกบอกชัดว่ารวมภาพเฟลระดับมงกุฎเพชร คัดสรรความฮาที่สุดในรอบ 2 ปี และถัดไปข้างๆ ก็มีชื่อแปะหรา “เฟลาธิการ”

ใครคือ เฟลาธิการ เฟลาธิการเป็นใคร นั่นทำให้เราเริ่มคิดแผนตามหาตัวเป็นๆ มานั่งพูดคุย

“ปรัชญา สิงห์โต” คือ ชื่อสกุลตามบัตรประชาชนของเขา

ตัวจริงของเฟลาธิการ เป็นผู้ชายธรรมดา หน้าตาบ้านๆ ทว่าใจดี แถมยังขี้อายเล็กน้อย พูดไม่เก่ง แต่มุขแยะ

สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้จากตัวตน “เฟลาธิการ” ค่อนข้างเป็นคน โคตร จะมองโลกมุมบวก อะไรที่ว่าร้ายๆ อะไรที่ว่าแย่ๆ เขาไม่เคยไปหงุดหงิดใส่ให้อารมณ์บ่จอย เขากลับหยิบมามองให้เป็นเรื่องขำฮาซะงั้น

นี่ไงละจึงเป็นที่มาของหนังสือชื่อประหลาด

ว่ากันซึ่งหน้า แบบไม่ได้ดัดจริต หรือยกยอเพื่อขายของ Fail of the สอง Years อ่านแล้วเพลิน เพลินขนาดว่าไม่อยากวางลงเลย

สั้น กระชับ จับจิต ด้วยคำพูดที่ทยอยส่งต่อๆๆๆ กัน จากคนหนึ่งไปถึงอีกคนหนึ่ง จากนั้นก็มากมายและคับคั่งด้วยประโยคเด็ด พูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้น แท้จริงมันก็เป็นอารมณ์ความรู้สึกมีต่อรูปภาพที่ปรากฏในบอร์ดเว็บไซต์หนึ่ง ซึ่งประกาศตัวเต็มยศว่า Fail.in.th

ใช่!!! เฟลาธิการ หรือปรัชญา คือ เจ้าของเว็บไซต์ โดยเขาก็ทำตัวเป็นผู้รวบรวม ผู้เรียบเรียง ไม่หมดแค่นั้น ยังลงแรงแข็งขันจดปลายปากกาเพิ่มเติมให้มันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น จนสุดท้ายก็แปลงร่างมาอยู่ในรูปเล่มหนังสือฮาระเบิดระเบ้อ

“ก็ไม่รู้ว่าจะจัดให้อยู่หมวดอะไรดีนะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสั้น มันไม่ใช่บทกวี แม้ว่าจะมีการเล่นสำบัดสำนวนก็ตาม และด้วยความที่มีรูปประกอบกับประโยคเด็ดๆ คุณอาจจัดไว้ในหมวดเรื่องเล่าด้วยภาพก็ได้”

คนที่หวังมาอ่านเอาสาระจริงจัง ขึงขัง เคร่งเครียด ปรัชญาว่า Fail of the สอง Years อาจจะไม่สนองนีดได้ตรงๆ แต่ถ้าใครมาจับสาระจาก “ความเฟล” ที่ให้ความหมายทำนอง “ผิดหวัง” “ผิดพลาด” “ล้มเหลว” กระทั่งตีความหมายเป็น “ความแป้ก” “ความวืด” “ความเสื่อม” ของคนและสังคมไทยก็คงเต็มอิ่ม แล้วยังจะเพิ่มรอยหยักสมองและรอยตีนกาบนใบหน้า (ด้วยว่าหัวเราะเยอเกินเหตุ) ไม่มากก็น้อย

“ผมว่าโลกเราทุกวันนี้มันเครียดนะ มีเรื่องให้เครียดกันไม่จบไม่สิ้น ถ้าคุณจริงจังกับเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียสอยู่แล้ว ก็ยิ่งจะซีเรียสกันไปใหญ่ บางทีประโยชน์ของการมองอะไรที่ไม่จริงจัง แต่ไม่ทำร้ายใคร ก็ช่วยให้คนเราผ่อนคลายได้เหมือนกันนะ”

ถ้อยความที่ปรัชญาในฐานะเฟลาธิการ (มาจากการรวม 2 คำ เฟล+อธิการ) คัดสรรมาลงในหนังสือ สอดคล้องกับภาพประกอบที่มีเหล่ามือโพสต์ขั้นเทพบรรจงหยิบมาโพสต์ไว้ในบอร์ดเฟล แล้วก็ประเดประดังเป็นประโยคเด็ดๆ จี๊ดๆ ชวนให้ต้องกรี๊ดดด จนอยากมอบรางวัล “คิดได้ไงเนี้ย” ให้ซะจริงๆ

“ภาษาก็เป็นภาษาง่ายๆ บางคำอาจจะเฉพาะกลุ่ม แต่กติกาของเฟลที่ผมตั้งขึ้นคือ จะต้องไม่กระทบกระทั่งต่อบุคคลใดๆ ยิ่งเฉพาะบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่ใช้คำหยาบคาย ที่ส่อเสียด สองแง่สามง่าม มุ่งไปในเชิงยั่วล้อบรรยากาศที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง กวนตีนได้ แต่ต้องไม่มากไป”

Fail of the สอง Years นั้นหาใช่จะมีแต่ความเฟล ความไม่เฟลก็หาอ่านได้ ซึ่งปรัชญาเรียกมันว่า “Win” ถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบให้เห็นกันจะจะ นัยว่าจะทำให้คนอ่านรู้สึกว่าชีวิตน่ะมีสองด้าน (นะเฟ้ย) มีดำก็ต้องมีขาว ฝ่ายอธรรมก็ต้องโดนเชือดโดยฝ่ายธรรม แน่นอนในเมื่อมีความเฟลก็ย่อมจะต้องมีความวินให้ได้ชื่นชมกัน

“มันอาจจะมีความเป็นตลกร้ายอยู่พอสมควรนะครับ แต่ความตลกร้ายก็อาจทำให้คุณหัวเราะไม่ออกเลยละ” &<2288;
 

 

ข่าวล่าสุด

ทร.แจงไม่ได้ข่มขู่กัมพูชา ย้ำใช้กลไกทวิภาคีปมเขื่อนกันคลื่น