ต้นไม้กับการเรียนรู้ สู้ภัยน้ำท่วม
มหาอุทกภัยของประเทศไทยครั้งนี้ ทำให้เห็นถึงความสามารถของไม้ยืนต้นหลายชนิดในอันที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ของมันต่อไป
โดย...ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม
มหาอุทกภัยของประเทศไทยครั้งนี้ ทำให้เห็นถึงความสามารถของไม้ยืนต้นหลายชนิดในอันที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ของมันต่อไป แม้จะถูกน้ำท่วมอยู่เป็นเวลานานแรมเดือน ความสามารถของไม้ยืนต้นที่จะมีชีวิตอยู่รอดหลังน้ำท่วมจะแตกต่างกัน เราออกสำรวจดูไม้ดอกไม้ประดับและไม้ผลขนาดใหญ่น้อยภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งถูกน้ำท่วมหนักสูงอาจถึง 3-4 เมตร ก็มีในบางแห่ง แต่ส่วนใหญ่สูงไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร และน้ำที่ว่านี้ท่วมขังแช่อยู่เป็นเวลานานเป็นเดือนทีเดียว ไม่ใช่ท่วมกันประเดี๋ยวประด๋าว
เป็นที่น่ายินดีที่ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่อายุนานนับสิบปีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจามจุรี นนทรี ตะแบกนา ราชพฤกษ์ อินทนิลน้ำ ประดู่อังสนา สนประดิพัทธ์ สนทะเล ไทรย้อยใบทู่ ไทรย้อยใบแหลม แปรงล้างขวด โพธิ์ หูกวาง ไม้ต้นซึ่งออกนามมานี้แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้
แต่พบกระถินณรงค์ยืนต้นตายอยู่เพียงไม่กี่ต้น ไม้ผลที่ทนทานไม่สะทกสะท้านกับภัยน้ำท่วม ได้แก่ มะม่วงบางพันธุ์ แต่อีกหลายพันธุ์ ซึ่งขนาดใหญ่อายุมากพบว่ายืนต้นตาย ใบแห้งคาต้น มองเห็นได้แต่ไกล ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการปลอดภัยที่จะกล่าวว่าความต้านทานต่อสภาพการขาดออกซิเจนและความต้านทานต่อโรคพืชบางชนิด เช่น เชื้อราไฟทอฟเทอรา หรือเชื้อราฟิวซาเรียมของระบบรากพืชพันธุ์ต่างๆ ย่อมแตกต่างกันไป
ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญยิ่งคือ เรื่องของคุณภาพน้ำที่ท่วมในแต่ละแหล่ง ซึ่งต้นไม้นั้นขึ้นอยู่ ถ้าขึ้นอยู่ในละแวกน้ำไหลเชี่ยวกราก น้ำมีการถ่ายเทตลอดเวลา ปริมาณออกซิเจนในน้ำมีสูง โอกาสน้ำจะเน่าเสียน้อย ปริมาณแบคทีเรียและเชื้อราในน้ำย่อมมีน้อยหรือเจือจาง รากต้นไม้ได้รับผลกระทบน้อย โอกาสรอดของต้นไม้จึงมีมาก นี่เป็นคำตอบของปรากฏการณ์ที่ว่าเหตุใดไม้ยืนต้นบางชนิดจึงตาย แต่ในขณะเดียวกันไม้ยืนต้นชนิดพันธุ์เดียวกันจึงไม่ตายหรือตายช้ากว่า
พันธุ์ไม้บางชนิดทิ้งใบยืนต้นตายทันทีเมื่อถูกน้ำท่วมเพียง 2-3 สัปดาห์ เราได้เห็นต้นหนวดปลาหมึก (Octopus plane : Schefflera actinophylla) ขนาดใหญ่ ซึ่งปลูกอยู่หน้าลานจอดรถใกล้ยิมเนเซียมของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แพ้น้ำท่วมจนตายไปหมดทุกต้น เช่นเดียวกับพุทธรักษา (Water canna : Canna indica) จำนวนหลายพันต้น ซึ่งปลูกอยู่ริมถนนภายในมหาวิทยาลัย ถูกน้ำท่วมยอดจนเน่าตายทั้งหัวที่ฝังอยู่ใต้ดิน การฟื้นฟูสภาพของแปลงปลูกพุทธรักษา ซึ่งเป็นพืชชอบน้ำ แต่แพ้น้ำเน่าอย่างรุนแรงเช่นนี้ เป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยาก เนื่องจากต้องขุดเอาหัวที่เน่าออกเผาทำลายให้หมด แล้วพลิกดินตากแดด และอาจใช้สารเคมีกำจัดเชื้อราที่มากับน้ำ ได้แก่ เชื้อไฟทอฟเทอราราดก่อนที่จะเปลี่ยนดินปลูกพืชชนิดอื่นลงไป
ไม้ยืนต้นประเภทไม้ผลชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่มีความต้านทานต่อน้ำท่วมรากเอาเสียเลย ได้แก่ ขนุน ไม่ว่าจะเป็นต้นขนาดเล็กหรือต้นขนาดใหญ่อายุนับสิบปี ล้วนแต่แพ้น้ำท่วมรากทั้งสิ้น ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก เนื่องจากเราทราบกันดีว่า ขนุนเป็นพืชที่ชอบดินดอน ดินระบายน้ำดี ทนแล้ง ไม่ชอบดินน้ำขัง ด้วยเหตุนี้การปลูกขนุนจึงหลีกเลี่ยงพื้นที่ลุ่มต่ำ ดังเราได้เห็นการปลูกขนุนเป็นการค้ากันในหลายแหล่งของชลบุรี ระยอง เพชรบูรณ์ ราชบุรี และกาญจนบุรี เป็นต้น ต้นขนุนขนาดใหญ่หลายต้นในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ยืนต้นตายอย่างน่าเศร้าใจเมื่อเจอกับภัยน้ำท่วมครั้งนี้
ไม้ดอกไม้ประดับหลายร้อยชนิดประสบความเสียหายเพราะภัยน้ำท่วมครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม้พุ่มเตี้ย ซึ่งปลูกตัดเป็นรั้ว (Kedge) เช่น ชาฮกเกี้ยน (Ehretia microphylla) ชาปัตตาเวีย (Malpighia coccigera) ชาข่อย (Acalypha siamensis) พวกนี้ล้มหายตายจากเมื่อถูกน้ำท่วมจนมิดยอด เนื่องจากระดับน้ำที่สูงเกือบ 2 เมตร จะทำให้ไม้พุ่มเตี้ยเหล่านี้จมอยู่ใต้บาดาลหมด ซึ่งกว่าจะรื้อต้นเก่าออกทิ้งพรวนดินใส่ปุ๋ยอินทรีย์ และปลูกพันธุ์เดิมลงไปอีกคงต้องใช้เวลานาน เนื่องจากแหล่งไม้ถุงไม้กระถางในแหล่งเนิร์สเซอรีกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ และริมคลอง 14 รังสิตก็ถูกน้ำท่วมจนแทบไม่เหลือหลอเช่นกัน คงจะต้องอาศัยแหล่งพันธุ์ใหม่จากปราจีนบุรี นครนายก หรือจากชลบุรี ราชบุรี ระยอง จันทบุรี และ อ.ภูเรือ จ.เลย ส่งพันธุ์มาขยายต่อในอนาคต
พันธุ์พืชทนน้ำท่วมมหาวิปโยคครั้งนี้ บอกได้เลยว่าไม้ยืนต้นจำพวกโพธิ์ ไทรต่างๆ ยางอินเดีย ลั่นทม เฟื่องฟ้า พืชในวงศ์ปาล์ม ซึ่งเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีความทนทานสูงต่อน้ำท่วม เช่นเดียวกับหูกวาง ซึ่งทนทรหดและอยู่รอดได้เช่นเดียวกับนนทรีและอะราง ซึ่งทรหดสมเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั่นเอง


